xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯ จี้"ปู"ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองภายใน 1 ส.ค.-ลั่น เข้าสภาเมื่อไหร่ชุมนุมต้านทันที

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พันธมิตรฯ แถลงเตรียมยื่นหนังสือถึง"ยิ่งลักษณ์"ให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ออกจากวาระประชุมสภาฯ ภายใน 1 ส.ค.นี้ ย้ำเป็นกฎหมายฟอกผิดคนโกง สร้างความแตกแยก ขณะบ้านเมืองมีปัญหาอื่นรอให้แก้มากมาย ลั่นเข้าที่ประชุมสภาเมื่อไหร่ พันธมิตรฯ ชุมนุมใหญ่ทันที


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงการณ์" 

เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้(24 ก.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำรุ่นที่ 2 และโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้แถลงผลการประชุมแกนนำพันธมิตรฯ ว่า ที่ประชุมมีมติที่จะให้นายปานเทพ และ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ ไปยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่รัฐสภา หลังจากนั้นจะไปยื่นถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐขาล ในวันนี้ เพื่อให้ดำเนินการถอนร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ออกจากวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยเนื้อหาในหนังสือดังกล่าว ระบุว่า ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติแท้ที่จริงแล้วคือร่างกฎหมายที่จะลบล้างความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่กำลังหลบหนีคดีทุจริต ซึ่งหากมีการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวออกมา จะก่อให้เกิดความขัดแย้งตามมามากมาย ในขณะที่มีปัญหาอื่นๆ รอให้รัฐบาลแก้ไข ทั้งเรื่องความเดือดร้อนจากการจ่ายชดเชยน้ำท่วม สินค้าราคาแพง ปัญหาอธิปไตยถูกรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้าน จึงขอให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการเพื่อให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวออกจากวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรภายในวันที่ 1 ส.ค.นี้ และหากพบว่ามีการนำร่าง พ.ร.บ.นี้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาฯ เมื่อใด พันธมิตรฯ จะออกมาชุมนุมใหญ่ต่อต้านทันที

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวย้ำว่า ถ้าถึงวันที่ 1 ส.ค.แล้ว หากยังมีวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองค้างอยู่ในวาระเร่งด่วนที่ 1 พันธมิตรฯ จะชุมนุมทันที และจะไม่ยอมถอยอย่างแน่นอน จะต้องถอนวาระออกไปเท่านั้น แค่เลื่อนวาระออกไปยังไม่พอ

รายละเอียดการแถลงของแกนนำพันธมิตรฯ

สนธิลิ้ม ทองกุล

โดยพื้นฐานแล้ว ท่านสื่อมวลชนและท่านผู้ชม ประชาชนทราบอยู่แล้วว่า จุดยืนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ หากรัฐบาลได้ทำการอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเจตนา หรือการกระทำที่แสดงให้เห็นว่า จะมีการดูหมิ่น หรือล้มล้างสถาบัน ทันทีที่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น พันธมิตรฯ จะออกเคลื่อนมวลชนทันที เรื่องที่ 2 คือ เรื่องการออกกฎหมายล้างความผิด

ทำไมถึงต้องเป็น 2 เรื่องนี้ 2 เรื่องนี้เป็นเรื่องหลักในขณะนี้ เรื่องแรกนั้นเป็นเรื่องของการดูแลและปกป้องสถาบันกษัตริย์ ซึ่งพันธมิตรฯ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยที่คงต้องดำรงอยู่ ส่วนที่ 2 ทำไมถึงเป็นเรื่องหลัก เพราะส่วนที่ 2 เป็นเรื่องของการทำลายหลักนิติรัฐ ซึ่งเรายอมไม่ได้ แต่หากรัฐบาลหรือว่าผู้มีอำนาจในแผ่นดิน จะทำตามศาลรัฐธรรมนูญ จะขอมติประชาชนในการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แล้วในประชามตินั้นจะมีส่วนหนึ่งของการปรองดอง นั่นเป็นสิทธิที่รัฐบาลทำได้ หากเสียงส่วนใหญ่ของประเทศต้องการเช่นนั้น พันธมิตรฯ เอง อย่างน้อยที่สุด ตัวผมเองจะเคารพในเสียงส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่จะใช้มือในสภาแล้วยกกัน เพราะฉะนั้นแล้ว การใช้มือในสภา แสดงว่า ใครก็ตามทำผิด แต่ถ้ามีอำนาจ มีเสียงในสภา สามารถยกมือลบล้างความผิดได้ ตรงนี้เรายอมไม่ได้

การที่พวกเราจะออกครั้งนี้ก็เหมือนออกครั้งที่แล้ว ว่าถ้าหากยังมีวาระคงค้างอยู่และไม่ถอน เราจะชุมนุมทันที ส่วนการชุมนุมจะยืดเยื้อหรือจะปักหลักพักค้างอย่างไร ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะมีท่าทีเช่นไร ผมคิดว่าพันธมิตรฯ จะไม่ยอมรับคำพูดของท่านนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านคงจะพูดว่า เป็นเรื่องของสภา เพราะคำพูดนี้เป็นคำพูดที่โกหก พูดความจริงครึ่งเดียว เพราะในสภา ส.ส.เกินกว่าครึ่ง เป็นเสียงของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล เพราะฉะนั้นแล้วถ้านายกรัฐมนตรีเห็นด้วยว่าควรจะถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง น่าจะแจ้งให้พรรคเพื่อไทยทราบ ถ้าพรรคเพื่อไทยทราบแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลต้องไม่ขัดข้องเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วกรุณาอย่าใช้คำพูดเดิมๆ ที่ปัดสวะพ้นตัวว่า เป็นเรื่องของสภารัฐบาลไม่เกี่ยวข้อง เพราะคำพูดนี้เป็นคำพูดที่โกหก

