xs
xsm
sm
md
lg

“เหลิม” ลั่นมีวิธีพา “แม้ว” กลับไทย ยอมลุกเก้าอี้ให้ “บิ๊กอ๊อบ” แย้ม DSI ชงฟันฝ่ายค้านพรุ่งนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
“เฉลิม” เชื่อสาระสำคัญคำวินิจฉัยกลางไม่ต่างผลเดิม ย้ำดื้อเดินหน้าวาระ 3 รัฐเจอปมแน่ แนะเลิกคิด สวน “สดศรี” ชี้ พ.ร.ป.จะใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญได้ยังไง เล็งกล่อมเพื่อไทย ลั่นมีวิธีให้ “ทักษิณ” กลับไทย ขอพรรคอยู่นิ่งๆ ก่อน แย้มจับมือ “สุธรรม-อดิศร” บู๊ ซัดคดีกรุงไทยไม่ยุติธรรม ยอมถอยให้ “เพรียวพันธ์” นั่งแทน ยันไปได้ทุกตำแหน่ง แต่ไม่รู้ปรับช่วงไหน เปิดไต๋ดีเอสไอชงฟันฝ่ายค้าน 4 เรื่องพรุ่งนี้

วันนี้ (26 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเตรียมเผยแพร่คำวินิจฉัยกลาง และคำวินิจฉัยส่วนตัว กรณียกคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เชื่อว่าสาระสำคัญของคำวินิจฉัยกลางคงไม่แตกต่างจากที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยออกมาแล้ว ซึ่งคงจะมีความผิดแปลกออกมาบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาของคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษา ส่วนจะมีผลต่อการขยับแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลหรือไม่นั้นคิดว่าหลักคงเหมือนเดิม เพราะหากดึงดันลงมติในวาระที่ 3 ก็จะสร้างปัญหาให้กับรัฐบาล

“ถ้าลงมติในวาระ 3 ก็เรียบร้อย รัฐบาลก็ลำบาก เลิกคิดเถอะที่จะลงมติในวาระ 3 เพราะอาจจะผิด หากจะเร่งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการตั้ง ส.ส.ร. (สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ) ก็ช้า และหากจะไปทำประชามติปัญหาก็จะมีให้ตีความกันอีก เนื่องจากมาตรา 165 วรรค 2 ระบุว่า จะต้องมีเสียงประชามติเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงหมด” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงความเห็นของนางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ระบุว่า สามารถเลี่ยงไม่ใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 165 วรรค 2 ในการลงประชามติ แล้วไปใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2552 แทนได้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวตอบว่า พ.ร.ป.จะใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญได้อย่างไร บทบัญญัติกฎหมายใดจะขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญไม่ได้ ซึ่งก็จะมีปัญหาอีก ฉะนั้นควรจะเลือกทางที่ไม่เป็นปัญหา

เมื่อถามว่า ในพรรคจะเห็นด้วยหรือไม่เนื่องจากหลายคนต้องการเดินหน้าลงมติในวาระ 3 ต่อ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นคงห้ามไม่ได้ แต่ในวันที่ 28 ก.ค.นี้ ทางพรรคให้ตนบรรยายในการสัมมนาที่ จ.ชลบุรี ก็จะมีการพ่วงเรื่องนี้ไปด้วยโดยจะบอกกับสมาชิกพรรคว่าการเมืองวันนี้ถ้ายึดหลักกฎหมายทั้งหมดจะอยู่ลำบาก แต่จะต้องเอาหลักนิติศาสตร์กับรัฐศาสตร์รวมกัน และเสาะแสวงหาข้อมูล ทั้งเปิดเผยและทางลับแล้วนำมาประมวลกันเป็นข้อยุติในการทำงานทั้งในรัฐสภาและรัฐบาลก็จะไปได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนคิดเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ใช่ความเห็นที่พรรคจะต้องยอมรับ

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ร.ต.อ.เฉลิมยังยืนยันตามที่เคยระบุว่าจะพา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับประเทศไทย ไว้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมตอบทันทีว่า “เต็มร้อย” พร้อมกล่าวว่า ตนมีวิธีการ แต่ต้องให้พรรคตกผลึกและอยู่นิ่งๆ กันก่อน แล้วตนจะทำให้ดู แต่ขอไม่ขอบอกระยะเวลาว่าจะเป็นเมื่อใด เนื่องจากเรื่องนี้จะต้องทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. การมาแก้กฎหมายให้ย้อนหลังในทางเป็นโทษ ซึ่งในประเทศไทยไม่เคยมี อีกทั้งต้องความเข้าใจเรื่องข้อกล่าวหาการทุจริต

ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีการับฟ้องคดีปล่อยเงินกู้ธนาคารกรุงไทยว่า สำหรับกรณีนี้มีข้อความเดียวที่ระบุว่าเจ้านายสั่งมา ซึ่งคำว่าเจ้านายคือใคร แค่นี้ก็ไปฟ้องร้องถือว่าไม่ยุติธรรม ไม่มีอะไรเลยที่พาดพิงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ มีเพียงถ้อยคำอย่างเดียว ภาษาพนักงานสอบสวนเขาเรียกว่า เต้าเรื่อง โดยเรื่องนี้จะต้องให้ประชาชนรู้ ถ้าประชาชนรู้จะเข้าใจเพราะการทุจริตจะต้องมีการแสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบโดยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น

“ผม คุณสุธรรม (แสงประทุม) คุณอดิศร (เพียงเกษ) คุยกันแล้วว่า หากในพรรคใครที่ทำมาแล้วคิดว่าไม่สำเร็จ ควรหยุดบ้าง ให้เราทั้ง 3 คนทำบ้าง ผมก็จะทำ” รองนายกฯ กล่าว

รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ระบุมีความถนัดด้านเรื่องการปราบปรามยาเสพติดว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์มีความชำนาญในการปราบปรามยาเสพติด ตอนที่ตนสนับสนุนให้มาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ก็ให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์เก่งกว่าตน หากมาแทนตนก็ยินดี เอาคนดีมาทำงานตนยินดีต้อนรับ ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้ว ร.ต.อ.เฉลิมจะไปอยู่ในตำแหน่งใดแทน รองนายกฯ กล่าวว่า แล้วแต่การพิจารณาของพรรค หากให้พักก็พัก หากให้เปลี่ยนตำแหน่งก็เปลี่ยน ได้ทุกตำแหน่ง

เมื่อถามอีกว่า แล้วใครจะดูแล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ต้องมีใครไปดูแลนายกฯ เพราะดูแลตัวเองได้ ส่วนการปรับ ครม.จะเกิดขึ้นในช่วงไหนนั้นไม่ทราบจริงๆ ข่าวที่ออกมายอมรับว่ามีคนปั่นหุ้น เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครรู้

นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิมยังเปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 27 ก.ค. เวลา 13.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะสรุปเรื่องมาให้ตนทั้งหมด 4 เรื่อง คือ 1. ขณะนี้มีนักการเมืองคนหนึ่งซึ่งสื่อและสังคมมองเป็นคนภาพลักษณ์ดี กระทำการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เป็นการขายหุ้นนอกตลาด และมีคนร้องเรียนไปที่ดีเอสไอ ซึ่งดีเอสไอก็กลัวอิทธิพลจึงมาปรึกษาตน จึงระบุไปว่าให้ทำตรงไปตรงมา ต่อไปนี้คนชั่วจะมาด่าคนดีไม่ได้ 2. เรื่องเส้นทางการเงิน 520 ล้านบาท 3. เรื่องที่มีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองไปสร้างอ่างกักเก็บน้ำบุกรุกพื้นที่สาธารณะที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และ 4. เรื่องที่มีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองเห็นประโยชน์ส่วนตน นำเงินราชการไปตัดถนนเข้าบ้านพักตัวเองที่เกาะสมุย ซึ่งวันนี้ไม่มีเรื่องการเมือง ทุกอย่างตรงไปตรงมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้ง 4 กรณีเป็นนักการเมืองคนเดียวกันทั้งหมดเลยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เป็นนักการเมือง 2-3 คนที่เป็นหุ้นส่วนกัน ซึ่งไม่ขอบอกว่าอยู่พรรคใด แต่ไม่มีพรรคในรัฐบาล เป็นฝ่ายค้านทั้งหมด ซึ่งถึงเวลาแล้วจะระบุชื่อออกมาให้ทราบ ตอนนี้บอกได้แต่ว่าเรื่องขายหุ้นนอกตลาดกับเงินจำนวน 520 ล้านบาทเป็นคนละคนกัน อย่างไรก็ตาม ตนไม่มีกลั่นแกล้งใคร
กำลังโหลดความคิดเห็น