“วรวิทย์” ชี้กลุ่มก่อการร้ายภาคใต้ต้องการแบ่งแยกดินแดนชัดเจน แต่ยังต้องเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เพื่อไม่ให้เกิดแนวร่วมเพิ่ม ย้ำควรกระจายอำนาจ ให้ประชาชนจัดการตัวเองได้มากที่สุดภายใต้กรอบที่รัฐจะทำงานร่วมได้ “พิชาย” แนะอย่าโต้กลับด้วยวิธีรุนแรง แล้วต้องกลับมาพิจารณาแนวทางใหม่ เพราะพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ผล
วันที่ 30 ก.ค. ผศ.วรวิทย์ บารู ส.ว.ปัตตานี ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการแก้ไขปัญหาและการฟื้นฟูการพัฒนาวิถีวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ วุฒิสภา และ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ร่วมสนทนาเรื่อง “ไฟใต้” ในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
นายวรวิทย์กล่าวว่า การแก้ปัญหาภาคใต้ต้องเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ ต้องให้ประชาชนจัดการตัวเองให้มากที่สุด ในกรอบที่เราจะทำงานร่วมกับเขาได้ ประชาชนในภาคใต้วันนี้ถ้าเกิดความสงบสุขภายใต้รัฐธรรมนูญไทย ทุกคน ทุกศาสนา พร้อมที่จะทำ ต้องช่วยกันคิด สิ่งใดที่ทำให้สิ่งต่างๆดีขึ้น ซึ่งต้องอยู่บนฐานข้อเท็จจริง ไม่ใช่ติดในกรอบความรุนแรง เขารุนแรงมาก็ต้องรุนแรงกลับ แน่นอนว่าต้องมีบ้างเพราะต้องปกป้องตัวเอง แต่อย่ามองแค่มิตินี้มิติเดียว ปัญหาสำคัญมาจากเรื่องละเอียดอ่อน
ตนเตรียมที่จะตั้งคำถามรัฐบาลถึงการกระจายอำนาจอย่างเข้มข้นว่าจะทำได้เมื่อไหร่ ตนเชื่อว่าถ้าประชาชนได้ดูแลตัวเอง เขาจะเข้าถึงได้มากกว่า ยกตัวอย่างเช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด กับ นายก อบจ. ถ้าชาวบ้านต้องการขอความช่วยเหลือเรื่องสัพเพเหระ เขาไม่หาผู้ว่า แต่จะหานายก อบจ. เมื่อประชาชนใกล้สิ่งที่เขาเลือกมาเอง เขาก็กล้าที่จะบอก ที่จะพูด
นายวรวิทย์กล่าวอีกว่า ชัดเจนการก่อการร้ายที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือต้องการแบ่งแยกดินแดน เขาก็ประกาศมาตลอด แต่ที่เรายังต้องใช้วิธี เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ก็เพื่อดึงคนส่วนใหญ่เอาไว้ ไม่ให้ฝ่ายผู้ก่อการมีแนวร่วมมากขึ้น
ตนเห็นใจฝ่ายความมั่นคง แต่ก็ขอให้ใช้วิจารณญาณที่ดีในการต่อสู้กับปัญหาเหล่านี้ และอยากให้ทุกคนตระหนักไว้ว่าศาสนาอิสลามไม่ได้สอนให้ใช้ความรุนแรง
นายพิชายกล่าวถึงคลิปวิดีโอคนร้ายยิงถล่มทหารว่า ฝ่ายความมั่นคงวิเคราะห์ว่าการทำต่อหน้ากล้องวงจรปิด เขาจงใจ เพื่อส่งผลต่อจิตวิทยา ต้องการโชว์ว่าตัวเองยังมีศักยภาพ และเพื่อปรามชาวบ้านไม่ให้ร่วมมือกับรัฐ ให้เห็นว่าฝ่ายราชการไม่สามารถคุ้มครองคนอื่นได้ เพราะแม้แต่ตัวเองยังโดนเลย
วิธีรับมือ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ต้องมีสติ อย่าเห็นคลิปแล้วโกรธแค้นจนตอบโต้รุนแรง ไม่เช่นนั้นก็จะสร้างรุนแรงมากขึ้นไม่จบสิ้น แล้วต้องพิจารณาแบบตรงไปตรงมาดูว่าบกพร่องตรงไหนบ้าง มีจุดอ่อนตรงไหน แนวทางที่เดินมาถูกหลักแล้วคือเรื่องสันติวิธี แต่วิธีปฏิบัติต้องรัดกุมมากขึ้น ส่วนเรื่องงบประมาณ หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็อย่าคิดหากินจากส่วนนี้ แล้วแนวทางที่ผ่านมาต้องทบทวนครั้งใหญ่ เพราะ 8 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าใช้ไม่ได้