พันธมิตรฯ ยืนยันว่า หากไม่ถอน พันธมิตรฯ พร้อมเคลื่อนมวลชนทั่วประเทศ และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ พ.ร.บ.ปรองดอง ถูกปลดออกไป สิ่งที่เราทำนั้นคือ การสร้างความสามัคคีของชาติไม่ให้แตกแยก ตรงกันข้ามกับ พ.ร.บ.ปรองดอง ซึ่งเป็นการสร้างความแตกแยกในสังคม บ้านเมืองมีขื่อมีแป มีกฎหมาย เพราะฉะนั้นให้กฎหมายว่ากันต่อไปครับ


พล.ต.จำลอง ศรีเมือง

ร่างกฎหมายปรองดองฉบับนี้ เราคัดค้านเต็มที่ สื่อมวลชนคงจำได้ว่าวันแรกที่มีการนำเข้าสู่สภา เราก็ชุมนุมใหญ่ที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 31 พฤษภาคม และเมื่อวันที่ 1 มีการเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด เราถึงเลิกการชุมนุม ที่จริงแล้วร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติ ฉบับนี้ พวกเราพันธมิตรฯ หลายคนได้รับประโยชน์ด้วยนะครับ คือคดีต่างๆ ที่กำลังดำเนินอยู่ ถูกยกหมด เราไม่ต้องไปขึ้นศาลอีก แต่เราก็เห็นว่ามันไม่ถูกต้องที่จะทำแบบนี้ เมื่อเราออกมาเพื่อช่วยชาติ ช่วยบ้านช่วยเมืองแล้ว เรามั่นใจว่าเราไม่ได้ทำผิด และถ้าศาลจะพิจารณาว่าเราผิด และลงโทษเรา เราก็รับ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร เพราะฉะนั้นเราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งแม้เราจะได้ประโยชน์ไปด้วยก็ตาม

สื่อมวลชนลองดูสิครับ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติ ทุกร่างที่เขาเสนอเข้าไปในสภานั้นเหมือนกันหมด ผมอ่านมาตราเพียงมาตราเดียวก็ได้ มาตรา 3 ให้บรรดาการกระทำใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2548 จนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2554 หากมีการกระทำใดที่เป็นความผิดตามกฎหมาย ให้การกระทำนั้นไม่เป็นความผิดต่อไป และให้ผู้กระทำการนั้น พ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง

เห็นไหมครับ ถ้ากฎหมายนี้ออกมา มันเป็นการบ่อนทำลายชาติและราชบัลลังก์อย่างยิ่ง คนที่ทำผิดคิดร้าย คนที่ฆ่าทหารตาย ฆ่าประชาชนตาย ก็ไม่ผิด คนที่กำลังถูกดำเนินคดีและจะต้องเข้าคุก ก็ไม่ผิด คนที่โกงบ้านโกงเมืองเป็นหมื่นๆ ล้าน ก็ได้เงินคืนและก็ไม่ผิด และคนที่ใส่ร้ายสถาบันอย่างรุนแรงชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ก็ไม่ผิด อย่างนี้เรายอมไม่ได้ครับ เพราะฉะนั้นเมื่อเรายอมไม่ได้ เราจึงมีการประชุมในวันนี้ว่า ถ้าเอาเข้าพิจารณาเมื่อไร เราชุมนุมใหญ่ทันที เป็นไงเป็นกันครับ ไม่มีปัญหา ทั้งๆ ที่เรารู้อยู่แล้วว่าการชุมนุมที่ผ่านมาทั้งหมด ที่ผมย้ำแล้วย้ำอีก ถึง 384 วัน 384 คืน มันไม่ใช่เรื่องน่ารื่นรมย์ มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความทรหดอดทนอย่างยิ่ง แต่เราก็ยอมให้ผ่านไปไม่ได้ เลยจะเรียนให้สื่อมวลชนทราบนะครับ แม้เราจะได้ประโยชน์ด้วย เราก็ไม่เอา

ถาม -

พล.ต.จำลอง - ก็เข้าไปในวาระการประชุมของสภาแล้ว แล้ววันที่ 1 สิงหาคมนี้ เขาจะมีการประชุม


