ป้อมพระสุเมธุ
มติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ที่ให้ใบแดงกับ “เก่ง-การุณ โหสกุล”ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 12 ดอนเมือง(เฉพาะแขวงสีกัน แขวงดอนเมือง) ยังไม่ถือว่าสิ้นสุดเด็ดขาดกกต.ยังต้องส่งสำนวนคำร้องต่อไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อให้พิจารณาต่อไป
ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีหลายคดีที่กกต.มีความเห็นอย่างหนึ่งเช่นให้ใบแดงกับบุคคลไหนก็ไม่จำเป็นที่ศาลจะต้องเห็นตามเสมอไป
อย่างล่าสุดคดีที่โด่งดังในช่วงไม่นานมานี้ก็คือ คดีที่กกต.ให้ใบแดงกับบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมาและอดีตรมช.มหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งหากศาลฯตัดสินว่าบุญจงมีความผิดจริงก็จะทำให้ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ยุบพรรคภูมิใจไทยเพราะบุญจงเป็นรองหัวหน้าพรรคและบุญจงยังจะโดนตัดสิทธิการเมืองห้าปีด้วย
แต่สุดท้ายศาลฎีกาฯ ก็ยกฟ้องคดีบุญจง ทำให้บุญจงยังได้เป็นส.ส.จนถึงทุกวันนี้ ขณะที่ภูมิใจไทยก็ไม่โดนยุบพรรค
ดังนั้น ตอนนี้ ก็อย่าเพิ่งไปคาดเดาอะไรมาก เพราะจะเป็นการไปก้าวล่วงการตัดสินคดีของศาลฯแต่วิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นในแง่มุมต่างๆ ทางการเมืองได้ แต่สุดท้าย ก็เป็นเรื่องที่ศาลจะทำการไต่สวนหาข้อเท็จจริงเพื่อตัดสินต่อไป
อย่างไรก็ตาม การุณ ก็ยังพอมีหวังอยู่บ้าง เพราะอย่างการลงมติของกกต.ก็มีข่าวว่าเสียงไม่เป็นเอกฉันท์ ที่อาจแสดงให้เห็นว่า คำร้องนี้อาจมีช่องโหว่บางอย่างที่แสดงให้เห็นว่า กกต.เองก็เห็นว่า ยังไม่ถึงกับผิดร้อยเปอร์เซนต์
จึงทำให้กกต.อย่างน้อยสองคนคือ นางสดศรี สัตยธรรมและวิสุทธิ์ โพธิแท่น เห็นควรให้ยกคำร้อง
แต่สุดท้ายในขั้นตอนการลงมติ เสียงข้างมากโดยเฉพาะอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ก็มีมติสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งการุณ และสั่งเลือกตั้งใหม่ พร้อมให้เรียกค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่ด้วยหากคดีถึงที่สุด
คำร้องดังกล่าวเกิดจากกรณีที่ เก่ง-การุณปราศรัยใส่ร้ายด้วยความเท็จต่อนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันหลายครั้ง จึงมีการร้องไปยังกกต.
