“อุดมเดช” ชี้ควรยกร่างรัฐฯถึงมาประชามติ ยกคำวินิจฉัยตุลาการไม่ได้ระบุลงมติวาระ 3 เป็นการล้มล้าง โยนอำนาจอยู่ที่สภา เชื่อพรรคไม่ถูกยุบ อ้างแก้รายมาตราใช้เวลานาน กระทบช่วย ปชช. เล็งถกฝ่ายเห็นด้วย
วันนี้ (16 ก.ค.) นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล เปิดเผยก่อนเข้าประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ร่วมกับฝ่ายกฎหมายและวิปรัฐบาลของพรรคว่า การหารือจะมีการพิจารณาว่าจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญในแนวทางใด โดยทางเลือกแรก คือ 1. จัดทำประชามติก่อนร่างรัฐธรรมนูญ หรือ 2.ลงมติร่างรัฐธรรมนูญในวาระ 3 แล้วให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วจึงทำประชามติ แต่หากทำประชามติก่อนประชาชนอาจมีความสับสน น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าหากทำประชามติหลังจาก ส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญแล้ว
“เราได้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาถึงวาระ 1 และ 2 แล้ว และศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัยว่าล้มล้างการปกครอง หากเราเดินหน้าลงมติในวาระที่ 3 จะเป็นการล้มล้างการปกครองเชียวหรือ ดังนั้นหากจะลงมติในวาระ 3 ก็เป็นอำนาจรัฐสภาตามที่ศาลได้ระบุไว้ และรัฐสภาทำได้ตามมาตรา 291 (1) แต่ถ้าบอกว่าลงมติวาระที่ 3 ไปแล้วศาลวินิจฉัยให้ยุบพรรคและตัดสิทธิเลือกตั้งก็ไม่น่าจะเป็นไปได้” นายอุดมเดชกล่าว
นายอุดมเดชกล่าวต่อว่า หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงรายมาตราก็สามารถทำได้ แต่จะถูกกระบวนการถ่วง ซึ่งจะมีการพูดกันในสภา 20 วัน สอดคล้องกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ยืนยันหากแก้รายมาตราก็ไม่รู้จะกี่ปีเสร็จจะกลายเป็นประเด็นทำให้สภาไม่ต้องไปทำเรื่องอื่น แต่หากมี ส.ส.ร.แล้วสมาชิกรัฐสภาก็ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวและรัฐบาลก็จะทำงานให้กับประชาชนมากยิ่งขึ้นด้วย
นายอุดมเดชยังกล่าวอีกว่า หากรัฐสภาตัดสินใจลงมติในวาระที่ 3 ทางประธานรัฐสภาจะต้องหาวันที่เหมาะสมสามารถนัดประชุมได้เลย สำหรับแนวทางของเพื่อไทยได้ทำให้ปรากฏแล้วว่าได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามนโยบายที่หาเสียงไว้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะต้องมีการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงหารือกับ ส.ว.ที่เห็นพ้องต้องกันที่อยากให้มีรัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย
