“ชวนนท์” เรียกร้อง “ปู-เหลิม” ปรามก๊กแดงคุกคาม ป่วนเวทีปราศรัย ปชป.ที่ปทุมฯ ยื่นคำขาดให้เป็นครั้งสุดท้าย บอกความอดทนมีขีดจำกัด ถ้าผู้รักษากฎหมายไม่ดำเนินการ ก็ต้องปกป้องตัวเอง พร้อมโต้ไม่เคยบิดเบือนเอกสารนาซาขอใช้อู่ตะเภา ยืนยันทุกชิ้นที่นำออกมาเปิดเผยเป็นของหน่วยราชการ เชื่อถ้าไทยมีภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมนาซาก็คงจะกลับมา
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานี พยายามบุกเข้าไปในเวทีปราศรัยงานเลี้ยงสังสรรค์ราตรีสีฟ้าของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ จ.ปทุมธานี ว่า ตนไม่อยากจะกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ทุกคนที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ เพราะในกลุ่มคนเสื้อแดงมีหลายประเภท แต่ประเภทที่ไร้คุณภาพใช้ความรุนแรงและมีพฤติกรรมถ่อยเถื่อนคุกคามผู้อื่นอยู่เสมอ ซึ่งเราจะเห็นตลอดว่าคนเหล่านี้พยายามแสดงให้เห็นว่า ตัวเองมีบทบาทและความสามารถที่จะขับไล่ฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์หรือคนอื่นที่เห็นแตกต่าง
“พวกผมโดนอย่างนี้มาหลายครั้งหลายหน ตั้งแต่เป็นรัฐบาลก็มีการคุกคามของคนเสื้อแดง มีการบุกทำลายการประชุมอาเซียนซัมมิทที่พัทยา ทุบรถของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมัยดำรงตำแหน่ นายกรัฐมนตรี ที่กระทรวงมาหาดไทย และลามมาถึงการชุมนุมที่บริเวณสี่แยกราประสงค์ เกิดการเผาบ้านเผาเมืองและศาลากลางจังหวัด”
นายชวนนท์ กล่าวว่า สิ่งที่น่าเสียใจและน่าผิดหวังที่สุดในขณะนี้ คือรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีเสียงในสภาที่มั่นคง มีเสถียรภาพเพียงพอที่จะบริหารราชการแผ่นดิน ให้ประเทศชาติก้าวหน้าไปได้ แต่รัฐบาลเลือกที่จะไม่ทำประเทศให้พ้นความขัดแย้ง ไปสู่หนทางแห่งการปรองดอง แต่ที่รัฐบาลทำคือ สร้างความขัดแย้งเพิ่มเติมและเอาชนะคนเห็นต่าง ด้วยการใช้กำลังคุกคาม ภาพนี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลอยู่ในสภาวะที่จวนตัว กำลังจะเพลี่ยงพล้ำ ทั้งในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน อาทิ สินค้าราคาแพง สินค้าเกษตรราคาถูก การช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งขณะนี้ประชาชนทั้งประเทศเริ่มตาสว่าง จึงเป็นที่มาของยุทธศาสตร์ หากพรรคประชาธิปัตย์ไปให้ความจริงกับประชาชนที่ไหน ก็จะใช้มุขเดิมขัดขวางทำลาย สร้างภาพ เพื่อขัดขวางกระบวนการให้ความจริงกับประชาชน และครั้งนี้คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่รัฐบาลจะมีพฤติกรรมสนับสนุนคนเหล่านี้ ออกมาใช้กำลังระรานฝ่ายตรงข้าม ซึ่งพวกตนเตรียมใจไว้แล้วว่าต้องเจอแบบนี้อีกหลายครั้ง แต่พวกเราก็จะสู้ จะไม่ยอมก้มหัวให้กับความป่าเถื่อนของคนเหล่านี้ เราจะไม่ยอมให้กฎหมู่เหล่านี้มาอยู่เหนือกฎหมาย