พิภพ ธงไชย

ผมขอเพิ่มเติมเหตุผลที่ พล.ต.จำลอง และคุณสนธิ รวมทั้งที่ อ.ปานเทพ ได้อ่านแถลงการณ์ ที่เราคัดค้านอย่างแรง ที่จะต้องมีการชุมนุมใหญ่ เพราะว่า พ.ร.บ.ปรองดอง ถือว่าเป็น พ.ร.บ.ที่จะก่อให้เกิดความแตกแยก อันนี้สำคัญมาก เพราะว่ากระแสไม่รับ พ.ร.บ.ปรองดอง ผมว่ามากกว่าจำนวนประชาชนที่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ซึ่งฝ่ายคุณทักษิณมักจะอ้างว่า เป็นเสียงส่วนใหญ่ คือ 15 ล้าน 15 ล้านเป็นเสียง 1 ใน 3 ของจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เพราะฉะนั้นเมื่อ พ.ร.บ.ปรองดอง ซึ่งพยายามนำเข้าสภา จะเห็นว่าก่อให้เกิดความแตกแยกของสังคม ฐานกว้างออกไป

เพราะฉะนั้นการที่ นายกรัฐมนตรีพยายามลอยตัวว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสภา ผมคิดว่านี่จริงอย่างที่คุณสนธิว่า คือการพูดความจริงครึ่งเดียว ถ้าความเห็นของผม พูดความเท็จทั้งหมด ไม่มีความจริงเลย เพราะว่าความจริงคือ นายกรัฐมนตรีเป็นคนของพรรคเพื่อไทย สามารถกำหนดทิศทางของสมาชิกพรรคได้ เมื่อกำหนดทิศทางของสมาชิกพรรคได้ สมาชิกพรรคไปกำหนดทิศทางในสภาผู้แทนราษฎรได้ เพราะฉะนั้นนายกรัฐมนตรีจะลอยตัวในเรื่องนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถือว่านายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ ที่พยายามปล่อยให้ พ.ร.บ.ปรองดอง เข้าสู่สภา และคาอยู่ในสภา ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมอย่างใหญ่หลวง

และที่คุณทักษิณอ้างว่า ไปได้ทั่วโลกยกเว้นประเทศไทย อยากจะเรียนว่า ในประเทศอื่นๆ ที่คุณทักษิณไปนั้น คุณทักษิณยังไม่ไปทำความผิดและไม่มีคดีทางทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ในประเทศไทยคดีทุจริตคอร์รัปชั่นของคุณทักษิณ ถูกตัดสินแล้ว 2.ตอนนี้เกิดกระแสในประเทศอาเซียน ประชาชนที่อินโดนีเซีย ได้ร้องเรียนว่า การที่ประธานาธิบดีของอินโดนีเซียเชิญคุณทักษิณ ทั้งๆ ที่ประธานาธิบดีอินโดนีเซียประกาศว่า จะปราบทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะฉะนั้นการที่สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีที่ต้องคดีทุจริตคอร์รัปชั่น ไปนั่งข้าง และแถลงเรื่องปรองดอง ตอนนี้ชาวอินโดนีเซียเริ่มเคลื่อนไหว และผมเชื่อว่า ประชาชนในกลุ่มประเทศอาเซียน จะเริ่มเคลื่อนไหวในเรื่องนี้มากขึ้น ที่รัฐบาลของเขาจะไปรับสถานะของอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าอย่างเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการก็ตาม

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง

ผมขอเน้นอีกทีตามประสาของผมคือ กฎหมายฉบับนี้ถ้าผ่านสภาออกไป จะเป็นกฎหมายที่มุ่งทำลายชาติและราชบัลลังก์ ต่อไปจะเป็นตัวอย่างซึ่งสามารถทำตามกันได้ เพราะมีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้ว นั่นคือ ใครก็ตามที่โกง มีเงินเยอะๆ สามารถซื้อเสียงเข้าสภา จะทำผิดคิดร้ายปานใดก็ไม่มีความผิด จะฆ่าเขาตาย จะโกงเงินหมื่นๆ ล้าน เผาบ้านเผาเมือง พอเข้าไปในสภาก็ยกมือนิรโทษกรรม ง่ายมากครับ จะเห็นนะครับ ตลอดชีวิตเราไม่มีครั้งไหนที่เป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมเหมือนในยุคปัจจุบันนี้

การแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ดูให้ดีแล้วยังยากกว่ากฎหมายปรองดอง กฎหมายปรองดองถ้าจะให้เร็วคือ ผ่าน 3 วาระรวด ตอนนั้นเราแก้ไม่ทันแล้ว ทำไมพันธมิตรฯ ถึงต้องออกมา ไม่ใช่การตีตนก่อนไข้ เราเห็นชัดๆ แล้วว่า มันเป็นอย่างนี้จริงๆ เพราะฉะนั้นเรายอมไม่ได้ เราจึงมีการประชุมและแถลงในวันนี้

สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์

กฎหมายปรองดองแห่งชาติ เริ่มคุกคามสถาบันศาล หมายถึง คำพิพากษาไม่มีความหมายใดๆ เลย เท่ากับว่า จะทำอะไรก็ได้ แม้แต่ที่ไปศาลอาญา เมื่อวานนี้ ก็ขยายเวลาออกไปอีก บอกว่า 10 พ.ค. 2554 ก็จะขยายเวลาไปถึงเมื่อไหร่ก็ได้ ผมถือว่ากฎหมายนี้กำลังเข้าใกล้พระมหากษัตริย์ คือ ศาล กองทัพ และพระมหากษัตริย์ ประเทศชาติจะไม่เหลืออะไรแล้วถ้าเรายอมเรื่องนี้ ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญมากที่เป็นรูปธรรมที่สุด ไม่เหมือนรัฐธรรมนูญจะแก้มาตราไหนยืดเยื้อยาวนาน แต่กฎหมายปรองดองแห่งชาติ เลื่อนมาเป็นวาระที่ 1 ในฐานะที่ผมเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาก่อน วาระที่ 1 พร้อมเอาเข้าสภาเมื่อไหร่ก็ได้

