“พิภพ” ย้ำพันธมิตรฯ ชุมนุมแน่ หากไม่ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ลั่นแค่เลื่อนก็ไม่ได้ เพราะจะเป็นการหลอกประชาชนไปเรื่อยๆ ด้าน “พิชาย” คาด “แม้ว” สั่งเดินหน้า หวังฝ่าด่านภาคประชาชน-สภาไปได้ แล้วค่อยเสี่ยงไปตายเอาดาบหน้า
วันที่ 24 ก.ค. เมื่อเวลา 20.30 น. รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
นายพิภพกล่าวว่า วันนี้ที่พันธมิตรฯ แถลง ชัดเจนว่าถ้าวันไหนมีการประชุมสภาแล้ว พ.ร.บ.ปรองดองไม่ถูกถอน เราชุมนุม แต่ปัญหาคือจะมีการประชุมสภาวันที่ 1 ส.ค.หรือไม่ แม้มีพระบรมราชโองการฯ เปิดประชุมสภาในวันที่ 1 ส.ค. แต่ประธานอาจไม่ประชุมวันนั้นก็ได้ เพราะติดวันหยุดยาวเข้าพรรษา-อาสาฬหบูชา เราไม่สามารถบอกได้ว่าชุมนุมวันไหน แต่ถ้าวันใดมีการประชุมสภาแล้ววาระนี้คาอยู่วาระที่ 1 เราชุมนุม แล้วเราชัดเจนว่าต้องถอนเท่านั้น ไม่ใช่เลื่อน ไม่เช่นนั้นก็เล่นเอาล่อเอาเถิดกับประชาชน ประชาชนก็ตกอยู่ในความตึงเครียด ว่าเรื่องนี้จะเอาออกได้อย่างไร เพราะมันเป็นกฎหมายทำลายชาติ ราชบัลลังก์ และกระบวนการยุติธรรม ก่อให้เกิดแตกแยกในสังคม
รศ.ดร.พิชายกล่าวว่า สภาจะถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองหรือไม่ คงต้องอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งเขาคงต้องวิเคราะห์สถานการณ์ว่าสามารถกุม ส.ส.ภายในพรรคได้หรือไม่ ซึ่งข้อนี้ไม่ใช่เรื่องยาก สามารถทำได้ แล้วก็ต้องดูปฏิกิริยาของคนเสื้อแดงในส่วนที่ต่อต้าน พ.ร.บ.ปรองดองว่าจะคุมอยู่หรือไม่ แล้วก็มีเสื้อแดงบางกลุ่มที่ต้องการให้ควบรวมความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูงเข้าสู่การปรองดองด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ตนมองว่ากลุ่มคนเสื้อแดงที่เป็นส.ส.มีพลังมากกว่าพวกเสื้อแดงกลุ่มอื่นๆ แม้มีข้อเสนอต่างๆ มา แต่ท้ายที่สุดก็คงยืนกรานตาม พ.ร.บ.ปรองดองของ พล.อ.สนธิ เป็นหลัก
ประการถัดมาที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องประเมิน ก็คือ ภาคประชาชน คงต้องประเมินพลังพันธมิตรฯ ว่าจะสามารถระดมกำลังเข้ามาได้มากน้อยขนาดไหน แล้วยังมีมวลชนเสื้อหลากสี และ มวลชนปรชาธิปัตย์อีก ซึ่งตนคิดว่ากำลังเติบโต เพราะประชาธิปัตย์ได้มีการเดินสายปราศรัย กระตุ้นภาคประชาชนเพื่อคัดค้าน พ.ร.บ.ปรองดอง ทำให้ถ้าระดมคนคราวนี้จะทำได้ดีกว่าครั้งก่อน เพราะมีประสบการณ์แล้ว และหลังจากที่พันธมิตรฯ ออกมาจุดกระแสต้าน พ.ร.บ.ปรองดองอีกครั้ง พวกสื่อของประชาธิปัตย์ก็คงปลุกกระแสเช่นกัน กระแสคงสะสมขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าสู่วันประชุมสภา
รศ.ดร.พิชายกล่าวด้วยว่า ถ้าสมมติ พ.ร.บ.ปรองดองสามารถฝ่าด่านภาคประชาชน และด่านรัฐสภาไปได้ ก็ต้องไปเจอศาลรัฐธรรมนูญอีก แล้วถ้าศาลรับตีความ นายกฯ ก็จะไม่กล้าทูลเกล้าฯ คงต้องหยุดไว้สักระยะหนึ่ง เพื่อที่จะรอคำวินิจฉัยของศาล ทีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องประเมินว่า สามารถกุมศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ถ้าประเมินว่าสามารถกุมศาลได้ ก็จะมั่นใจเดินหน้าต่อ แต่ถ้าคาดว่ากุมไม่ได้ แต่ถ้าฝ่าด่านสภาและภาคประชาชนไปได้ ก็อาจเลือกที่จะเสี่ยงไปตายเอาดาบหน้า
แล้วถ้าศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดมันก็จบ แต่ถ้าตีความว่าไม่ขัด และนายกฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯ ปัญหาก็จะเกิดตามมาว่าจะทรงลงพระปรมาภิไธยหรือไม่ เป็นการส่งผลกระทบต่อสถาบันฯอีก
รศ.ดร.พิชายยังกล่าวว่า ตนมองว่าสถานการณ์ ณ วันนี้ มีแนวโน้มมากที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะสั่งเดินหน้า พ.ร.บ.ปรองดอง แต่การตัดสินของเขาคงยืดหยุ่นในแต่ละช่วง อาจสั่งให้ถอยกลับก็ได้ ต้องรอดูวันใกล้ๆ และอาจแก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราควบคู่ไปด้วย คือมาตรา 309 เพื่อปลดล็อกเรื่องในศาล และแม้ปลดล็อกศาลได้แต่ก็จะเป็นการกระตุ้นประชาชนให้ออกมา