“ฝากไปถึงรัฐบาลถ้าสนับสนุนคนเหล่านี้โดยไม่ปกป้องประชาชนคนอื่นที่เห็นต่าง ถ้ารัฐบาลไม่รักษากฎหมาย ประชาชนก็ต้องปกป้องตัวเอง ถ้ารัฐบาลอยากจะให้สถานการณ์พัฒนาไปถึงขนาดนั้น ผมไม่ได้ขู่แต่คนที่ไม่ได้รับการปกป้องจากฎหมาย ผมเชื่อว่าเขาก็จะปกป้องตัวเอง ไม่มีใครยอมโดนรังแกหรือข่มขู่ไปตลอดชีวิต ผมอยากจะเรียกร้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นคนแรก ว่า มีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร และอย่าพูดอะไรที่ไม่เข้าท่าอีก แต่ขอให้ตอบอย่างจริงจังว่ามีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร และถ้าสั่งการเรื่องนี้จะแก้ไขปัญหาอย่างไร จะปล่อยให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่W
นายชวนนท์ กล่าวว่า คนที่ 2 ที่อยากเรียกร้องคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เมื่อวันก่อนเพิ่งไปขึ้นเวทีปราศรัย แต่พวกตนไม่เคยมีใครไปป่วน มีแต่ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นกิ๊กใครหรือไม่ นอกจากนี้อยากเรียกร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะงานระดมทุนของพรรคได้แจ้งวัตถุประสงค์และการดำเนินการไปยัง กกต.ชัดเจน จึงอยากทราบว่าถ้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ดำเนินกิจกรรมแล้วถูกคุกคาม จนไม่สามารถดำเนินกิจกรรมได้ กกต.มีความเห็นอย่างไร สามารถทำได้หรืออย่างไร หมายความว่าต่อไปนี้พวกตนไปไหนไม่ได้ แต่อีกพรรคการเมืองไปไหนได้ มีทั้งอำนาจรัฐ ตำรวจคอยอารักขา ขณะที่อีกฝ่ายถูกรุกไล่ถูกกลั่นแกล้งคุกคามอยู่ตลอดใช่หรือไม่ ซึ่งกกต.ต้องมีคำตอบและลงโทษในกรณีนี้
นายชวนนท์ กล่าวว่า คนที่สนับสนุนพวกตนเขาก็มีความอดทนอดกลั้น เช่นเดียวกัน พวกตนห้ามปรามตลอดว่า ไม่ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปไหน จะไปพื้นที่ภาคใต้หรือในกทม.ที่มีความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ ตนไม่เคยขอให้มวลชนมากดดันประท้วงแม้แต่ครั้งเดียว แต่ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ปล่อยให้พวกตนโดนกระทำข้างเดียว ความอดทนของคนเราทุกคนมีขีดจำกัด และถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ตนเชื่อว่าเหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์บ้าง ถ้าไปในพื้นที่ที่ไม่ชื่นชม อย่าทำ 2 มาตรฐาน หรือทำวัฒนธรรมแบบนี้ ไม่เช่นนั้นแล้วคนที่ทนไม่ได้เขาก็จะทำแบบเดียวกับน.ส.ยิ่งลักษณ์เช่นกัน
“ผมไม่อยากเห็นภาพเช่นนั้น ไม่อยากเห็นความขัดแย้ง ขอให้เหตุการณ์ที่ จ.ปทุมธานี เป็นครั้งสุดท้ายของการคุกคามข่มขู่การทำงานของพรรคการเมือง พวกผมพร้อมให้อภัยและพร้อมเดินหน้าสร้างความปรองดองกลับมาในประเทศ แต่ถ้ามีเหตุการณ์อย่างนี้อีกพวกเราก็ต้องปกป้องตัวเอง และแสดงออกถึงสิทธิในการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมไทยเช่นเดียวกัน”
