**หลังจบการไต่สวน สองฝ่ายออกอาการมั่นอกมั่นใจทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง ในการลงมติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คดีคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัยกลาง ในเวลา 14.00 น. วันศุกร์ที่ 13 ก.ค.นี้
แนวทางการลงมติและผลคำวินิจฉัยที่จะออกมาก็จะเป็นเหมือนคำร้องอื่นๆ ไม่ได้มีอะไรผิดแตกต่างกัน คือศาลก็จะต้องมีคำวินิจฉัยออกมาเรียงตามลำดับกรอบการวินิจฉัยที่ศาลได้วางไว้ 4 ประเด็น และได้แจ้งต่อคู่กรณีไว้แล้วตั้งแต่วันไต่สวนคำร้องวันแรก
คือ 1. อำนาจฟ้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคสอง 2. ปัญหาเรื่องมาตรา 291 ว่าจะสามารถยกเลิกหรือแก้ไขทั้งฉบับได้หรือไม่ 3. มีปัญหาในเรื่องมาตรา 68 วรรคหนึ่ง หรือไม่ ว่าเป็นการล้มล้างหรือได้มาซึ่งอำนาจหรือไม่ และ 4. ผลของการกระทำดังกล่าว จะมีเหตุให้ยุบพรรค และตัดสิทธิ์ทางการเมืองตาม มาตรา 68 วรรคสาม และวรรคสี่ หรือไม่
โดยคำวินิจฉัยที่จะออกมา จะมีการอธิบายความเป็นมาของคำร้องนี้ทั้งหมด การระบุถึงผลการพิจารณาของศาลทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ผ่านการไต่สวนพยานของผู้ร้องและผู้ถูกร้องรวมถึงพยานต่างๆ ที่ศาลได้รับ
** ผลจะออกมาอย่างไร คงต้องรอฟังและติดตามกันให้ดี คาดว่า ไม่เกิน 16.00 น.ของวันศุกร์ที่13 ก.ค. การอ่านคำวินิจฉัยก็คงเสร็จสิ้น ได้รู้กันไปข้างว่า จะยกคำร้อง หรือขัดรัฐธรรมนูญ ไม่รู้ว่าจะเป็นศุกร์13 ฝันหวานของฝั่งผู้ถูกร้องทั้งคณะรัฐมนตรี-พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาที่จะได้โล่งอกโล่งใจกันเสียที หรือ จะเป็น ศุกร์ 13 อาถรรพ์กันแน่
ขณะที่ฝั่งผู้ร้องก็คงอยากขอให้เป็น ศุกร์ 13 เลขนำโชค โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่ม 40 ส.ว.ภายใต้การนำของ พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม
ณ เวลานี้ ฝ่ายผู้ถูกร้อง ระดับแกนนำรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยจริงๆ ที่พอมีความรู้ด้านกฎหมาย และเกี่ยวข้องกับการต่อสู้คดีจริงๆ ประเมินว่าให้แย่สุด ก็แค่น่าจะถึงแค่ว่า การแก้ไขมาตรา 291 เพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญไปร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามร่างของผู้ถูกร้องทั้งของคณะรัฐมนตรี ส.ส.เพื่อไทย และส.ส.ชาติไทยพัฒนา กระทำมิได้ ขัดรัฐธรรมนูญ คือ จบแค่กรอบข้อที่ 2 ที่ศาลวางไว้
ส่วนเหตุผลที่ศาลบอกว่า “ขัดรธน.ทำไม่ได้” โดยที่ รธน.ปี 50 ไม่ได้มีบทบัญญัติห้ามเอาไว้ ในเรื่องการเพิ่มช่องทางการแก้ไขรธน. ในการให้มี ส.ส.ร. ศาลรธน.จะอธิบายประเด็นนี้อย่างไร น่าสนใจมาก หากออกมาตามนี้จริง ก็จะเป็นคำวินิจฉัยที่คงถูกพูดถึงไปอีกนาน
