รองนายกฯ ขอดูคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญก่อน ชี้ถ้าตัดสินไร้เหตุผลมีปัญหาแน่ โวยศาลเพิ่งตั้งมา 10 ปีแล้วพิพากษาฝืนความรู้สึกประชาชนไม่เชื่อแน่ ขู่ถ้ายุบพรรคชาติวุ่น แต่ยันไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาล ยันคดีเขาแพงไม่เกี่ยวการเมือง ไล่ “แทน” คิดว่าดีเอสไอแกล้งก็ฟ้องกลับ โยนพรรคตัดสินถอนปรองดอง แย้มจับมือ “อดิศร-สุธรรม” เดินสายจ้อ
วันนี้ (8 ก.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ และอาจส่งผลต่อสถานการณ์บ้านเมืองว่า จะต้องดูผลการวินิจฉัยก่อน ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกมาอย่างมีเหตุผลประชาชนก็จะสามารถยอมรับได้ แต่ถ้าไม่มีเหตุผลคาดว่าปัญหาจะตามมาแน่ เพราะก่อนหน้านี้อัยการและกฤษฎีกาก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 68 ดังนั้นความเห็นของกฤษฎีการัฐบาลจะต้องปฏิบัติตาม แต่ศาลรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้นมาเพียง 10 กว่าปีเท่านั้น ถ้าตัดสินฝืนความรู้สึกของประชาชน ประชาชนก็จะไม่เชื่อและไม่รับฟัง การที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญถอนตัวเพราะประชาชนรู้สึกคลางแคลงใจ
ร.ต.อ.เฉลิมยังเชื่อว่า ถ้าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าผิดมาตรา 68 และให้มีการยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค ก็จะไม่ได้ทำให้เกิดผลอะไรนอกจากความวุ่นวายในประเทศ เพราะอย่างไรแม้จะตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคไป รัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคก็ยังอยู่ และการที่จะเอาคนไปตั้งรัฐบาลใหม่ก็ทำไม่ได้ เพราะไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเสถียรภาพของรัฐบาลอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรียังปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ 13 ข้อให้ชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ โดยระบุว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ร่างรัฐธรรมนูญทีละมาตรา เชื่อว่าศาลจะไม่เกิดความเสียหาย
ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ออกหมายเรียก นายแทน เทือกสุบรรณ กรณีคดีที่ดินเขาแพงนั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า คดีดังกล่าวมีการร้องเรียนมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ไม่เกี่ยวกับการเมือง และดีเอสไอทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่าไปกลัว เพราะไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เพราะการที่ดีเอสไอเรียกผู้ต้องหานั้นถ้าไม่กระทำความผิดจริงจะเรียกตัวไม่ได้ แต่ถ้านายแทนคิดว่าเป็นการกลั่นแกล้งก็ให้ร้องดีเอสไอไปเลย ซึ่งตนให้นโยบายหน่วยงานโดยตลอดว่าอย่ากลัวและอย่าแกล้ง
รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า ในรายละเอียดของคดีตนไม่ทราบ เพราะคดีไม่ได้ทำในสมัยตน ส่วนที่มีการออกหมายเรียกใกล้วันแต่งงานของนายแทนนั้น ให้ไปถามนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอเอง
นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมพรรคเพื่อพิจารณาถอน พ.ร.บ.ปรองดองว่าแล้วแต่มติของพรรค แต่ส่วนตัวมองว่าบ้านเมืองต้องปรองดอง ซึ่งก่อนที่จะปรองดองต้องทำความเข้าใจกับประชาชนก่อน หากพรรคให้ตนเดินหน้าในเรื่องนี้ ตน พร้อมด้วยนายสุธรรม แสงประทุม นายอดิศร เพียงเกษ จะเดินสายทั่วประเทศตั้งเวทีปราศรัย 20 พื้นที่อธิบายเรื่องปรองดองอย่างเดียวโดยเฉพาะของตน 6 มาตรา ใช้เวลา 6 เดือนก็สามารถที่จะนำเสนอเข้าสภาได้