เช่นในการปราศรัย 3 มิ.ย. 54 ที่ตลาดนัดบุญอนันต์ และครั้งที่ 2 วันที่ 12 มิ.ย. 54 ที่ตลาดนัดโกสุมรวมใจ ซึ่งในครั้งหลังนี้ได้มีการกล่าวร้ายพรรคประชาธิปัตย์ตามข่าว ว่า “พรรคการเมืองเก่าแก่ นักการเมืองรุ่นใหม่ ถือแปรงมาทาสี ปราศรัยทุกครั้ง ชุมนุมทุกครั้งเอาเงินมาแจก” เป็นต้น
ระหว่างนี้ เก่ง-การุณ กับฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยก็คงต้องเตรียมการสู้คดีกันต่อไป โดยหากศาลฯ มีคำสั่งรับคำฟ้องการุณจะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
หลังกกต.มีมติดังกล่าว เก่ง-การุณให้สัมภาษณ์กับสื่อบอกว่า ยอมรับกับสิ่งที่ กกต.มีคำตัดสินออกมา และก็จะต้องเตรียมสู้คดีต่อไป มั่นใจในการกระทำของตัวเอง ที่บอกว่าไปกล่าวให้ร้ายคงไม่มี
ที่น่าสนใจ การุณบอกว่าหากสุดท้ายผลคดีออกมาในทางที่ไม่เป็นคุณกับตัวเอง แล้วต้องมีการจัดการเลือกตั้งซ่อม ก็มีตัวแทนที่จะลงแทนอยู่แล้วหลายคน โดยระบุถึงคนในครอบครัวอย่าง พี่สาวกับภรรยาที่เป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) หรือแม้แต่ในพรรคเองก็มีคนอยู่ คงต้องมาหารือกันว่าจะส่งใครลงสมัคร
เล่นตีกันโควต้าเอาไว้แล้วว่า เป็นของครอบครัว “โหสกุล”แบบนี้ มองข้ามช็อตไปถึงวันตัดสินคดี เชื่อว่า การุณ คงจะบอกให้พรรคส่งคนในเครือญาติตัวเองลงสมัครแน่นอน ยากที่จะให้คนอื่นมาลงแทนได้
ส่วนท่าทีของพรรคเพื่อไทยนั้น แกนนำพรรคอย่างยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกว่าให้คดีสิ้นสุดก่อน แต่ก็มองไปถึงการเมืองในวันข้างหน้าแล้วว่าหากเก่งไม่รอดจะทำอย่างไร ซึ่งดูแล้วก็เหลือเวลาเตรียมตัวอีกหลายเดือน หากการุณ ใช้เวลาช่วงนี้ลงพื้นที่ต่อเนื่อง และรีบพาเครือญาติที่จะส่งลงเลือกตั้งลงพื้นที่ประกบตามไปด้วยทุกครั้งก็ถือว่าเป็นงานหนักของประชาธิปัตย์และแทนคุณ จิตต์อิสระ คู่ปรับการุณไม่น้อยในการเบียดแย่งชิงเก้าอี้จากการุณ
โดยแทนคุณ ให้สัมภาษณ์ไว้หลังกกต.มีมติดังกล่าวว่า ที่ผ่านมาก็ลงพื้นที่ตลอด หากผลออกมาให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก็จะสู้เต็มที่
ที่น่าสนใจ อี้-แทนคุณ ก็ได้ให้สัมภาษณ์รื้อฟื้นความคืบหน้าคดีการยิงนายชุติเดช สุวรรณเกิด หัวคะแนน ซึ่งถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเมื่อปลายปี 2554 ซึ่งจนถึงขณะนี้คดีก็ไม่มีอะไรคืบหน้า โดยบอกว่า ในการหาเสียงที่ผ่านมา นายชุติเดชจะเป็นผู้ดูแลเรื่องความปลอดภัยมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ไม่มีนายชุติเดชแล้วก็ต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะความตายมันเสียงดัง
การเสียชีวิตของนายชุติเดช และการแข่งขันกันที่เข้มข้นของแทนคุณกับการุณในช่วงที่ผ่านมา ทำให้คาดการณ์กันว่า หากสุดท้ายต้องมีการจัดการเลือกตั้งซ่อมกันเกิดขึ้น ก็จะเป็นสนามเลือกตั้งซ่อมที่ดุเดือดไม่น้อย
อีกทั้งยังเป็นสนามเลือกตั้งที่จะวัดกันระหว่างสองพรรคใหญ่ที่ขับเคี่ยวกันมาตลอดในพื้นที่กรุงเทพมหานครคือพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์