นายชวนนท์ แถลงถึงกรณีที่องค์การ นาซา ของสหรัฐอเมริกา ยกเลิกขอใช้สนามบินอู่ตะเภา เป็นฐานสำรวจสภาพภูมิอากาศ ว่า เรื่องนี้ยังเป็นมหากาพย์ที่รัฐบาลพยายามจะโยนความผิดให้ฝ่ายค้านอย่างต่อเนื่อง และการที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาพูดทำให้ตนแปลกใจมากที่สุด โดยรัฐบาลระบุว่าฝ่ายค้านบิดเบือนข้อเท็จจริง ตนไม่ได้บิดเบือนเอกสารใด ๆ ของกระทรวงการต่างประเทศ เอกสารที่ตนออกมาเปิดเผยเป็นเอกสารโดยตรงของสหรัฐฯ ของสถานทูต นาซา และของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช.) แต่รัฐบาลเองที่ตอบคำถามไม่ได้จนถึงวันนี้ ถ้ามั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดทำไมไม่เดินหน้า ตนเห็นว่านายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ตอบคำเดียวว่าเดินหน้าไปกฎหมายก็เล่นงาน
“แปลกดีหรือไม่ว่ารัฐบาลชุดนี้ทำงานไม่ได้ก็โทษกฎหมาย พรรคบอกเดินหน้าต่อมาตรา 190 ก็กลับเล่นงาน และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ก็เล่นงาน เป็นคำพูดที่แปลก ที่ไหนทำงานไม่ได้แล้วไม่กล้าดำเนินการต่อ ก็กลับโทษฝ่ายค้าน ถ้ารัฐบาลหรือรัฐมนตรีมีตรรกแบบนี้ประเทศล่มจมแน่นอน” นายชวนนท์ กล่าว
“ผมคิดว่านายนพดลไม่ควรออกมาพูดอะไรที่ทำให้ชาติเสียหายอีก นายนพดลควรไปไถ่บาปไปสำนึกผิด ในเรื่องการลงนามไทย-กัมพูชา จนทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมาจนวันนี้ดีกว่า ไปสำนึกผิดตรงนั้นคนไทยอาจจะพอให้อภัย แต่กลับมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของประเทศอีกเรื่องหนึ่งและยังใช้โอกาสนี้แก้ตัว เช่น ที่นายนพดลเคยเกิดเหตุการณ์ในอดีต หรือที่รัฐบาลกำลังจะเกิดในครั้งนี้ เพราะมาตรา 190 เป็นปัญหา แต่กลับไปโทษกฎหมาย โทษรัฐธรรมนูญ และกฎระเบียบ รับกฎหมายในสังคมนี้ไม่ได้ก็ขอให้ไปอยู่ดูไบ ขณะเดียวไปรัฐบาลไม่ควรทำให้ประชาชนหลงทาง ผมคิดว่ารัฐบาลต้องสำนึกว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล และยังมาถามอีกว่ารัฐบาลเดินหน้าไม่ได้ ฝ่ายค้านจะรับผิดชอบอย่างไร ผมขอตอบว่าพวกผมรับผิดชอบได้อย่างเดียว คือพวกคุณออกไปและให้พวกผมเป็นรัฐบาล จะแก้ไขปัญหานี้ให้ ถ้าคิดว่าทำงานไม่ได้แล้วเรียกร้องให้ฝ่ายค้านรับผิดชอบมีอย่างเดียวที่ตนทำได้ก็คือ ประชาธิปัตย์ต้องเป็นฝ่ายบริหารแทน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ระบุว่ารัฐบาลยังไม่สิ้นหวังและจะพยายามสุดความสามารถที่จะนำโครงการนี้กลับมา แม้จะต้องซมซานไปขอร้องก็จะยอมทำ นายชวนนท์ กล่าวว่า ถ้าภูมิศาสตร์ของประเทศของไทยเหมาะสม กับการทำสำรวจและเรามีสนามบินที่เหมาะสมกับการสำรวจ ทางนาซาก็คงจะกลับมา และคงไม่คิดเล็กคิดน้อยอย่างรัฐบาลไทย เพราะนาซ่าเข้าใจว่าขนาดนี้รัฐบาลไทยไม่สามารถอนุมัติโครงการ ได้ทันตามกรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือเร่งแก้ไข ถ้าจะเปิดสภาตามมาตรา 179 พรรคก็ไม่มีปัญหา ก็เตรียมไว้ปีหน้าให้พร้อม แต่ตนสงสัยว่าทำไมหากมีความพร้อมในปีนี้ทั้งอุปกรณ์ก็ขนมาแล้ว ทำไมไม่เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์ เพราะเชื่อว่ายังเตรียมอุปกรณ์ทันในวันที่ 1 ส.ค.