xs
xsm
sm
md
lg

“พันธมิตรฯ” ชี้เลื่อนร่างปรองดองแค่ถ่วงเวลา ลั่นหากสภาฯ ลักไก่พร้อมชุมนุมทันที

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




“แกนนำพันธมิตรฯ” ประชุมถึงข้อเรียกร้องให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ชี้สภาฯ เลื่อนพิจารณาออกไปเพียงถ่วงรั้งเวลา เตรียมประชุมกำหนดท่าทีอีกครั้งหลังพิจารณา 10 เรื่องใกล้แล้วเสร็จ ยันหากบิดพลิ้วเข็นร่างปรองดองเมื่อไหร่พร้อมเรียกชุมนุมทันที ซัดรัฐบาลเดินหน้าจัดสานเสวนาแต่ยังคาร่างกฎหมายไว้อยู่สะท้อนไม่จริงใจ เสมือนตั้งธงไว้แล้ว ลั่นไม่มีทางเข้าร่วม



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “แกนนำพันธมิตรฯ” แถลงการณ์  

วันนี้ (2 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่บ้านพระอาทิตย์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำรุ่น 2 และโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้แถลงข่าวถึงท่าทีเกี่ยวกับการเรียกร้องให้มีการถอนร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ. ... ออกจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร

นายปานเทพกล่าวว่า วันนี้แกนนำพันธมิตรฯ ได้มีการประชุมกันที่บ้านพระอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา และมีข้อสรุปต่อกรณีที่ทางพันธมิตรฯ ได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกร้องให้พิจารณาเรื่องเกี่ยวข้องกับร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ต่อกรณีที่มีการเสนอกฎหมายดังกล่าวที่จะสร้างความแตกแยกให้แก่คนในชาติต่อไปในอนาคต ทางพันธมิตรฯ ได้ยื่นข้อเรียกร้องว่าขอให้ถอนวาระดังกล่าวออกจากที่ประชุม โดยกำหนดเงื่อนไขว่า ถ้ามีปรากฏอย่างชัดเจนว่าจะประชุมเมื่อไหร่ และวาระปรากฏอย่างชัดเจนแล้ว พันธมิตรฯ จะดำเนินการชุมนุมโดยทันที

แต่เนื่องปรากฏเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้มีการบรรจุวาระร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้าไปในที่ประชุม และมีการเสนอให้นำวาระ 10 เรื่องขึ้นมาเป็นวาระในการประชุมคราวหน้า ทำให้วาระกฎหมายปรองดองซึ่งเดิมอยู่ในบัญชีวาระเร่งด่วนพิเศษลำดับที่ 1 นั้นได้ตกลงไปเป็นลำดับที่ 11 เราจึงเห็นว่ากรณีดังกล่าวนั้นเป็นการถ่วงรั้งเวลาสถานการณ์ ไม่สามารถที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง

“สืบเนื่องมาจากกรณีดังกล่าวได้ล่วงเลยมาถึงวันที่ 1 ส.ค.แล้ว และประกอบกับมีการเลื่อนวาระดังกล่าวออกไปถึง 10 วาระดักหน้าเอาไว้กับกฎหมายปรองดอง เราจึงเห็นว่าถ้ายังไม่ปรากฏอย่างชัดเจนว่าจะมีการพิจารณาในวันที่ 8 ส.ค.นี้ เราก็จะยังชะลอการชุมนุมออกไปก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าปรากฏว่าจะมีการบิดพลิ้ว หรือมีการพิจารณาเสร็จสิ้นใกล้ถึง 10 วาระแล้ว พันธมิตรฯ ก็จะประชุมกันอีกครั้งเพื่อกำหนดวันชุมนุมครั้งต่อไป และก็จะกำหนดให้ทราบ แต่หากมีการลักไก่หรือมีการพลิกผันของมติฉุกเฉินในการพิจารณาว่าด้วยกฎหมายปรองดองเร่งด่วนพิเศษขึ้นมาลำดับแรกเมื่อไหร่ พันธมิตรฯ ก็จะจัดชุมนุมโดยทันทีเช่นเดียวกัน” นายปานเทพกล่าว

