“มาร์ค” คาด คอป.เรียกคุยข้อเท็จจริงเพิ่มก่อนชงรัฐบาล ยันพร้อมแจง แต่เชื่อ รบ.คงไม่ฟัง หนุน “ค้อนปลอม” จัดสานเสวนาปรองดอง แต่อย่าทำปกปิด ต้องให้สังคมร่วม ดักคอเพื่อไทยเดินสายล่าชื่อหนุนกฎหมาย ยันไม่ใช่คำตอบคลี่คลายสถานการณ์
วันนี้ (20 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดอง (คอป.) เชิญไปให้ข้อมูลว่า น่าจะเป็นการสอบถามข้อเสนอต่างๆ ที่มีต่อรัฐบาลและความเห็น รวมทั้งข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เนื่องจากอยู่ในช่วงที่จะทำรายงานฉบับสุดท้ายเสนอต่อรัฐบาล เพราะจะครบวาระในเดือน กรกฎาคมนี้ โดยตนจะให้ความร่วมมือเต็มที่ว่า หาก คอป.ต้องการทราบเรื่องอะไรก็พร้อมชี้แจง ทั้งนี้ ตนคิดว่า คอป.คงยึดหลักสากลในเรื่องขั้นตอนที่จะนำไปสู่ความปรองดอง ซึ่งโดยปกติต้องมีความชัดเจนเรื่องข้อเท็จจริงก่อน จึงจะนำไปสู่การแลกแปลี่ยนความเห็นตามหลักความรับผิดชอบ ปลายทางจึงค่อยเป็นเรื่องการเยียวยา และพิจารณาว่าจะให้อภัยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่ารัฐบาลคงไม่ฟังใครเพราะการพยายามผลักดันกฎหมาย 4 ฉบับ โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่ คอป.เคยเสนอก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ามีธง ปัญหาคือแทนที่รัฐบาลจะใช้ช่วงนี้เพื่อหาทางออก แต่กลับเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ตัวเองมากกว่าในทำนองว่ามีประชาชนสนับสนุน
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าจะจัดทำสานเสวนาประชาชน ถือเป็นเรื่องดีหากสภาจะเข้ามาดำเนินการ แต่ต้องดูว่าแนวทางจะเป็นอย่างไร ซึ่งไม่ควรทำแบบใช้สัมพันธ์ส่วนตัวหรือปกปิด เพราะคำว่าสานเสวนาไม่ได้หมายถึงการนำคนไม่กี่คนมาคุยกัน แต่จำเป็นต้องให้สังคมมีส่วนร่วม ซึ่งกรรมาธิการปรองดองเดิมก็ต้องการให้สภาและสถาบันพระปกเกล้าเป็นเจ้าภาพ แต่เมื่อไปถึงรัฐบาลก็ตัดสินใจว่าฝ่ายบริหารจะทำเอง
“ผมคิดว่าไม่สามารถทำแบบปกปิดได้เพราะวัตถุประสงค์ของการเสวนา คือ การสร้างความเข้าใจร่วมกันของคนในสังคม รวมถึงการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ถ้าใช้วิธีการคุยแบบไม่เปิดเผยอาจทำได้ในบางขั้นตอน แต่สุดท้ายก็ต้องเปิดเผยให้ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งพรรคกำลังติดตามกรณีที่มีการนำเอกสารไปให้ประชาชนเซ็นชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำมาสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองหรือไม่ เพราะคิดว่ารัฐบาลมีแผนที่จะสร้างความชอบธรรมผ่านหลายกระบวนการ การประทำเช่นนี้ไม่ใช่การสานเสวนา” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า สถาบันพระปกเกล้าได้จัดทำคู่มือระบุชัดว่าการออกแบบสอบถามไม่ใช่การลงมติเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย แต่ต้องแลกเปลี่ยนด้วยเหตุผลมีกระบวนการคัดคนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ามีครบทุกภาคส่วน ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำเพราะต้องการสร้างความชอบธรรมในร่างกฎหมาย แต่ในความจริงแล้วไม่มีความหมายอะไร และการที่พรรคเพื่อไทยแบ่ง ส.ส.ออกเป็น 19 สาย โดยอ้างว่าจะชี้แจงประชาชนในเรื่องนี้นั้น ตนก็คาดว่าน่าจะมีการพยายามที่จะไปนำรายชื่อประชาชนมาสนับสนุนกฎหมายนี้ ซึ่งสังคมต้องรู้เท่าทันว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่กระบวนการที่จะสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลเดินหน้ากฎหมาย 4 ฉบับ และเห็นว่าการดำเนินการเช่นนี้ไม่ใช่คำตอบที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ มีแต่จะตอกย้ำจุดยืนที่แตกต่างกันมากขึ้น ในส่วนของ คอป.ก็ต้องทำงานให้เสร็จตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ส่วนจะสูญเปล่าเพราะรัฐบาลไม่นำไปใช้หรือไม่ สังคมก็ต้องจับตาดู