เพราะต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ กกต.ก็มีการให้ใบเหลืองพ.ต.อ.นพ. สามารถ ม่วงศิริ ส.ส.กทม. เขต 28 (บางบอน-หนองแขม) พรรคประชาธิปัตย์ไปเช่นกัน และคดีก็เตรียมส่งไปยังศาลฎีกาฯเพื่อให้ศาลตัดสินว่าจะเห็นด้วยกับกกต.หรือจะยกคำร้อง
ซึ่งในส่วนของคดีสามารถ ม่วงศิริ กกต.ระบุว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้เงินหรือประโยชน์อื่นใดให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และรู้เห็นเป็นใจให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้ตำแหน่งโดยมิชอบ
กกต.จึงมีมติสั่งให้เลือกตั้งใหม่ซึ่งก็คือพื้นที่บางบอน ที่ เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องการล้างอาย ที่ วัน อยู่บำรุง ลูกชายแพ้เลือกตั้งรอบที่แล้ว ทั้งที่คุยหนักคุยหนาว่า เป็นขุนศึกฝั่งธนบุรี แต่ลูกชายตัวเองยังสอบตก
เฉลิม จึงหมายมั่นปั้นมืออย่างมากที่จะล้างอายให้ได้ หากศาลฯ ให้จัดการเลือกตั้งใหม่ เพราะล่าสุดพรรคเพื่อไทยก็เพิ่งมีการแบ่งโซนพื้นที่ทั่วประเทศออกเป็น 19 โซน โดยที่เหลิมได้รับมอบหมายให้ดูแลฝั่งธนบุรีทั้งหมด หากสุดท้ายต้องมีการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้น หากลูกชายแพ้เลือกตั้งซ่อมอีก ทั้งที่พ่อเป็นรองนายกรัฐมนตรี และพยายามจะขอขึ้นมาเป็นแกนนำพรรคดูแลพื้นที่ฝั่งธนบุรีทั้งหมด
ถ้าแพ้มีหวังได้มุดแผ่นดินแน่นอน เหลิม จึงเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วในช่วงนี้ เพราะเดิมพันสูงเช่นกัน
ดังนั้น เชื่อว่าหลังจากนี้ ทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ จะเริ่มแผนการทำพื้นที่ในกรุงเทพมหานครมากขึ้น เพื่อเตรียมรองรับการเลือกตั้งซ่อมที่อาจเกิดขึ้นได้ อีกทั้งก็ไม่แน่ที่กกต.ก็อาจจะมีการให้ใบเหลือง-ใบแดงกับส.ส.กรุงเทพมหานครตามมาอีกหลายคน จึงต้องมีการเตรียมรับมือเพื่อให้มีผลไปถึงช่วงปลายปีที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครด้วย
ผนวกกับก่อนหน้านี้ทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ ก็มีการวางแผนทำการเมืองนอกสภาฯ กันในช่วงปิดสภาฯพอดี โดยเฉพาะการตั้งเวทีปราศรัยการเมืองตามจุดใหญ่ๆในกทม. ซึ่งปชป.ทำไปแล้วหลายจุดเช่น ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร-วงเวียนใหญ่ -สำนักงานเขตมีนบุรี ส่วนเพื่อไทยแม้จะมาทีหลังแต่ก็ทำไปแล้วที่สำนักงานเขตมีนบุรีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
และในช่วงสัปดาห์หน้าเพื่อไทยก็มีโปรแกรมจัดเวทีปราศรัยใหญ่สองรอบใกล้ๆ กันคือ 28 มิถุนายน นี้ ที่ วงเวียนใหญ่ และวันที่ 30 มิถุนายนที่ลานคนเมือง เสาชิงช้า โดยอ้างว่าจะเป็นการเปิดวเทีเปิดโปงพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ ในการแต่งเรื่องบิดเบือนทางการเมือง โดยเฉพาะที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ อ้างว่าทักษิณ ชินวัตร ให้คนไปติดต่อประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล
แม้ยังคาดเดาไม่ได้ว่า คดีของการุณ โหสกุลและสามารถ ม่วงศิริ จะออกมาอย่างไร แต่ทั้งสองคดีก็จะมีส่วนสำคัญที่ทำให้การเมืองในสนามกทม.ของปชป.กับพท.ยิ่งดุเดือด มากขึ้นจากที่เดิมก็ร้อนแรงอยู่แล้ว