นายปานเทพกล่าวว่า เราเรียกร้องให้ทางแก้ที่ดีที่สุดก็คือ การถอนวาระดังกล่าวออกจากที่ประชุม เพราะเห็นว่าถ้ารัฐบาลมีความคิดจะสานเสวนาแล้ว ตราบใดที่ยังมีกฎหมายดังกล่าวคาอยู่เอาไว้ในสภา สะท้อนถึงความไม่จริงใจในการที่จะนำไปสู่ทางออกของประเทศ และเป็นไปไม่ได้ที่การคากฎหมายดังกล่าวเสมือนเป็นการตั้งธงเอาไว้ก่อนแล้วจะเชิญคนทุกกลุ่มมาสานเสวนานั้น พันธมิตรฯ ไม่มีทางจะเข้าร่วมได้เลย นอกจากการรอคัดค้านกฎหมายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เราจึงเห็นว่าในชั้นนี้เราจึงชะลอการชุมนุมออกไปก่อน และจะกำหนดอีกครั้งเมื่อถึงสถานการณ์ที่เหมาะสม ถ้ามีปรากฏอย่างชัดเจนว่าจะดำเนินการพิจารณาแล้ว เราก็จะมีการจัดชุมนุมโดยทันที และเรียกร้องเหมือนเดิมคือถอนกฎหมายดังกล่าวออกจากวาระการประชุม

ด้าน พล.ต.จำลองกล่าวว่า โดยสรุปก็คือ ถ้าจะมีการประชุมเรื่องกฎหมายปรองดองในสภาเมื่อไหร่ เราจะเรียกชุมนุมใหญ่ทันที ซึ่งเวลานี้ผู้ที่อัดอั้นตันใจอันเนื่องมาจากกฎหมายฉบับนี้ที่จะทำลายบ้านเมือง พร้อมอยู่แล้ว ไปที่ไหนเขาก็ถามว่าเมื่อไหร่จะชุมนุม เราบอกว่าเป็นไปตามเดิม คือจะมีการพิจารณากฎหมายนี้ในสภาเมื่อไหร่เราก็เรียกชุมนุมเมื่อนั้น ยืนยันว่าทัน และพร้อมอยู่แล้วในขณะนี้ ก็มีแต่คนของรัฐบาลออกมาให้ข่าวในทำนองว่าถ้าตัดเงื่อนไขบางอย่างออกไปก็น่าจะใช้ได้ เช่น ถ้าบอกว่าตัดการคืนทรัพย์สิน 4.6 หมื่นล้านบาทให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีออกไป กฎหมายนี้ก็น่าจะผ่านได้ เรายอมไม่ได้ เพราะร่าง พ.ร.บ.ปรองดองทั้งฉบับยังมีเรื่องอื่นที่ทำลายกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด เรายืนยันแล้วว่าแม้กฎหมายปรองดองเราจะได้ประโยชน์ โดยเฉพาะคดีฟ้องร้อง แต่ยืนยันว่าเราทำเพื่อสังคมส่วนรวม ไม่ได้ทำเพื่อตัวเราเอง และเรามั่นใจว่าเราไม่ผิด ถ้าเราผิดเราก็ยอมรับตามกระบวนการยุติธรรม ดีกว่าที่เอาตัวรอดไปแล้วทำให้บ้านเมืองเสียหาย ซึ่งเรายอมไม่ได้ ขอยืนยันอีกทีว่าเราไม่ได้เพิกเฉย เราติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา และเป็นไปตามที่เราได้พูดได้กล่าวไว้แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการเปิดเผยรายชื่อคณะทำงาน 11 คน ที่จะออกมาร่วมหารือและเรียกกลุ่มประชาชนเข้าร่วมสานเสวนา คิดว่าจะสามารถสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นและนำไปสู่การผ่านร่าง พ.ร.บ.ปรองดองหรือไม่ พล.ต.จำลองกล่าวว่า ไม่ต้องไปคำนึงถึงคนไหนว่าจะมีความเชื่อถือแค่ไหน ไปดูที่ร่างกฎหมายปรองดองก็ได้ ทุกร่างเกือบเหมือนกันทั้งหมด เมื่อออกมาแล้วทำลายชาติบ้านเมือง ทำลายสถาบันซึ่งเรายอมไม่ได้ จะมาเล่นวิธีพลิกแพลง จะมีการตั้งคณะกรรมการ เชิญคนนั้นคนนี้เข้ามา มันเป็นไปไม่ได้ ตนบอกไปแล้วว่าคุณปรองดองกับใคร ใครทะเลาะกับใคร ไม่มีใครทะเลาะกับใคร มีแต่พวกหนึ่งตั้งหน้าตั้งตาที่จะหาประโยชน์ส่วนตัวและพรรคของตัวเอง แล้วก็ออกกฎหมายนี้มา อันนี้เป็นข้อตัดสิน เราไม่จำเป็นที่จะต้องพิจารณาว่าคนนั้นเชื่อได้ไหม คนนี้เชื่อได้ไหม ถ้ามีการเสวนาเมื่อไหร่เราก็ไม่เห็นด้วยทันที แม้เราไม่ทะเลาะกับใครแต่เราต้องคัดค้านคนที่มาทำลายชาติและราชบัลลังก์ต่างหาก