แต่ฝั่งผู้ถูกร้อง โดยเฉพาะ "เป็ดเหลิม" เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทายถูกในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ที่ว่า ศาลรธน.จะยกคำร้อง ด้วยเหตุผลเรื่องปัญหาข้อกฎหมายในชั้นการทำสำนวน และส่งคำร้องมายังศาลรธน. ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่สุดท้ายศาลรธน. ก็ยกคำร้องคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยเหตุผลเดียวกับที่เฉลิม เคยบอกเอาไว้ล่วงหน้าหลายเดือน
มารอบนี้ เฉลิม ก็ยังเชื่อว่า ให้แย่สุด ศาลรธน. ก็จะวินิจฉัยถึงแค่ว่า แก้มาตรา 291 ไปตั้งส.ส.ร.ไม่ได้ เท่านั้น จะไปไม่ถึงการพิจารณาในข้อ 3 ในเรื่องขัดมาตรา 68 เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ และเมื่อไปไม่ถึงข้อที่ 3 ดังนั้นก็จะไปไม่ถึง ข้อที่ 4 คือ ผลของการกระทำดังกล่าว จะมีเหตุให้ยุบพรรค และตัดสิทธิ์ทางการเมืองตาม มาตรา 68 วรรคสาม และวรรคสี่ หรือไม่
** อันนี้คือการวิเคราะห์ของฝ่ายรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ที่เชื่อว่า หากลบสุด ก็แค่นี้ ไม่น่าจะไปถึงการล้มล้างการปกครองได้ เพราะหลักฐานข้อเท็จจริงไม่ชัด ที่สำคัญหากศาลชี้ว่า ผู้ถูกร้องทำผิดมาตรา 68 จริง ก็เป็นเรื่องใหญ่
ถ้าถึงขั้นศาลบอกว่า คณะบุคคลอย่าง ครม.-พรรคการเมือง มีพฤติการณ์อันเชื่อได้ว่าจะล้มล้างการปกครอง หรือกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองโดยวิธีการที่มิชอบ จะเป็นข้อหาการเมืองที่หนักหนามาก และหากไปถึงกรอบที่ 3 ดังกล่าว ก็จะเลยไปถึงเรื่องการยุบพรรคแน่นอนแล้ว อันนี้ยิ่งมีผลทางการเมืองสูง ฝั่งผู้ถูกร้อง จึงยังมองว่าไม่น่าจะไปถึงขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม หากศาลรธน.ชี้ว่า การแก้ไขรธน.ครั้งนี้ มิชอบ สิ่งที่จะตามมาลำดับแรกก่อนเลยก็คือ จะทำให้การแก้ไขรธน.ก่อนหน้านี้ทั้งหมดสิ้นสภาพไป การโหวตวาระ 3 ที่ค้างคาอยู่ ก็จะไม่มี หากจะมีการแก้ไขรธน.ฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทย ก็ต้องไปวางเกมกันใหม่ ซึ่งก็อาจจะใช้วิธีการแก้ไขรายมาตราไป
ขณะที่ฝั่งผู้ร้อง อย่าง พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม –วิรัตน์ กัลยาศิริ ก็ยังเชื่อมั่นในการต่อสู้คดีตลอดสองวันที่ผ่านมา ว่าน่าจะชกเข้าเป้าพอสมควร แต่จะไปถึงเป้าไหน ก็บอกไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหน ก็พร้อมยอมรับ
เวลานี้ คงมีก็แต่พวกแกนนำรัฐบาลบางคน แม้แต่ระดับรัฐมนตรีรวมถึงพวก ส.ส.เพื่อไทย-แกนนำนปช. ที่ยังพยายามกดดันศาลรัฐธรรมนูญอย่างต่อเนื่อง บางคนถึงขั้นข่มขู่ พูดจาสามหาว ด่าผรุสวาท ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรายวัน ผ่านเวทีปราศรัยเพื่อไทย หรือสื่อเสื้อแดง ไม่เว้นแต่ละวัน
โดยเฉพาะการขู่ว่าหากศาลรธน.ตัดสินว่า การแก้ไขรธน.ครั้งนี้ขัดรธน. จนไปถึงขั้นจะยุบพรรค ก็จะมีการยกพวกเสื้อแดงไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน กดดันศาลรธน.ทันที รวมถึงการตั้งเวทีเสื้อแดง และเวทีพรรคเพื่อไทยทั่วประเทศ เดินสายถล่มศาลรธน.
