“นพดล” สวมวิชามาร บอกเลอะเทอะให้ศาลตัดสิน 4 หรือ 5 แนวทาง ที่ถูกต้องยกคำร้องเพราะไม่มีอำนาจ ยืนขาเดียวแถ ผู้ร้องยื่นโดยตรงต่อศาลไม่ได้ ไม่มีบทบัญญัติห้ามแก้รธน.ทั้งฉบับหรือให้ทำประชามติก่อนแก้ ส.ส.ร.ยังไม่ได้ร่าง รธน. ดังนั้นจะตีตนไปก่อนไข้ไม่ได้ ยันฝ่ายนิติบัญญัติมีอำนาจเต็มแก้ไข รธน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 11 ก.ค. เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โพสต์ขอความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Noppadon Pattama ถึงกรณีคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเตรียมวินิจฉัยคดีแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 291 ขัด มาตรา 68 หรือไม่ในวันศุกร์ที่ 13 ก.ค.นี้ ว่า
“ผมอ่านนักกฎหมายอธิบายเป็นคุ้งเป็นแควว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสิน เป็น 4 แนวทาง....... ฟังแล้วนึกถึงเวลาตำรวจไปที่เกิดเหตุยิงกันตาย พอถูกถามก็บอกว่าสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องส่วนตัว การเมือง ธุรกิจ หรือยิงผิดตัว จะเสียเวลาวิเคราะห์กันไปทำไม เราควรพูดสิ่งที่ควรให้เกิดขึ้นตามกฎหมายที่มีอยู่คือ ยกคำร้องเพราะไม่มีอำนาจ การไปบอกว่าอาจตัดสิน 4 หรือ 5 แนวทาง ให้เด็กมอปลายพูดกัน
ศาล รธน. ควรยกคำร้องเพราะ
1. มาตรา 68 เขียนไว้ขัดเจนว่าผู้ร้องต้องยื่นคำร้องต่ออัยการก่อน ยื่นโดยตรงต่อศาลไม่ได้
2. การเสนอกฎหมายของ ส.ส. และ ส.ว. เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติที่เป็นเอกสิทธิ์ตาม รธน. หาใช่การใช้สิทธิหรือหน้าที่ ตามที่ระบุในมาตรา 68 ไม่
3. ผู้ถูกร้องไม่ได้ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะการแก้ไข รธน. เป็นไปตาม รธน.มาตรา 291
4. มาตรา 291 ไม่มีบทบัญญัติห้ามแก้ รธน.ทั้งฉบับ
5. การอ้างว่า รธน.ปี 50 ผ่านการออกเสียงลงประชามติ ดังนั้นจึงต้องมีประชามติก่อนแก้ รธน.50 โดยมี ส.ส.ร. เป็นความเห็นที่ไม่มีกฎหมายรองรับ เพราะมาตรา 291 ไม่ได้กำหนดเช่นนั้น
6. ขณะนี้ยังไม่มี ส.ส.ร. และ ส.ส.ร. ยังไม่ได้ร่าง รธน. ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้การคาดเดาว่า ส.ส.ร.จะร่างอย่างนั้นอย่างนี้ การคาดเดาอนาคตจึงไม่สามารถใช้เป็นเกณฑ์หรือพื้นฐาน (basis) เพื่อตัดสินในปัจจุบันได้
7. ในร่าง รธน.ที่แก้ไขเขียนไว้ชัดว่า ส.ส.ร จะไม่สามารถเขียน รธน. ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง และห้ามแตะต้องหมวด 2 ที่ว่าด้วยหมวดพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นการตีกรอบที่ห้ามแหกออกไปอยู่แล้ว
8. การอ้างว่าการมี ส.ส.ร.ไม่ต่างกับการฉีก รธน. โดยการรัฐประหาร เป็นการเปรียบเทียบในทำนองว่า โจรปล้นร้านทอง กับตำรวจเฝ้าร้านทองเหมือนกัน เพราะพกปืนทั้งคู่”