นายปานเทพกล่าวเสริมว่า ตัวอย่างมีให้เห็นแล้วว่ารัฐบาลตั้งคณะกรรมการ คอป.ขึ้นมา ซึ่งมีรัฐบาลที่แล้ว มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน ต่อมารัฐบาลชุดนี้ก็ใช้นโยบายเหมือนเดิม คือยังคงให้ คอป.ทำงานต่อไป แต่ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองไม่ได้เป็นส่วนงานของ คอป.เลย แล้วพอ คอป.ไม่เห็นด้วยก็กลับเดินหน้าต่ออย่างต่อเนื่อง ในทำนองเดียวกัน การที่มีการตั้งคณะกรรมการอะไรก็ตาม แต่ยังปรากฏกฎหมายดังกล่าวคาเอาไว้อยู่ในสภา มันย่อมเท่ากับเป็นการจัดฉากเพื่อสร้างความชอบธรรมหรือเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อหวังจะเอากฎหมายนั้นผ่านเข้าไปที่ประชุมต่อไปนั่นเอง ดังนั้น การไม่ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองจึงสะท้อนให้เห็นความไม่จริงใจ ไม่บริสุทธิ์ใจ ไม่ว่าจะตั้งใครมาก็ตาม เราจึงเห็นว่ากระบวนการดังกล่าวนั้นนำไปสู่การหาความชอบธรรมในการให้ผ่านกฎหมายดังกล่าวต่อไปเท่านั้น

พล.ต.จำลองกล่าวอีกว่า การปรองดองที่ดีที่สุด เขาใช้กันทั่วโลก คือการใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ถ้าตราบใดไม่ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด แก้นู่นแก้นี่ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและหมู่คณะ มันปรองดองกันไม่ได้ และเราได้ให้ระยะเวลารัฐบาลมานานแล้ว รัฐบาลอยู่ครบ 1 ปีแล้ว และรัฐบาลใช่ไหมที่เป็นคนคิดเรื่องปรองดอง รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีจะปัดความรับผิดชอบต่อไปยังสภาฯ แล้วแต่สภาฯ ไม่ได้โดยเด็ดขาด ดังนั้นในการชุมนุมครั้งต่อไปเราก็ได้พูดกันแล้วว่าเราต้องกดดันรัฐบาลด้วย เพราะเป็นตัวการของกฎหมายฉบับนี้ คนของรัฐบาลใช่ไหมที่ได้ประโยชน์เต็มที่

เมื่อถามว่า แสดงว่าถ้ามีการชุมนุมเกิดขึ้นจะเป็นการยกระดับเพื่อขับไล่รัฐบาล พล.ต.จำลองกล่าวว่า ไม่ใช่ยกระดับ แต่เป็นเรื่องธรรมดา เราได้ให้เวลามานานแล้ว ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ใครขึ้นมาเป็นรัฐบาลแล้วเราไปคัดค้าน นี่เป็นระยะเวลาหนึ่งปีแล้ว และหลายต่อหลายเดือนทีเดียวที่มัวพะวักพะวนอยู่กับเรื่องนี้ แทนที่จะไปแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน แก้ปัญหาใหญ่ๆ ของชาติ ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งปัญหาชายแดนภาคใต้ซึ่งคุกรุ่นขึ้นมาอย่างใหญ่โตมโหฬารก็ยังเฉยอยู่ ยังรื่นเริงกันได้อยู่

