ปชป.แนะ ส.ว.เอาคนกลางนั่ง ปธ.วุฒิฯ ซัดรัฐเมินแดงป่วน ขู่ความอดทนมีขีดจำกัด

“เทพไท” ขอ ส.ว.ใช้ดุลพินิจเลือกคนกลางนั่งประธานวุฒิสภา เชื่อหาได้ ชี้ “นิคม” จุดยืนชัดทำสมาชิกตัดสินใจได้ สับ “ขวัญชัย” จ้อสั่งสมุนลุยพันธมิตรฯ-ประชาธิปัตย์เหยียบพื้นที่ ละเมิดสิทธิ ซัดรัฐบาลไม่ใส่ใจ ลั่นความอดทนมีขีดจำกัด จวกเมินดูแลไฟใต้ จี้ “เพรียวพันธ์” ลงไปดูแทนบินเบิร์ธเดย์พี่เขย

วันนี้ (26 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ต้องมีการเลือกประธานวุฒิสภาคนใหม่แทนตำแหน่งที่ว่างลงว่า ในฐานะที่ตนเป็นสมาชิกรัฐสภาขอแสดงความเห็น เพราะอย่างน้อยตำแหน่งประธานวุฒิสภาก็ต้องมาทำหน้าที่เป็นรองประธานรัฐสภา และเป็นที่ทราบว่านายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา มีพฤติกรรมเอนเอียงไม่เป็นกลางชัดเจน โดยเฉพาะการทำหน้าที่ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่าเลือกข้างและสารภาพเองว่าเป็นผู้ดำเนินการจัดการสภาพทางการเมืองให้ฝ่ายรัฐบาลตลอดเวลาที่ผ่านมา จึงจำเป็นต้องหาบุคคลที่มีความเป็นกลางเป็นธรรมทุกฝ่ายมาทำหน้าที่ประธานการประชุม จึงขอเรียกร้องไปยังเพื่อน ส.ว.ว่าขอให้ใช้ดุลพินิจเลือกคนที่เป็นกลางจริงๆ เพื่อสามารถเป็นที่พึ่งพิงของเพื่อนสมาชิกรัฐสภาและประชาชน ทั้งนี้ เชื่อว่า ส.ว.มีทั้ง 149 คนจะสามารถสรรหาคนที่ไม่ฝักใฝ่ทางการเมืองได้ เพราะน่าจะเรียนรู้พฤติกรรมและสภาพความเป็นจริง จุดยืนของบุคคลต่างๆ ที่เป็นแคนดิเดตในตำแหน่งประธานวุฒิสภา

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ที่คาดว่าจะได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานวุฒิสภา นายเทพไทกล่าวว่า ก็เป็นสิทธิของเพื่อนสมาชิกที่จะตัดสินใจ นายนิคมก็เป็นรองประธานมาแล้ว และเคยอภิปรายแสดงความเห็นในการประชุมมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้น เพื่อนสมาชิก ส.ว.ก็น่าจะทราบจุดยืนของนายนิคมว่าเป็นอย่างไร

นายเทพไทยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงยังตามราวีการลงพื้นที่ทำงานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ล่าสุด อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ว่าเกิดขึ้นซ้ำซากหลายครั้งตั้งแต่หลังจากการเลือกตั้งจนพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลก็ยังไม่มีท่าทีชัดเจน หรือท่าทีใดๆ จาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) หรือแกนนำเพื่อไทยที่จะออกมาห้ามปราบ เพราะเป็นการละเมิดสิทธิและทำผิดกฎหมาย ระรานผู้อื่น โดยที่ ร.ต.อ.เฉลิมไม่ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละพื้นที่ให้ป้องปราม หรือทำหน้าที่ตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีการใช้สื่อทีวีเสื้อแดงผ่านดาวเทียมออกมาปลุกระดม โดยเฉพาะนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนสำคัญของแดงอุดรฯ ที่ประกาศผ่านทีวีดาวเทียมว่าจะไม่ให้มีกลุ่มพันธมิตรฯ หรือพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเหยียบผืนแผ่นดินอีสาน โดยยืนยันว่าคนเสื้อแดงภาคอีสานจะต่อต้านทุกพื้นที่ที่นายอภิสิทธิ์ไป

“การพูดดังกล่าวของนายขวัญชัยเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แล้วยังเป็นการละเมิดสิทธิทางการเมืองของพรรคการเมืองในการทำกิจกรรม ซึ่งหากแกนนำรัฐบาลยังไม่มีท่าทีชัดเจนเรื่องนี้ เชื่อว่าที่สุดจะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างมวลชนผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรฯ ที่รักนายอภิสิทธิ์ ก็คงจะไม่ปล่อยให้กระทำเพียงฝ่ายเดียว เพระความอดทนของคนมีขีดจำกัด หากถึงวันนั้นคงไม่มีใครห้ามปรามใครกันได้ เพราะผู้มีอำนาจตามกฎหมายคือรัฐบาลเองก็ไม่ใส่ใจที่จะดูแลป้องกันปัญหา” นายเทพไทกล่าว

นอกจากนี้ นายเทพไทยังกล่าวถึงปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ที่ในรอบเดือน ก.ค.ต่างเกิดปัญหาความรุนแรงขึ้นมาก ซึ่งล่าสุดเกิดเหตุการวางระเบิดรถทหารใน อ.รามัน จ.ยะลา ว่านับเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่สุดที่มีการสูญเสียเจ้าหน้าที่ของรัฐถึง 5 นาย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นรายวันทุกวัน เพียงแต่ไม่ตกเป็นประเด็นข่าวที่อยู่ในความสนใจของสื่อมวลชน แต่ในระยะนี้มีเหตุคาร์บอมบ์รุนแรงหลายครั้งติดต่อกัน ซึ่งรัฐบาลก็ไม่สนใจที่จะลงไปดูแลปัญหาปล่อยให้ข้าราชการประจำลงไปรับผิดชอบแทน โดยฝ่ายการเมืองไม่ให้ความสนใจใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อช่วงเช้า พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่าได้มอบหมายให้ ผบ.ทบ.ลงไปดูเหตุการณ์ด้วยตัวเองทั้งๆ ที่เป็นความรับผิดชอบของตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้น เป็นเรื่องที่น่าแปลกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความรับผิดชอบของ รมว.กลาโหม แต่กลับมอบให้ ผบ.ทบ.ลงไปแทน แต่กรณี สด.43 ของนายอภิสิทธิ์เป็นความรับผิดชอบของ ผบ.ทบ. แต่ รมว.กลาโหมชิงแถลงข่าวด้วยตัวเองแทนต่อความสูญเสียของนายตำรวจ 5 นายนี้ อยากจะให้ ผบ.ตร.ซึ่งผู้บังคับบัญชาโดยตรงได้ลงไปดูเหตุการณ์ด้วยตัวเองมากกว่าการลากิจไปอวยพรนักโทษชายที่ฮ่องกงจะดีกว่า