“เฉลิม” มั่นใจศุกร์ 13 ก.ค.ไม่มีป่วน หลังมีข่าวม็อบจ้องบุกหน้าศาล รธน.วันวินิจฉัยคดี เตรียมหารือตำรวจเกาะติดเสถานการณ์ พร้อมปฏิเสธตอบคำถามควรถอย 4 ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง โวถ้าใช้ร่างของตัวเองตั้งแต่ต้นคงไม่วุ่น ขนาดเลขาฯ กฤษฎีกา ดูแล้วยังบอกว่าเจ๋ง เสนอตัวเดินตายแจงทั่วประเทศ ขณะเดียวกันได้นัดตำรวจแถลงชายชุดดำมีจริงหรือไม่ และใครคือคนเผาเมือง 13 พ.ค. ยืนยันไม่เคยยุ่งคดีเขาแพง แนะ “แทน เทือกสุบรรณ” ฟ้องดีเอสไอ-อัยการ หากไม่ได้รับความเป็นธรรม แขวะประเทศนี้ไม่มีใครกล้าแหยม “เทพเทือก” ประกาศทำความสะอาดเกาะสมุยเร็วๆ นี้
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองตามมาตรา 68 หรือไม่ ในวันศุกร์ที่ 13 ก.ค. ซึ่งมีแนวโน้มว่ามวลชนทั้งที่สนับสนุนและคัดค้านอาจจะไปรวมตัวกันที่บริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญว่า คงไม่มีการเตรียมการเป็นพิเศษ ถือเป็นสิทธิของประชาชน เมื่อตนได้มาทำหน้าที่ตรงนี้ก็กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้มแข็ง แต่นุ่มนวล อย่ารุนแรง เพราะเกมการเมืองกระดานนี้ใครลงมือก่อนแพ้ ดังนั้นต้องอดทนอดกลั้น ในช่วงเย็นตนจะไปหารือกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อให้มีการตามติดสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด วิเคราะห์สถานการณ์ด้วยความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลว่าจะเกิดการปะทะหรือการจลาจลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า คงไม่มีการจลาจล คนไทยสุดท้ายไม่ฆ่ากัน หรืออย่างที่กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) จ.นครพนม ก็ประกาศแล้วว่าพวกที่มาหน้าศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่ ผรท.ตัวจริง
ส่วนข้อเรียกร้องให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติ ทั้ง 4 ฉบับออกจากวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เป็นเรื่องของมติพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าหากพรรคใช้ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ฉบับที่ตนเป็นผู้ร่าง ไม่เกิน 6 เดือนเรียบร้อย โดยตนจะร่วมกับนายสุธรรม แสงประทุม และนายอดิศร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ในการเดินสายชี้แจงทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจให้ตกผลึกเสียก่อน เพราะหากไม่ทำความเข้าใจกับคนส่วนใหญ่ก่อน เวลาเสนอก็ถูกโจมตี เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ค้านเก่ง
“ถ้าพรรคใช้ผมให้ทำงานนี้ ผมจะเดินสายทั่วประเทศตามสถาบันการศึกษา อธิบาย 6 มาตราในร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ของตนให้ทุกคนเข้าใจ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะวิธีคิดคนละแบบ ทั้งนั้ทั้งนั้นตนมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ที่ได้รับความนิยมสูง หากใครไปอ้างว่าสามารถคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณได้จะดูโก้ แต่คนที่คุยจริงๆ คงไม่มีใครมาพูด เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็มีท่าทีชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ รองนายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ก็ไม่ยกเว้นโทษคนที่สั่งยิงคนเสื้อแดง ใครสั่งฆ่าคนต้องรับผิดชอบ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับมติพรรคว่าจะนำร่างของตนมาใช้หรือไม่ หากตกลงที่จะใช้ก็จะเปิดให้ดูทันทีว่า ของดีมีอยู่ แต่ไม่ใช้กันเอง เชื่อว่าจะมีผู้สนับสนุนแน่นอน
“ตอนที่ร่างเสร็จ ผมให้กฤษฎีกาดูแล้ว ต่างจากร่างที่เอาไปยื่นกัน อันนั้นกฤษฎีกาไม่เห็น ผมร่วมกับพรรคพวกฝ่ายกฎหมายคิดกันอยู่ 3 เดือน แล้วยกร่าง เมื่อยกร่างเสร็จก็ได้ให้นายอัชพร (จารุจินดา เลาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา) ดูส่วนตัว นายอัชพรยังบอกว่าเยี่ยม” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ส่วนที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มาจากระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงตั้งแต่ต้นนั้น ร.ต.อ.เฉลิมปฏิเสธที่จะตอบ โดยกล่าวว่าเป็นความเห็นของผู้ใหญ่ โดยต้องยอมรับว่า พล.อ.ชวลิตเป็นนายทหารประชาธิปไตย เติบโตทางการเมืองได้เพราะการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย
ส่วนกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมาสื่อมวลชนก็ปรับให้หลายตำแหน่ง ส่วนชื่อตนยังนยิ่งอยู่ แต่พวกที่นิ่งๆ พอถึงเวลาออกเลยทุกครั้ง
ร.ต.อ.เฉลิมยังปฏิเสธกรณีที่ นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อ้างว่า ร.ต.อ.เฉลิมแทรกแซงการทำงาของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในการดำเนินคดีรุกล้ำที่ดินเขาแพง ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยยืนยันว่าตนไม่เกี่ยวข้องกับคดีเขาแพง เพราะเรื่องนี้มีการร้องเรียนมาตั้งแต่ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตนยังไม่ได้มาดำรงตำแหน่ง เมื่อเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนและมีหลักฐาน ดีเอสไอก็ต้องทำหน้าที่ อีกทั้งในขั้นตอนการสอบสวนยังมีอัยการสูงสุดร่วมสอบสวนด้วยตั้งแต่ต้น อัยการในฐานะองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญคงไม่มีใครไปบังคับได้ หากอัยการฯ และดีเอสไอเห็นไม่ตรงกันก็คงส่งฟ้องไม่ได้ อีกทั้งเมื่อเห็นว่า มีความผิดก็จะมีการประชุมอีกครั้งเพื่อออกหมายเรียกในฐานะผู้ต้องหา ดังนั้นใครที่คิดว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ถือว่าคิดผิด
ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่า หลักฐานที่เป็นเอกสารนั้นแตกต่างกับพยานบุคคล เพราะเอกสารถือเป็นข้อเท็จจริงที่ชี้ชัด เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ใน 1-2 วันนี้ตนจะเชิญ นายบุญเชิด คิดเห็น อธิบดีกรมที่ดิน มาปรึกษาหารือ เพราะที่ผ่านมาได้รับคำร้องเรียนเรื่องการบุกรุกที่สาธารณะบนเกาะสมุยค่อนข้างมาก มีทั้งการสร้างอ่างเก็บน้ำเป็นประโยชน์ส่วนตนหลายแห่ง ผู้มีอิทธิพลบางคนใช้งบประมาณราชการทำถนนเข้าบ้านพัก ถึงเวลาที่ต้องทำความสะอาดเกาะสมุยเสียที หากใครบอกว่ากระทำผิดกันทั้งนั้น ก็จะจับทั้งหมด
“ยืนยันว่าผมไม่เคยคิดกลั่นแกล้ง และคนระดับนายสุเทพ ประเทศไทยไม่มีใครกล้ากลั่นแกล้งท่านแน่”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายนายแทนอ้างว่าได้รับที่ดินมาอย่างถูกต้อง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า หากได้มาอย่างชอบธรรม ก็ควรที่จะแจ้งจับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ และอัยการที่ร่วมสอบสวน ไม่ควรนำตนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวด้วยว่า ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ เวลา 14.30 น. ตนได้เรียกประชุมกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดยให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบทำสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 53 โดยอนุญาตให้สื่อมวลนเข้าไปนั่งฟังด้วย เพื่อให้เกิดความกระจ่างกรณีที่มีคนกล่าวว่ามีชายชุดดำ และการเผาบ้านเผาเมือง เรื่องนี้ได้สั่งนายธาริตแล้วว่าให้รายงานผลการสืบสวนสอบสวนมาที่ตน แล้วจัดแถลงข่าวว่าชายชุดดำเป็นใคร และใครเป็นคนเผาบ้านเผาเมือง
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวถึงเหตุการณ์ที่พบระเบิดที่สถานีขนส่งกรุงเทพ (หมอชิต) ว่า คาดว่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ และไม่รู้สึกตื่นเต้น เพราะการก่อเหตุที่หมอชิตคงหวังผลใดไม่ได้ โดยเฉพาะการวางระเบิดในที่เปิดเผยสามารถพบได้ง่าย ไม่สามารถหวังผลประทุษร้ายร่างกายใครได้ ก็ได้กำชับตำรวจให้เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น
“ที่ไปวางตรงนั้นก็เพื่อให้รู้และให้พบง่าย ไม่มีอะไร ทำเช่นนี้แล้วรัฐบาลจะเสียหาย เพราะทำให้เห็นว่ารัฐบาลบริหารจัดการไม่ได้ จะเกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้น ไม่เกี่ยวกับกรณีที่ศาลจะวินิจฉัยในวันที่ 13 ก.ค.นี้อย่างแน่นอน”
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลของผู้ที่ก่อเหตุ อยู่ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวน ส่วนตัวคิดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ ซึ่งเบื้องต้นทางการข่าวก็ยังไม่มีสัญญาณการก่อเหตุใดๆ