**ไม่รู้ว่า หากสุดท้ายออกมาเป็นลบกับผู้ถูกร้องจริงๆ แล้วเกิดความวุ่นวายขึ้น รัฐบาลเพื่อไทย โดยเฉพาะตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. จะมีท่าทีอย่างไร หรือจะปากว่าตาขยิบ
แนวทางการลงมติและผลคำวินิจฉัยที่จะออกมาก็จะเป็นเหมือนคำร้องอื่นๆ ไม่ได้มีอะไรผิดแตกต่างกัน คือศาลก็จะต้องมีคำวินิจฉัยออกมาเรียงตามลำดับกรอบการวินิจฉัยที่ศาลได้วางไว้ 4 ประเด็น และได้แจ้งต่อคู่กรณีไว้แล้วตั้งแต่วันไต่สวนคำร้องวันแรก
คือ 1. อำนาจฟ้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคสอง 2. ปัญหาเรื่องมาตรา 291 ว่าจะสามารถยกเลิกหรือแก้ไขทั้งฉบับได้หรือไม่ 3. มีปัญหาในเรื่องมาตรา 68 วรรคหนึ่ง หรือไม่ ว่าเป็นการล้มล้างหรือได้มาซึ่งอำนาจหรือไม่ และ 4. ผลของการกระทำดังกล่าว จะมีเหตุให้ยุบพรรค และตัดสิทธิ์ทางการเมืองตาม มาตรา 68 วรรคสาม และวรรคสี่ หรือไม่
โดยคำวินิจฉัยที่จะออกมา จะมีการอธิบายความเป็นมาของคำร้องนี้ทั้งหมด การระบุถึงผลการพิจารณาของศาลทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ผ่านการไต่สวนพยานของผู้ร้องและผู้ถูกร้องรวมถึงพยานต่างๆ ที่ศาลได้รับ
** ผลจะออกมาอย่างไร คงต้องรอฟังและติดตามกันให้ดี คาดว่า ไม่เกิน 16.00 น.ของวันศุกร์ที่13 ก.ค. การอ่านคำวินิจฉัยก็คงเสร็จสิ้น ได้รู้กันไปข้างว่า จะยกคำร้อง หรือขัดรัฐธรรมนูญ ไม่รู้ว่าจะเป็นศุกร์13 ฝันหวานของฝั่งผู้ถูกร้องทั้งคณะรัฐมนตรี-พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาที่จะได้โล่งอกโล่งใจกันเสียที หรือ จะเป็น ศุกร์ 13 อาถรรพ์กันแน่
ขณะที่ฝั่งผู้ร้องก็คงอยากขอให้เป็น ศุกร์ 13 เลขนำโชค โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่ม 40 ส.ว.ภายใต้การนำของ พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม
ณ เวลานี้ ฝ่ายผู้ถูกร้อง ระดับแกนนำรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยจริงๆ ที่พอมีความรู้ด้านกฎหมาย และเกี่ยวข้องกับการต่อสู้คดีจริงๆ ประเมินว่าให้แย่สุด ก็แค่น่าจะถึงแค่ว่า การแก้ไขมาตรา 291 เพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญไปร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามร่างของผู้ถูกร้องทั้งของคณะรัฐมนตรี ส.ส.เพื่อไทย และส.ส.ชาติไทยพัฒนา กระทำมิได้ ขัดรัฐธรรมนูญ คือ จบแค่กรอบข้อที่ 2 ที่ศาลวางไว้
ส่วนเหตุผลที่ศาลบอกว่า “ขัดรธน.ทำไม่ได้” โดยที่ รธน.ปี 50 ไม่ได้มีบทบัญญัติห้ามเอาไว้ ในเรื่องการเพิ่มช่องทางการแก้ไขรธน. ในการให้มี ส.ส.ร. ศาลรธน.จะอธิบายประเด็นนี้อย่างไร น่าสนใจมาก หากออกมาตามนี้จริง ก็จะเป็นคำวินิจฉัยที่คงถูกพูดถึงไปอีกนาน
แต่ฝั่งผู้ถูกร้อง โดยเฉพาะ "เป็ดเหลิม" เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทายถูกในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ที่ว่า ศาลรธน.จะยกคำร้อง ด้วยเหตุผลเรื่องปัญหาข้อกฎหมายในชั้นการทำสำนวน และส่งคำร้องมายังศาลรธน. ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่สุดท้ายศาลรธน. ก็ยกคำร้องคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยเหตุผลเดียวกับที่เฉลิม เคยบอกเอาไว้ล่วงหน้าหลายเดือน