เมื่อถามว่าถ้ารัฐบาลหาทางออกด้วยการเชิญแกนนำพันธมิตรฯ เข้าร่วม พล.ต.จำลองกล่าวว่า ตนยืนยันว่าเราไม่ไปร่วมด้วย เพราะมันไม่มีทางที่จะทำให้เกิดความปรองดองได้ การตั้งกรรมการก็คือ ต้องการยื้อเวลาออกไปเท่านั้นเอง ก็เรารู้อยู่แล้วว่ามันปรองดองไม่ได้ มีชาติไหนในโลกที่ทำผิดคิดร้ายถึงขนาดโกงไปหมื่นๆ ล้าน ฆ่าทหารตาย ฆ่าประชาชนตาย เผาบ้านเผาเมือง เผาศาลากลางจังหวัด แล้วจะยกโทษให้หมด แล้วบอกว่านี่คือปรองดอง ยอมได้ที่ไหน ถ้ายอมบ้านเมืองเสียหาย เรายอมไม่ได้เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องได้รับผลกระทบด้วย ถึงแม้จะเป็นหน่วยหนึ่งของสังคม เมื่อบ้านเมืองเสียหายเราก็แย่ไปด้วย อีกหน่อยใครจะทำผิดอย่างไรก็ได้ โกงไปเยอะๆ ซื้อเสียงเข้าสภาแยะๆ แล้วทำผิดอะไรก็ได้ จะฆ่าคนตายก็ได้ จะทำอะไรได้ทั้งนั้น จะโกงเขาเท่าไหร่ก็ได้ ถึงเวลาก็ไปยกมือนิรโทษกรรม และตั้งชื่อเก๋ๆ จะเป็นปรองดอง สมานฉันท์ อะไรก็แล้วแต่ ถ้ารัฐบาลจะเชิญมาเสียเวลาเปล่าๆ อย่าเชิญมาเลย

ด้าน นายสมเกียรติกล่าวว่า ตนขอเสนอเรื่องที่จะยกระดับการชุมนุมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพราะว่าสถานการณ์ขณะนี้ พื้นที่เขาพระวิหารอาจจะกำลังเสียไป ที่ศาลจะพิพากษา อันนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญเหมือนกัน สอง เหตุการณ์ชายแดนภาคใต้ แต่ว่าเรื่องกฎหมายปรองดองเราไม่ไปร่วมเป็นคณะกรรมการและเราไม่รับเชิญไป แต่เรายังยึดถือว่าคดีที่ คตส.ตรวจสอบมาทั้งหมด 10 กว่าคดี จะต้องขึ้นสู่ศาล เราไม่ยอมเด็ดขาดที่จะให้ลบล้างไป และเงินที่ยึดไป 4.6 หมื่นล้านบาทจะต้องเป็นของรัฐ จะเอาคืนกลับไปไม่ได้ เรายืนยันจุดนี้ตลอด ตนคิดว่าบ้านเมืองเราในตอนนี้มันอยู่เหมือนเหตุการณ์กำลังเกิดอะไรขึ้น พี่น้องประชาชนรู้ดี และมันจะมีหน้าประวัติศาสตร์โดยการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา ในสมัยประชุมนี้ และเมื่อกฎหมายปรองดองยังคาอยู่ จะเป็นอุปสรรคอย่างสำคัญ เพราะฉะนั้นในความเห็นของตนมันเป็นไปได้ที่การออกมาครั้งนี้จะเป็นศึกที่ทุกอย่างยกระดับหรือไม่คอยติดตามต่อไป