เพราะฉะนั้นการเรียกประชุมแกนนำในวันนี้ จึงเป็นมติที่สำคัญว่า มติให้ถอน ทั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายกรัฐมนตรี ให้ถอนกฎหมายนี้ออกจากสภาเสีย


สนธิ - เรียนท่านสื่อมวลชนนิดหนึ่ง จริงๆ แล้วถ้าท่านใช้เวลาวิเคราะห์นิดหนึ่ง ท่านจะเห็นว่าวิกฤตของชาติบ้านเมืองมันมหาศาลจริงๆ เพราะฉะนั้นแล้วอยากจะเรียนให้ทราบว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยดำเนินการมาทุกเรื่อง ไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่นิดเดียว พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุจะ 80 แล้ว ผม 65 แล้ว พี่พิภพ ก็จะ 70 แล้ว อ.สมเกียรติ ก็ 60 ที่เราทำอยู่ทุกวันนี้เราทำเพื่อส่วนรวมเท่านั้น เราทำเพื่อให้ลูกหลานเรามีที่ยืนในอนาคต อย่างน้อยที่สุดพวกท่านก็มีพี่มีน้อง อีกหน่อยท่านก็มีครอบครัว ท่านอยากให้ลูกท่านโตขึ้นมาในสังคมที่เงินเป็นพระเจ้าหรือ ที่เอาเงินไปซื้อ ส.ส.และเอา ส.ส.มายกมือให้คนมีเงินทำผิดให้เป็นถูก นี่คือสิ่งที่เราต่อสู้ เราต่อสู้เรื่องเขาพระวิหาร เราสู้มาตลอด ไม่ใช่เพื่อให้เราได้มีที่ในเขาพระวิหาร แต่เราสู้เพราะเราคิดว่านี่คือแผ่นดินไทย ทหารไม่สู้ นักการเมืองร่วมมือกับเขมร ยกแผ่นดินให้กับเขมร เรายอมไม่ได้ เราสู้เพื่อให้บรรพบุรุษเราสบายใจว่าอย่างน้อยก็มีลูกหลานที่ไม่ยอมแพ้เรื่องนี้ และให้ลูกหลานของเราภูมิใจในตัวพ่อแม่ในอนาคต แล้วก็ที่พื้นดินที่เขาพระวิหารมันจะโยงไปสู่ผลประโยชน์ของชาติอย่างมหาศาลในทะเล นั่นคือน้ำมัน

เพราะฉะนั้นแล้วผมอยากให้เพื่อนสื่อมวลชนทั้งหลายรับทราบไว้นิดหนึ่งว่า จะไม่ชอบเรา ไม่เป็นไร แต่ว่าใช้สติคิดนิดหนึ่งว่าสิ่งที่เราสู้มาตลอด เราไม่ได้สู้เพื่อตัวเราเอง และเรื่องหลักนิติรัฐ เราเป็นคนที่ยอมหมด ผมโดนศาลอาญาพิพากษาจำคุกข้อหาติด พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ เอาบริษัทไปค้ำประกัน 85 ปี จำคุก 20 ปี ไม่รอลงอาญา ผมไม่พูดสักคำ อาทิตย์ที่แล้วศาลอาญาลงโทษคน 117 ปี เพราะว่าลักทรัพย์ในธนาคาร สั่งรอลงอาญาทุกกระทง ผมก็ไม่พูดสักคำ เพราะผมเคารพในหลักนิติรัฐ

วันศุกร์นี้พันธมิตรฯ จะมีเรื่องใหญ่มากๆ ที่จะแถลงให้กับท่านสื่อมวลชน รบกวนว่าวันศุกร์ที่จะถึงนี้ 11.00 น. มากันอีกครั้งหนึ่ง แล้วจะได้เห็นอะไรบางอย่างที่พอเราอธิบายแล้ว ท่านสื่อมวลชนจะต้องอึ้ง และท่านสื่อมวลชนจะต้องมีเรื่องคิดไปอีกนาน

