ผู้นำฝ่ายค้านเตือนสติรัฐบาลอย่าดันทุรังลงมติแก้ รธน.วาระ 3 หวั่นทำสังคมกลับสู่วิกฤต แนะ “ขุนค้อน” ผลักดันเข้าสภาอาจเกิดข้อโต้แย้ง จนเรื่องกลับสู่ศาล รธน.อีกครั้ง ระบุรัฐบาบลชอบอ้างเสียงข้างมาก แต่ไม่สนประชาชนที่เรียกร้องให้ชะลอแก้ รธน. ชี้สองมาตรฐาน เลือกฟังเฉพาะที่พอใจ
วันนี้ (16 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรกล่าว เรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติตามคำแนะนำที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ช่องไว้เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะหากดึงดันที่จะลงมติในวาระ 3 ก็จะทำให้ประเด็นที่มีทางออกแล้วกลับไปสู่ความขัดแย้งอีก ส่วนความเห็นทางกฎหมาย เช่น กลุ่มนิติราษฎร์ มีความแตกต่างกันได้เป็นเรื่องปกติ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่เกิดการโต้แย้งจนนำไปสู่ศาล แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องพิจารณา คือ รัฐบาลเป็นผู้ที่จะต้องรับผิดชอบบริหารบ้านเมืองให้เกิดความสงบเรียบร้อย แก้ปัญหาประชาชน ซึ่งประชาชนก็เรียกร้องให้มีการใส่ใจต่อปัญเศรษฐกิจและปัญหาอื่นๆ จึงควรตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของประเทศ
“ทางที่ดีที่สุดควรทำตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ช่องเอาไว้ เพราะประชาชนก็สะท้อนค่อนข้างชัด ผมคิดว่าการขานรับของภาคธุรกิจหรือกลุ่มต่างๆ ก็น่าจะทำให้รัฐบาลตัดสินใจที่จะเลือกเอาความสงบเรียบร้อยและปรับแนวทางไปสู่การแก้ปัญหาของประชาชน ส่วนการดำเนินการเรื่องแก้รัฐธรรมนูญก็มีทางเลือกจะแก้เป็นรายมาตรา หรือจะทำประชามติ ก็มาปรึกษาหารือกัน แทนที่จะยึดความต้องการของคนคนหนึ่ง หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้วก็อ้างเสียงข้างมากมาผลักดัน ผมเห็นว่า จะเป็นคำสั่งหรือคำแนะนำก็ตาม ประเด็นคือ รัฐบาลมีทางเลือกที่จะให้บ้านเมืองสงบและนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญที่ทุกคนมีส่วนร่วม ทุกคนเป็นเจ้าของ มากกว่าที่จะหาช่องเดินหน้าสิ่งที่ตัวเองต้องการ เพราะจะทำให้เกิดการเผชิญหน้าตามมา”
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า การกำหนดประเด็นวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ประเด็น ความเห็นของศาลในประเด็นที่ 2 ก็บ่งบอกว่าหากเดินหน้าต่อไปจะมีการเผชิญหน้าในทางกฎหมายกันอีก ที่ผ่านมารัฐบาลอ้างเสียงประชาชนมาโดยตลอด เมื่อประชาชนสะท้อนชัดเจนว่าต้องการให้ชะลอเรื่องนี้ก็ควรดำเนินการ แต่ถ้าไม่ทำก็ถือว่าสองมาตรฐาน เพราะเวลาที่จะทำอะไรก็อ้างเสียงประชาชน แต่เมื่อมีการสำรวจความเห็นประชาชนแล้วไม่ตรงใจของตัวเองก็เพิกเฉย ละเลย รวมทั้งเรื่องกฎหมายล้างผิดด้วย พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ก็เคยบอกว่าจะฟังประชาชน ซึ่งขณะนี้ผลสำรวจทุกสำนักและอารมณ์ของสังคมก็ชัดเจนว่าไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งแต่ก็ไม่ยอมถอนร่างออกไป
สำหรับบทบาทของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ที่อ้างว่าจะต้องไปหารือกับทีมกฎหมายว่าจะมีการลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ในวาระ 3 นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นายสมศักดิ์จะต้องทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติและควรมีความมุ่งหมายเหมือนที่ตนพูด คือทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบและเดินหน้าต่อไปได้ แต่ถ้ายังดึงดันจะเดินหน้าลงมติวาระ 3 ก็จะเกิดการเผชิญหน้าในสภาเพราะคงมีการโต้แย้งกันรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้นคือจะเกิดผลตามมาในการโต้แย้งทางกฎหมาย จนเรื่องอาจจะกลับไปสู่ศาลอีกครั้ง รวมทั้งจะเกิดการเผชิญหน้าในสังคมตามมาด้วย