มารอบนี้ เฉลิม ก็ยังเชื่อว่า ให้แย่สุด ศาลรธน. ก็จะวินิจฉัยถึงแค่ว่า แก้มาตรา 291 ไปตั้งส.ส.ร.ไม่ได้ เท่านั้น จะไปไม่ถึงการพิจารณาในข้อ 3 ในเรื่องขัดมาตรา 68 เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ และเมื่อไปไม่ถึงข้อที่ 3 ดังนั้นก็จะไปไม่ถึง ข้อที่ 4 คือ ผลของการกระทำดังกล่าว จะมีเหตุให้ยุบพรรค และตัดสิทธิ์ทางการเมืองตาม มาตรา 68 วรรคสาม และวรรคสี่ หรือไม่
** อันนี้คือการวิเคราะห์ของฝ่ายรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ที่เชื่อว่า หากลบสุด ก็แค่นี้ ไม่น่าจะไปถึงการล้มล้างการปกครองได้ เพราะหลักฐานข้อเท็จจริงไม่ชัด ที่สำคัญหากศาลชี้ว่า ผู้ถูกร้องทำผิดมาตรา 68 จริง ก็เป็นเรื่องใหญ่
ถ้าถึงขั้นศาลบอกว่า คณะบุคคลอย่าง ครม.-พรรคการเมือง มีพฤติการณ์อันเชื่อได้ว่าจะล้มล้างการปกครอง หรือกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองโดยวิธีการที่มิชอบ จะเป็นข้อหาการเมืองที่หนักหนามาก และหากไปถึงกรอบที่ 3 ดังกล่าว ก็จะเลยไปถึงเรื่องการยุบพรรคแน่นอนแล้ว อันนี้ยิ่งมีผลทางการเมืองสูง ฝั่งผู้ถูกร้อง จึงยังมองว่าไม่น่าจะไปถึงขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม หากศาลรธน.ชี้ว่า การแก้ไขรธน.ครั้งนี้ มิชอบ สิ่งที่จะตามมาลำดับแรกก่อนเลยก็คือ จะทำให้การแก้ไขรธน.ก่อนหน้านี้ทั้งหมดสิ้นสภาพไป การโหวตวาระ 3 ที่ค้างคาอยู่ ก็จะไม่มี หากจะมีการแก้ไขรธน.ฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทย ก็ต้องไปวางเกมกันใหม่ ซึ่งก็อาจจะใช้วิธีการแก้ไขรายมาตราไป
ขณะที่ฝั่งผู้ร้อง อย่าง พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม –วิรัตน์ กัลยาศิริ ก็ยังเชื่อมั่นในการต่อสู้คดีตลอดสองวันที่ผ่านมา ว่าน่าจะชกเข้าเป้าพอสมควร แต่จะไปถึงเป้าไหน ก็บอกไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหน ก็พร้อมยอมรับ
เวลานี้ คงมีก็แต่พวกแกนนำรัฐบาลบางคน แม้แต่ระดับรัฐมนตรีรวมถึงพวก ส.ส.เพื่อไทย-แกนนำนปช. ที่ยังพยายามกดดันศาลรัฐธรรมนูญอย่างต่อเนื่อง บางคนถึงขั้นข่มขู่ พูดจาสามหาว ด่าผรุสวาท ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรายวัน ผ่านเวทีปราศรัยเพื่อไทย หรือสื่อเสื้อแดง ไม่เว้นแต่ละวัน
โดยเฉพาะการขู่ว่าหากศาลรธน.ตัดสินว่า การแก้ไขรธน.ครั้งนี้ขัดรธน. จนไปถึงขั้นจะยุบพรรค ก็จะมีการยกพวกเสื้อแดงไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน กดดันศาลรธน.ทันที รวมถึงการตั้งเวทีเสื้อแดง และเวทีพรรคเพื่อไทยทั่วประเทศ เดินสายถล่มศาลรธน.
**ไม่รู้ว่า หากสุดท้ายออกมาเป็นลบกับผู้ถูกร้องจริงๆ แล้วเกิดความวุ่นวายขึ้น รัฐบาลเพื่อไทย โดยเฉพาะตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. จะมีท่าทีอย่างไร หรือจะปากว่าตาขยิบ