พล.ต.จำลอง - คือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อเห็นว่าอะไรจะทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย เราจึงต้องออกมาเตือน คราวที่แล้วยกตัวอย่างๆ หนึ่ง ผู้สื่อข่าวคงจำได้ ว่ารัฐบาลที่แล้วพยายามที่จะให้บันทึกผลการประชุมร่วมไทย-กัมพูชา ว่าด้วยเขตแดน ที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า เจบีซี ผ่านสภา พวกเรามีจดหมาย มีหนังสือเป็นการส่วนตัวถึง ส.ส. ส.ว.ทุกคน บอกว่าผ่านไม่ได้นะ ถ้าผ่านเราเสียดินแดน ถ้าผ่านเราเอาเรื่องนะ ก็โชคดีที่ ส.ส.- ส.ว.หลายต่อหลายคนเห็นด้วยกับเรา ทำให้การประชุมนั้นไม่ครบองค์ประชุม หลายครั้งหลายหน จนกระทั่งรัฐบาลที่แล้วยอมแพ้ ถอนเรื่องนี้ออกจากสภา นี่ก็เหมือนกันครับ เราก็ออกมาเตือนอีก ถ้ารัฐบาลยังไม่เห็นความสำคัญของการที่เราออกมาเตือน รัฐบาลก็สามารถทำได้เต็มที่ โดยการหนุนให้มีการออกกฎหมายปรองดองต่อไป เราก็ไม่ว่า แต่มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะออกมาคัดค้านเต็มที่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

ถาม - เรื่องอะไรคะ วันศุกร์นี้

สนธิ - ต้องมาถึงจะรู้

ถาม - เกี่ยวกับเรื่องอะไรคะ

สนธิ - ต้องมาถึงจะรู้

ถาม - ของนายกฯ นี่จะไปยื่นที่ทำเนียบฯ ใช่ไหมคะ ประมาณกี่โมง

ปานเทพ - เดี๋ยวพอเสร็จการแถลงข่าว ผมกับ พล.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ จะไปที่สภาผู้แทนราษฎรก่อน จากนั้นตามเส้นทาง พอยื่นเสร็จแล้วก็ถึงจะไปยื่นให้ทางนายกรัฐมนตรีครับ

ถาม - ยื่นต่อประธานสภาฯ ใช่ไหม

ปานเทพ - ก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านจะมารับไหม สะดวกหรือเปล่า ถ้าไม่มารับเราก็ลงทะเบียนส่งหนังสือตามปกติ

พล.ต.จำลอง - การที่เราประชุมวันนี้ หยิบยกเรื่องกฎหมายปรองดองมา ไม่ใช่เพิ่งคิดนะครับ เราคิดมานานแล้ว ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาสามารถจะลักไก่ จะให้ผ่านไปได้อย่างเงียบๆ ถ้าเราไม่ออกมาขวาง

ถาม - มีการคุยกันเรื่องท่าทีการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญบ้างหรือยังว่าถ้าสภาจะมีการพิจารณา จะมีท่าทีอย่างไร

ปานเทพ - คือ ถึงเวลานี้ หลังมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ณ ปัจจุบันนี้ทางฝ่ายการเมืองยังไม่มีใครขยับอะไร เมื่อยังไม่มีใครขยับให้ปรากฏเป็นสิ่งที่เห็นชัดเจน ก็ยังไม่มีความจำเป็นที่พันธมิตรฯ ต้องมีการหารือในเวลานี้ ไว้มีความชัดเจนแล้ว เราค่อยคุยกันอีกครั้งหนึ่งครับ

ถาม - แล้วอย่างเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดอง ถ้ารัฐบาลเขาจะเล่นเกมแบบให้นำ พ.ร.บ.ตัวอื่นขึ้นมาพิจารณา แล้วตัวนี้ค้างไว้ก่อน

พล.ต.จำลอง - ไม่ได้ครับ ต้องถอนอย่างเดียว อย่างอื่นไม่มีครับ จะมายืดเวลาไม่ได้ เราเหนื่อยเปล่า เราต้องมานั่งรอ เมื่อไรแกจะเข้าสภา เข้าสภาเราออกมาอีกที ก็แย่กันพอดีสิครับ มีอย่างเดียวต้องถอน ถ้าไม่ถอนเกิดเรื่อง

ถาม - เปิดประชุมมาวันที่ 1 อยากให้พูดชัดเลยว่าที่ประชุมตกลงถอนในวันที่ 1 อย่างนั้นเลยหรือเปล่า

พล.ต.จำลอง - ก็ยังไม่เห็น เรายังไม่ทราบ เมื่อกี้นี้พวกเราที่เป็น ส.ส.-ส.ว. ก็พยายามถามไปยังสภา ยังไม่รู้ว่าเขาจะพิจารณาในวันที่ 1 หรือเปล่า แต่รัฐบาลสามารถทำได้ เรามีเวลาให้ตั้ง 7 วัน วันนี้เพิ่งวันที่ 24 ไม่ใช่เราทำตามอารมณ์นะครับ มีเวลาอีก 7 วัน คุณไปจัดการทำอะไรก็ได้ให้มีการถอน เพราะว่าพวกที่เสนอมาก็เป็นพวกของคุณทั้งนั้น หรือคนที่คุณคุ้นเคยทั้งนั้นที่เสนอร่างขึ้นมา และอย่างที่คุณสนธิว่า รัฐบาลมีเสียงข้างมากในสภา มาอ้างอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น ต้องรับผิดชอบนะ เราไม่ได้พูดคำนี้เฉพาะวันนี้ ผมพูดบนเวทีหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม

ถาม - ถ้าวันที่ 1 เปิดประชุมแล้วยังไม่มีการถอน แต่ก็ยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องนี้ พันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหมคะ

