“กรณ์” ปลุกแดงต้านกลุ่มอำมาตย์ใหม่ ทุจริต แสวงหาผลประโยชน์

“กรณ์” จี้รัฐบาลเร่งปรับตัวรับมือวิกฤตยูโร เย้ยไม่มีใครเชื่อยอดส่งออกโต 15% หวั่น ปท.เจ๊งหลังโพลระบุหน่วยงานรัฐรับใต้โต๊ะสูง 30-35% ปลุกเสื้อแดงต้านกลุ่มอำมาตย์ใหม่ ชี้ 1 ปีรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจไร้ทิศทาง

วันนี้ (20 ก.ค.) นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีต รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ในรายการฟ้าวันใหม่ทาง Bluesky Channel กล่าวถึงสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจยุโรปว่า ในขณะนี้ยังไม่ดีขึ้นและชัดเจนว่าสถานการณ์จะยังไม่ดีขึ้นในเร็ววันนี้ จะเห็นได้จากหลายหน่วยงานปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเหลือประมาณ 5-6% ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำ ล่าสุดนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เตือนว่าเราควรปรับยุทธศาสตร์เพื่อรองรับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน เพราะเราพึ่งพาการส่งออกไปยังประเทศจีนค่อนข้างมาก ฉะนั้นรัฐบาลจะต้องมีการปรับตัว ถึงแม้ล่าสุดรัฐบาลยังจะยืนยันว่าการส่งออกจะมีอัตราการขยายตัว 15% ในปีนี้ แต่ขณะนี้คงไม่มีใครเชื่อเพราะที่ผ่านมา 4-5 เดือนตัวเลขการส่งออกต่ำกว่าเป้าทุกเดือน

นายกรณ์กล่าวแสดงความเป็นห่วงภายหลังมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ทำการสำรวจพบว่าการจ่ายเงินใต้โต๊ะในการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐเพิ่มสูงขึ้นถึง 30-35% เพราะในปีนี้ตัวเลขการลงทุนของภาครัฐอยู่ที่ 8 แสนกว่าล้านบาท จึงหมายความว่ามีการทุจริตคอร์รัปชันสูงถึง 2.5 แสนล้านบาท หากเปรียบเทียบกับจีดีพีของประเทศจะอยู่ที่ประมาณ 2% ซึ่งหากอยู่ในระดับนี้ต่อไปประเทศเจ๊งแน่นอน อีกทั้งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักธุรกิจทั้งในและนอกประเทศที่จะเข้ามาลงทุนและค้าขายกับหน่วยงานของภาครัฐเพราะต้องมีการจ่ายใต้โต๊ะเป็นจำนวนมาก เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ณ วันนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่ารัฐจริงจังกับเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด

อีกทั้งรัฐกลับผลักดันนโยบายที่เปิดช่องให้มีการทุจริตคอร์รัปชันมากขึ้น เช่น นโยบายรับจำนำข้าว ที่ขณะนี้มีการสร้างโกดังเก็บข้าวใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อรองรับนโยบายของรัฐ และมีการสร้างความร่ำรวยขึ้นมาในกลุ่มอำมาตย์ใหม่ นอกจากนี้ยังมีโครงการฟื้นฟูน้ำท่วมงบ 3.5 แสนล้านบาทที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษเพราะมีเจตนาที่จะนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชันครั้งใหญ่

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังเรียกร้องให้ประชาชนรวมถึงคนเสื้อแดงที่รวมต่อตัวต่อสู้กับอำมาตย์กลุ่มใหม่ที่กำลังสร้างธุรกิจของตัวเองบนสันหลังของคนไทยทุกคนจากเงินภาษีที่เสียไปกับการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่าการเสียเวลาในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง

ส่วนการประเมินการบริหารงานด้านเศรษฐกิจในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล นายกรณ์กล่าวว่า ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน เป็นการพยายามที่จะผลักดันนโยบายที่รัฐบาลคิดขึ้นมาแต่ไม่มีความเหมาะสมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนโยบายรับจำนำข้าวที่เกษตรกรไม่ได้ประโยชน์ แต่รัฐบาลกลับผลักดันเพราะมีประโยชน์ที่ได้รับมหาศาล ซึ่งเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวก็สามารถตอบโจทย์ได้ว่ารัฐบาลจริงจังในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่