“ประธาน กกต.” แย้มแยกพิจารณาสำนวนยุบประชาธิปัตย์คดีอีสต์วอเตอร์กับถุงยังชีพพิษณุโลก ชี้ถ้ารวมจะเสียเวลา ยันใบแดง “การุณ” พิจารณาตามกฎหมาย ไม่กลั่นแกล้งใคร รับจำต้องลงมติชี้ขาดตามอำนาจเหตุเสียงเสมอกัน จ่อใช้เป็นบรรทัดฐานฟันแต่ต้องดูเป็นกรณี ด้านนักวิชาการแดงโผล่ขนม็อบมาจวก
วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณากรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ขอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีรับบริจาคเงิน 1 ล้านบาทจากบริษัท อีสต์วอเตอร์ จำกัด (มหาชน)ว่า ทางด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ เสนอให้มีการรวมสำนวนกรณีนี้กับกรณีกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์นำถุงยังชีพของกระทรวงพลังงานที่มอบให้ผู้ราชการจังหวัดพิษณุโลกไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมมาพิจารณาเป็นเรื่องเดียวกัน โดยช่วงเช้าตนได้ดูสำนวนแล้วเห็นว่า หากนำทั้งสองสำนวนมารวมพิจารณาเป็นเรื่องเดียวกันจะเสียเวลา จึงอาจจะให้พิจารณาในส่วนของสำนวนเงินบริจาคจากบริษัทอีสต์วอเตอร์ไปก่อน โดยไม่ต้องรอเรื่องการบริจาคถุงยังชีพ แต่ยืนยันว่าจะพยายามเร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้เร็วที่สุด
นายอภิชาตยังกล่าวถึงกรณีที่ กกต.มีมติเสียงข้างมากเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ว่า กกต.พิจารณาบนหลักข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ไม่ได้มีเจตนาจงใจกลั่นแกล้งผู้ใด เพราะการพิจารณาในแต่ละสำนวน ไม่ได้เจาะจงว่าจะให้ใบแดงกับใครหรือพรรคการเมืองใด สำหรับในกรณีของนายการุณ เมื่อมติของ กกต.เสียงออกมาเท่ากันที่ 2 ต่อ 2 เสียง ประธานในที่ประชุมก็ต้องทำหน้าที่ออกเสียงชี้ขาด ซึ่งจริงๆแล้วตนก็ไม่อยากทำเพราะการลงมติต่างๆ อยากให้ กกต.ลงมติครบ 5 คน แต่เมื่อ กกต.1 คน ติดภารกิจ ตนก็ในฐานะประธานในที่ประชุมก็ทำหน้าที่เป็นผู้ออกเสียงลงมติชี้ขาด ซึ่งกระบวนการเป็นไปตามอำนาจของกฎหมายที่ได้กำหนดไว้ ส่วนคำวินิจฉัยการปราศรัยใส่ร้ายก็ยอมรับว่าจะเป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาครั้งต่อไปแต่ทั้งนี้ก็จำต้องดูแต่ละกรณีด้วยเพราะแต่ละสำนวนไม่เหมือนกัน ซึ่งในกรณีเช่นนี้ไม่ใช่ว่ากกต.จะไม่เคยให้ใบแดง
ขณะเดียวกัน นายวรพล พรหมิกบุตร นักวิชาการเพื่อประชาธิปไตยและสันติวิธี พร้อมด้วยประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดง จำนวนกว่า 10 คน เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อยื่นหนังสือตักเตือนและแนะนำการทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อความเป็นธรรมต่อประชาชรและนักการเมืองผู้แข่งขันลงสมัครรับการเลือกตั้ง เนื่องจากเห็นว่าการทำงานของ กกต.ชุดนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก โดยใช้อำนาจที่บกพร่อง หย่อนยาน เลือกกระทำที่สร้างคุณต่อนักการเมืองฝ่ายหนึ่ง และสร้างโทษต่อนักการเมืองอีกฝ่ายหนึ่ง อย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของนายอภิชาต ที่ทำหน้าที่ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบพรรคการเมือง และก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน ภายหลังจากการทำหน้าที่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้น ทางกลุ่มนักวิชาการเพื่อประชาธิปไตยและสันติวิธี จึงมายื่นหนังสือเพื่อย้ำเตือนให้ประธาน กกต.และ กกต.ทุกคนทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง ถูกต้อง เที่ยงธรรมตามหลักนิติธรรม