สนธิ - เคลื่อนครับ

พล.ต.จำลอง - เขาถอนก่อนวันที่ 1 ไม่ได้ เพราะเรื่องมันเข้าวาระไปแล้ว ต้องมีการเห็นชอบในรัฐสภาว่าจะให้ถอนหรือไม่ถอน

ถาม - คือวันที่ 1 ต้องรู้

สมเกียรติ - คือหลักการทำกฎหมาย ต้องเข้าสภาก่อน แล้วสภาถึงถามมติที่ประชุมว่าจะให้ถอนหรือไม่ให้ถอน เพราะฉะนั้นวันใดก็ตามที่เข้าสภา เราจะนัดชุมนุมใหญ่

ถาม - นั่นคือวันที่ 1 เราต้องได้คำตอบ เราต้องรู้วันนั้นเลยใช่ไหมคะ

ปานเทพ - คืออย่างนี้ครับ เนื่องจากกรณีนี้มันเกี่ยวข้องกับการเปิดสมัยประชุม เปิดสมัยประชุมวันที่ 1 สิงหาคม แต่ก็ไม่แน่ว่าจะมีการประชุมวันที่ 1 สิงหาคม หรือไม่ แต่โดยปกติแล้วประธานจะแจ้งต่อสมาชิกล่วงหน้า 3 วัน เพื่อกำหนดวันประชุม และกำหนดวาระการประชุม เมื่อถึงเวลานั้นก็จะเกิดความชัดเจนขึ้นว่า สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาวาระดังกล่าวหรือไม่ เพราะฉะนั้นในเวลาตอนนี้จึงถือว่าเราจะมาพิจารณาตามสถานการณ์อีกครั้งหนึ่งเมื่อถึงสถานการณ์นั้น

สนธิ - คือคำตอบนี้ง่ายมากครับ เมื่อใดก็ตามเปิดประชุมแล้ววาระยังอยู่ จะเลื่อนไปเป็นวาระไหนก็ตาม ผมไม่สนใจ เราชุมนุมทันที และถ้าไม่ถอนเราจะไม่ถอย ผมยืนยันนะครับ ถ้าไม่ถอนเราจะไม่ถอย แต่ถ้าถอนออกเมื่อไรเราก็สลายการชุมนุมทันที

ถาม - วันที่ 1 นี่ชุมนุมแน่นอน?

สนธิ - ขึ้นอยู่กับวาระ ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเรียกประชุมวันที่ 1 แล้วเขาจะมีวาระพิจารณาว่าจะถอนหรือไม่ถอน แต่ถ้าเขาไม่มีวาระพิจารณาว่าจะถอนหรือไม่ถอน เขายังคงคาไว้วาระที่ 1 อันนั้นเจอกันแน่นอน แล้วถ้าไม่ถอน เจอกันยาวเลย ยาวเลยนะครับงานนี้ เป็นยังไงเป็นกัน

ถาม - คือจะต้องออกมาบอกก่อน พูดให้ชัดเจนก่อนใช่ไหม ก่อนที่จะเปิดประชุม

พล.ต.จำลอง - ไม่ต้องฟังเขาก็ได้ ถ้าเมื่อไรไม่มีการถอน และผ่านไปถึงวันที่ 1 เราชุมนุมแน่ ที่เราทำอย่างนี้ ทำไมเราไม่ไปชุมนุมใกล้ๆ วันที่ 1 มันเป็นระยะเวลาที่สั้นเกินไป นี่เราให้เขา 7 วัน 7 คืนนะครับ เขาสามารถที่จะถอนได้ จะมาอ้างว่าถอนไม่ได้ ไม่ได้ทั้งสิ้น เวลาก็มี แล้วก็พวกตัวทั้งนั้น เราเห็นใจเขาเหมือนกันนะครับ เราจะเอาแต่ใจไม่ได้

พิภพ - อยากเรียนเพิ่มเติมนะครับว่า ถ้าดูการแถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ก็ดี เรามีการแถลงการณ์ที่จะใช้หลักการและเหตุผล และเตือนว่ารัฐบาลควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร แต่ถ้ารัฐบาลไม่ฟังและไม่ใช้เหตุผล เราก็พร้อมที่จะชุมนุม เพื่อที่จะให้ความถูกต้องและเหตุผลมันอยู่ในสังคมไทย เพราะฉะนั้นวันนี้ก็จะเห็นว่าเราให้เวลาตั้ง 7 วัน ที่แถลง เป็นเหตุเป็นผล และยอมรับกระบวนการในการพิจารณากฎหมาย ว่ามันมีกระบวนการอย่างไร เพราะฉะนั้น อำนาจนั้นเรารู้ว่าอำนาจอยู่ที่ใคร เพราะฉะนั้นอำนาจนั้นจะต้องจัดการให้ดำเนินการไป เพราะอย่างที่ผมกล่าวไว้แล้ว และหลายท่านกล่าวไว้แล้วว่า พระราชบัญญัติฉบับนี้ก่อให้เกิดความแตกแยก แล้วคาอยู่นานเกินไปในสังคมไทย ผมอยากจะเรียนให้ อยู่นานเกินไปแล้ว และก่อให้เกิดความแตกแยกยาวเกินไป เพราะฉะนั้นถ้ารัฐบาลจะอ้างปรองดอง ต้องใช้อำนาจจัดการ อย่าบอกว่าตัวเองไม่มีอำนาจ เป็นไปไม่ได้นะครับ เพราะฉะนั้นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นพลังของเหตุผล เราก็จะใช้หลักการและเหตุผลในการที่จะดำเนินการในเรื่องราวต่างๆ ให้ประเทศชาติดีขึ้นครับ