ขณะที่ นายพิภพกล่าวว่า กฎหมายปรองดองนั้นรายละเอียดคงจะเป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว แต่นานไปคนก็จะลืมว่ารายละเอียดของกฎหมายฉบับนี้คนก็มุ่งไปที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วก็คิดว่าพันธมิตรฯ ค้านก็เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จริง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นส่วนหนึ่งที่พันธมิตรฯ จะต้องตรวจสอบและเห็นว่าทำผิดหลายเรื่องอย่างในอดีต ก็อยากจะเรียนว่ากฎหมายปรองดองไปดูเนื้อหาในรายละเอียดแล้ว จะนิรโทษกรรม ยกเว้นโทษไม่ใช่เฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ยังมีนักการเมืองที่ทำผิดอยู่ในสภา และคนที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยที่เป็นนักการเมือง ถึงแม้ไม่อยู่ในสภา ก็จะพ้นผิดไปด้วยในช่วงระยะเวลาที่กฎหมายปรองดองกำหนด อย่างที่ พล.ต.จำลองพูดว่าเราไม่ได้ทะเลาะกับใคร เราจะปรองดองกับใคร ปรองดองที่ดีที่สุดคือ การเคร่งครัดกฎหมาย ปฏิบัติตามกฎหมาย เหมือนโจรมาขึ้นบ้านถ้าเราไม่เคร่งครัดตามกฎหมายที่เขาทำผิด แล้วก็จัดการโจรนั้น แต่ต้องการปรองดองกับโจร ก็จะมีโจรเต็มบ้านเต็มเมือง นี่เป็นอุปมาอุปไมย

ฉะนั้น กรณีนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวที่ทำผิดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม วันนี้พันธมิตรฯ ยอมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถึงแม้ว่ากฎหมายปรองดองนี้จะมาขอเอี่ยวยกโทษให้พันธมิตรฯ ด้วย เราก็เห็นว่าไม่ถูกต้อง ถ้าเห็นว่าเราทำผิดในการเคลื่อนไหวเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง ราชบัลลังก์ และตรวจสอบนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชันแล้ว เห็นว่าเราทำผิดก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ เพราะฉะนั้นความปรองดองที่ดีที่สุดก็คือ ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย และรัฐบาลจะต้องเคร่งครัดในการบังคับใช้กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมก็ต้องพิจารณาไปตามข้อเท็จจริง และตัดสินไปตามข้อเท็จจริงบนพื้นฐานของความยุติธรรม อยากเรียนให้ทราบว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ไม่ได้เกี่ยวเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น แต่จะเกี่ยวกับนักการเมืองและเรื่องอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยที่เป็นคดีความอยู่

พล.ต.จำลองกล่าวทิ้งท้ายว่า เราไม่ได้คุยโวโอ้อวดถึงความพร้อมของภาคประชาชนที่จะออกมาต่อต้านและคัดค้านรัฐบาล อันเนื่องมาจากรัฐบาลไม่เอาไหนในการแก้ปัญหาที่เอาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสภาฯ เรามั่นใจว่าผู้ที่จะออกมาชุมนุมกับเรา บางคน หลายคนมีเหตุผลอื่นที่อยากจะมากดดันรัฐบาล แต่ยังไม่มีใครจัดให้มีการชุมนุมขึ้น น้ำมันขึ้นราคา ข้าวยากหมากแพง เพราะมีพลังงานเป็นต้นทุนหลักที่สำคัญ เขาก็อยากจะออกมาเพื่อบอกรัฐบาลที่จะต้องทำอย่างนี้ ถ้าไม่ทำอย่างนี้แล้วจะเกิดเรื่อง นอกจากเรื่องพลังงานก็มีเรื่องที่เรากำลังจะเสียดินแดนให้กับกัมพูชา และการปะทุขึ้นมาของการฆ่ารายวัน ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มันมีหลายเรื่องเหลือเกินที่ประชาชนเขาอึดอัดขัดเคือง แต่เขาไม่รู้จะทำอย่างไร ไปที่ไหนก็มีคนถามว่าเมื่อไหร่จะชุมนุมใหญ่สักที เราต้องพิจารณาอย่างรอบคอบไม่ใช่เอาแต่ใจ ถ้าเอาแต่ใจก็ชุมนุมไปหลายครั้งแล้ว ตนขอเรียนว่าไม่ได้คุยโวโอ้อวด แต่เรามั่นใจในพลังภาคประชาชนของเราว่าพร้อมอยู่เสมอ และพร้อมมากกว่าเก่า เนื่องจากวันเวลาผ่านไปรัฐบาลอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร ทำก็ไม่เป็นโล้เป็นพาย ทำให้ประชาชนอึดอัดขัดเคืองจนกระทั่งอยู่ไม่ได้แล้ว






กำลังโหลดความคิดเห็น