“ชวน” ห่วงตุลาการศาล รธน.ถูกคุกคาม เชื่อประสบการณ์ช่วยเป็นภูมิคุมกัน ระบุข้อเสนอให้ตัดสินโดยดูเหตุการณ์บ้านเมืองเป็นเงื่อนไขถือว่าอันตราย แนะควรวินิจฉัยด้วยความเป็นธรรม และเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย บอกผลจะออกมาอย่างไรรัฐบาลก็ยังเป็นชุดเดิม ชี้กลุ่มที่จะก่อปัญหารัฐบาลดูแลได้อยู่แล้ว เพราะเป็นพวกเดียวกัน ปัดศาลตัดสินหวังเปลี่ยนขั้วการเมือง
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีความเป็นห่วงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่โดนคุกคาม เพราะไม่มีระเบียบหรือข้อกฎหมายในการปกป้องคุ้มครอง จึงมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างเสียหาย แต่ตนเชื่อว่าประสบการณ์ในชีวิตของตุลาการที่ทำงานมาอย่างยาวนานอาจจะเป็นภูมิคุ้มกันที่ทำให้ไม่หวั่นไหว แต่สิ่งที่ท่านไม่เคยเจอคือการถูกคุกคาม เพราะไม่เคยมีมาก่อน เราก็มีความเป็นห่วงว่าจะมีความเป็นอิสระได้หรือไม่ แต่ตนเชื่อว่าท่านมีประสบการณ์ เคยถูกกดดันทั้งการวิ่งเต้น หรือใช้วิธีการข่มขู่ โทรศัพท์ขู่เพื่อให้ตัดสินตามความต้องการของตัวเอง ดังนั้นเชื่อว่าตุลาการจะรักษาความเป็นอิสระได้
อย่างไรก็ตาม ที่มีบางกลุ่มเสนอแนะว่าการตัดสินโดยเอาเหตุการณ์บ้านเมืองมาเป็นเงื่อนไข โดยจะต้องตัดสินไม่ให้บ้านเมืองมีปัญหา ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ตนสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เงื่อนไขที่ตุลาการต้องเอามาเป็นหลักในการวินิจฉัย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตัดสินด้วยความเป็นธรรม เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรไม่ใช่เรื่องของตุลาการ แต่ท่านมีหน้าที่ตัดสินตามความเป็นจริงและกฎหมายที่มีอยู่ จะไปพะวงว่าจะมีเหตุบ้านเมือง เพราะนั่นไม่ใช่หน้าที่ของตุลาการ แต่เป็นเรื่องที่ผู้มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ก็คือฝ่ายบริหาร ก็ต้องแย่งหน้าที่กันไป ฝ่ายนิติบัญญัติออกกฎหมาย ฝ่ายบริหารใช้กฎหมาย และฝ่ายตุลาการวินิจฉัยกฎหมาย หน้าที่ก็แบ่งกันชัดเจน
“คำแนะนำที่ให้คำนึงถึงเรื่องที่อยู่นอกคดีก็เป็นเรื่องที่อันตราย เพราะถ้าใช้หลักการนี้จะมีปัญหาตามมา คือ เป็นการตัดสินตามความกดดัน ตามคำเรียกร้อง ซึ่งมันไม่ถูก นี่คือสิ่งที่เราต้องเข้าใจบทบาทของตุลาการ และสิ่งสำคัญคือจะเป็นบทเรียนอีกครั้งหนึ่งและประสบการณ์ของกระบวนการประชาธิปไตยที่ฝ่ายตุลาการได้รับภาระหน้าที่ในการทำหน้าที่วินิจฉัยปัญหาที่เป็นบทบาทของฝ่ายตุลาการ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองตามที่หลายเป็นห่วงหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า รัฐบาลคงไม่เปลี่ยนแปลง ก็ยังเป็นชุดนี้อยู่ และเหตุการณ์อย่างอื่นก็คงไม่มีอะไร เพราะความไม่พอใจและพอใจก็คงมีอยู่เป็นธรรมดา แต่คนที่จะเป็นปัญหาส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นคนของรัฐบาล เมื่อรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบตัวเองอยู่แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนของรัฐบาลจะมาก่อปัญหาอีก ซึ่งความจริงรัฐบาลสามารถห้ามคนที่ก่อปัญหาได้ ส่วนคนกลุ่มอื่นที่ผ่านมาเขาก็ชุมนุมกันตามปกติ ชุมนุมโดยสงบ ไม่ก่อปัญหา ไม่เผาอะไร ก็คงไม่มีปัญหา ซึ่งทั้งหมดก็คงไม่น่าจะมีปัญหา เพราะรัฐบาลดูแลได้อยู่แล้ว เพียงแต่ปรามคนของตัวเองให้ได้เท่านั้นเอง ไม่ให้มาสร้างปัญหา หากปรามได้ก็จะไม่มีปัญหาอะไรเลย
“ส่วนตัวไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น บ้านเมืองกับปัญหาเป็นของคู่กัน แต่ละฝ่ายก็มีหน้าที่ต้องแก้ปัญหา เขาถึงแบ่งอำนาจกัน เราแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์กันทุกฝ่าย ก็ไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะตัดสินอย่างไรรัฐบาลก็ยังอยู่ ยังมีเสียงอยู่ ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เพียงแต่ทำอย่างไรให้สถาบันศาลที่เป็นที่พึ่งสุดท้าย ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ มีความเป็นอิสระ ท่ามกลางเสียงข่มขู่คุกคาม เพราะศาลก็คือปุถุชนไม่ต่างจากเรา แต่เขามีประสบการณ์ในอาชีพของเขา ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ไม่หวั่นไหวไปตามแรงคุกคาม”
ส่วนที่มีกระแสข่าวการตัดสินของศาลเพื่อเอื้อให้มีการเปลี่ยนแปลงในการพลิกขั้วนั้น นายชวนกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะระบบนี้ต้องอาศัยเสียงข้างมาก ตอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นนายกรัฐมนตรีก็เพราะได้เสียงข้างมาก เมื่อถามว่ามีชื่อของนายชวนเป็นแคนดิเดตเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย นายชวนกล่าวว่า ไม่มีแน่นอน