พล.ต.จำลอง - ผมคัดค้าน อ.พิภพ นิดหนึ่ง คำว่าทำให้เกิดความแตกแยกมันเบาไป ดูให้ดีสิครับ มันเป็นการบ่อนทำลายชาติและราชบัลลังก์ชัดๆ เลย แตกแยกนี่ ถ้าผมทะเลาะกับ อ.พิภพ เรียกว่าแตกแยก นี่มันไม่ใช่นะครับ

ถาม - ที่กังวลนี่เพราะว่าทักษิณมาอยู่ใกล้ๆ ประเทศไทยด้วยใช่ไหม ถึงได้กังวล

พล.ต.จำลอง - ไม่ใช่ครับ คุณพูดถึงทักษิณก็ดีแล้วนะ ทักษิณพูดเมื่อประมาณวันที่ 17 ว่าบ้านเมืองเราจะไปได้ด้วยดีต้องมีการปรองดอง และเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา คุณยิ่งลักษณ์ก็พูดอีกที่อีกประเทศหนึ่งว่า ต้องมีการปรองดอง เพราะฉะนั้นชี้ให้เห็นแล้วนะว่าเขาเอาแน่ ถ้าเราไม่ออกไปขัดขวาง เขาต้องให้ผ่านกฎหมายปรองดองแน่ แล้วมันง่ายกว่าการแก้รัฐธรรมนูญเยอะเลยครับ เทียบกันไม่ติดเลย

ถาม - แล้วเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ พันธมิตรฯ มีจุดยืนอย่างไร

พล.ต.จำลอง - ก็เมื่อกี้ อ.ปานเทพ บอกไปแล้ว เอาไว้ก่อน เอากฎหมายปรองดองก่อน นั่นเอาไว้ทีหลังนะครับ

สนธิ - คืออย่างนี้ครับ เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เนื่องจากทางการเมืองฝ่ายรัฐบาลยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น เมื่อยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น เราก็ต้องนั่งเฉยๆ นะครับ

รายละเอียดจดหมายถึงประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร

วันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

เรื่องขอให้ถอนร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ

กราบเรียน ฯพณฯ ประธานรัฐสภา และ ประธานสภาผู้แทนราษฎร

ตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ประกาศมาอย่างต่อเนื่องว่าจะออกมาเคลื่อนไหวมวลชนเพื่อต่อต้านกฎหมายที่จะนำไปสู่การลบล้างความผิดหรือลบล้างคำตัดสินของศาลฎีกาที่กระทำภายใต้พระปรมาภิไธยเพื่อช่วยเหลือนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และพวกให้ไม่ต้องรับผิดตามกระบวนการยุติธรรมนั้น

บัดนี้ได้ปรากฏเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาตินั้น แท้ที่จริงแล้วก็คือกฎหมายที่ลบล้างความผิดให้กับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรที่กำลังหลบหนีอาญาแผ่นดินอยู่ในขณะนี้ อีกทั้งเป็นกระบวนการลบล้างความผิดให้กับพวกพ้องของคนในรัฐบาล และผู้สนับสนุนรัฐบาลให้ไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย อันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ ทำลายหลักการถ่วงดุลอำนาจ และสร้างให้กลุ่มบุคคลในฝ่ายของรัฐบาลกลายเป็นอภิสิทธิ์ชนอยู่เหนือกฎหมาย และอยู่เหนือคำตัดสินของศาล อย่างไร้จริยธรรม และเป็นการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์อย่างชัดเจน อันเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายที่ไม่อาจจะยอมรับได้

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่ได้มีการนำเสนอพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาตินั้น ได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนแล้วว่า ได้สร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และนอกสภาอย่างใหญ่หลวง ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วประเทศชาติยังคงเผชิญหน้ากับปัญหาด้านอื่นที่ประชาชนกำลังได้รับความทุกข์ร้อนอย่างแสนสาหัสและกำลังรอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาที่ประชาชนไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอุทกภัยอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง, ปัญหาสินค้ามีราคาแพงจากราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้น, ปัญหาอธิปไตยถูกรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้าน, ปัญหาสินค้าราคาเกษตรตกต่ำ, ปัญหาการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง ฯลฯ แต่รัฐบาลกลับสนใจแต่ที่จะออกกฎหมายที่จะสร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติมากขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองเพียงไม่กี่คน

อย่างไรก็ตามเมื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เห็นชอบเลื่อนวาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติเป็นวาระเร่งด่วนลำดับที่ ๑ ประกอบกับการประชุมรัฐสภา สมัยประชุมสมัยทั่วไป ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไปนั้น โดยที่ไม่มีความชัดเจนในเรื่องการดำเนินการเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ จึงถือได้ว่าสภาผู้แทนราษฎรยังคงเดินหน้ากฎหมายล้างความผิดให้กับพรรคพวกตัวเองต่อไป

ในฐานะที่ท่านเป็นประธานฝ่ายนิติบัญญัติที่มาจากพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล จึงขอให้ท่านดำเนินการ และประสานงานให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้ที่เกี่ยวข้องถอนพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติออกจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรก่อนวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อยุติความขัดแย้งของคนในชาติ ยอมรับและเคารพหลักนิติรัฐ และแก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชนให้อยู่เย็นเป็นสุขอันจะเป็นการสร้างความปรองดองที่แท้จริงให้กับคนในชาติ

เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงขอแจ้งให้ท่านได้ทราบว่าทันทีที่ปรากฏวาระการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติในวันใด พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะจัดให้มีการชุมนุมใหญ่โดยทันทีและพร้อมเคลื่อนมวลชนไปในสถานที่ต่างๆ จนกว่าจะมีการถอนร่างพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติออกจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

จึงเรียนมาเพื่อทราบและโปรดพิจารณา

ขอแสดงความนับถือ

พลตรีจำลอง ศรีเมือง

นายพิภพ ธงไชย

นายสนธิ ลิ้มทองกุล

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์

แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

รายละเอียดจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี

วันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

เรื่องขอให้ถอนร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ

กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี

ตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ประกาศมาอย่างต่อเนื่องว่าจะออกมาเคลื่อนไหวมวลชนเพื่อต่อต้านกฎหมายที่จะนำไปสู่การลบล้างความผิดหรือลบล้างคำตัดสินของศาลฎีกาที่กระทำภายใต้พระปรมาภิไธยเพื่อช่วยเหลือนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และพวกให้ไม่ต้องรับผิดตามกระบวนการยุติธรรมนั้น

บัดนี้ได้ปรากฏเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาตินั้น แท้ที่จริงแล้วก็คือกฎหมายที่ลบล้างความผิดให้กับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรที่กำลังหลบหนีอาญาแผ่นดินอยู่ในขณะนี้ อีกทั้งเป็นกระบวนการลบล้างความผิดให้กับพวกพ้องของคนในรัฐบาล และผู้สนับสนุนรัฐบาลให้ไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย อันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ ทำลายหลักการถ่วงดุลอำนาจ และสร้างให้กลุ่มบุคคลในฝ่ายของรัฐบาลกลายเป็นอภิสิทธิ์ชนอยู่เหนือกฎหมาย และอยู่เหนือคำตัดสินของศาล อย่างไร้จริยธรรม และเป็นการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์อย่างชัดเจน อันเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายที่ไม่อาจจะยอมรับได้

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่ได้มีการนำเสนอพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาตินั้น ได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนแล้วว่า ได้สร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และนอกสภาอย่างใหญ่หลวง ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วประเทศชาติยังคงเผชิญหน้ากับปัญหาด้านอื่นที่ประชาชนกำลังได้รับความทุกข์ร้อนอย่างแสนสาหัสและกำลังรอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาที่ประชาชนไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอุทกภัยอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง, ปัญหาสินค้ามีราคาแพงจากราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้น, ปัญหาอธิปไตยถูกรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้าน, ปัญหาสินค้าราคาเกษตรตกต่ำ, ปัญหาการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง ฯลฯ แต่รัฐบาลกลับสนใจแต่ที่จะออกกฎหมายที่จะสร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติมากขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองเพียงไม่กี่คน

อย่างไรก็ตามเมื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เห็นชอบเลื่อนวาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติเป็นวาระเร่งด่วนลำดับที่ ๑ ประกอบกับการประชุมรัฐสภา สมัยประชุมสมัยทั่วไป ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไปนั้น โดยที่ไม่มีความชัดเจนในเรื่องการดำเนินการเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ จึงถือได้ว่าสภาผู้แทนราษฎรยังคงเดินหน้ากฎหมายล้างความผิดให้กับพรรคพวกตัวเองต่อไป

เมื่อฝ่ายรัฐบาลเป็นฝ่ายที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร พรรครัฐบาลจึงต้องมีส่วนในความรับผิดชอบกับกฎหมายดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงขอให้ท่านดำเนินการ สั่งการ และประสานงานให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถอนพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติออกจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรก่อนวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อยุติความขัดแย้งของคนในชาติ ยอมรับและเคารพหลักนิติรัฐ และแก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชนให้อยู่เย็นเป็นสุขอันจะเป็นการสร้างความปรองดองที่แท้จริงให้กับคนในชาติ

เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงขอแจ้งให้ท่านได้ทราบว่าทันทีที่ปรากฏวาระการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติในวันใด พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะจัดให้มีการชุมนุมใหญ่โดยทันทีและพร้อมเคลื่อนมวลชนไปในสถานที่ต่างๆ จนกว่าจะมีการถอนร่างพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติออกจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

จึงเรียนมาเพื่อทราบและโปรดพิจารณา

ขอแสดงความนับถือ

พลตรีจำลอง ศรีเมือง

นายพิภพ ธงไชย

นายสนธิ ลิ้มทองกุล

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์

แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย





กำลังโหลดความคิดเห็น