นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความ ปรองดอง (คอป.) เชิญไปให้ข้อมูลว่า น่าจะเป็นการสอบถามข้อเสนอต่างๆที่มีต่อรัฐบาล และความเห็น รวมทั้งข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เนื่องจากอยู่ในช่วงที่จะทำรายงานฉบับสุดท้ายเสนอต่อรัฐบาล เพราะจะครบวาระในเดือนก.ค.นี้ โดยตนพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ หากคอป. ต้องการทราบเรื่องอะไร ก็พร้อมชี้แจง
ทั้งนี้ตนคิดว่า คอป.คงยึดหลักสากล ในเรื่องขั้นตอนที่จะนำไปสู่ความปรองดอง ซึ่งโดยปกติต้องมีความชัดเจน เรื่องข้อเท็จจริงก่อน จึงจะนำไปสู่การแลกแปลี่ยนความเห็นตามหลักความรับผิดชอบ ปลายทางจึงค่อยเป็นเรื่องการเยียวยา และพิจารณาว่าจะให้อภัยหรือไม่
อย่างไรก็ตามตนคิดว่ารัฐบาลคงไม่ฟังใคร เพราะการพยายามผลักดันกฎหมายปรองดอง 4 ฉบับ โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่ คอป. เคยเสนอ ก็ชัดเจนว่ามีธงอยู่แล้ว ปัญหาคือ แทนที่รัฐบาลจะใช้ช่วงนี้เพื่อหาทางออก แต่กลับเคลื่อนไหว เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองมากกว่า โดยอ้างว่ามีประชาชนสนับสนุน
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าจะจัดทำสานเสวนาประชาชน ก็ถือเป็นเรื่องดี หากสภาจะเข้ามาดำเนินการ แต่ต้องดูว่าแนวทางจะเป็นอย่างไร ซึ่งไม่ควรทำแบบใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือปกปิด เพราะคำว่า ‘สานเสวนา’ ไม่ได้หมายถึงการเอาคนไม่กี่คนมาคุยกัน แต่จำเป็นต้องให้สังคมมีส่วนร่วม ซึ่งกรรมาธิการปรองดองเดิม ก็ต้องการให้สภา และสถาบันพระปกเกล้า เป็นเจ้าภาพ แต่เมื่อไปถึงรัฐบาล ก็ตัดสินใจว่าฝ่ายบริหารจะทำเอง
" ผมคิดว่าไม่สามารถทำแบบปกปิดได้ เพราะวัตถุประสงค์ของการเสวนา คือ การสร้างความเข้าใจร่วมกันของคนในสังคม รวมถึงการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ถ้าใช้วิธีการคุยแบบไม่เปิดเผย อาจทำได้ในบางขั้นตอน แต่สุดท้ายก็ต้องเปิดเผยให้ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งพรรคกำลังติดตามกรณีที่มีการนำเอกสารไปให้ประชาชนเซ็นต์ชื่อ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำมาสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง หรือไม่ เพราะคิดว่ารัฐบาลมีแผนที่จะสร้างความชอบธรรม ผ่านหลายกระบวนการ การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่การสานเสวนา"
**ดักคอพท.มั่วรายชื่อหนุนกม.ล้างผิด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า สถาบันพระปกเกล้าได้จัดทำคู่มือ ระบุชัดว่า การออกแบบสอบถาม ไม่ใช่การลงมติ เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย แต่ต้องแลกเปลี่ยนด้วยเหตุผล มีกระบวนการคัดคนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ามีครบทุกภาคส่วน ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำ เพราะต้องการสร้างความชอบธรรมในร่างกฎหมาย แต่ในความจริงแล้ว ไม่มีความหมายอะไร และ การที่พรรคเพื่อไทย แบ่ง ส.ส.ออกเป็น 19 สาย โดยอ้างว่าจะชี้แจงประชาชนในเรื่องนี้นั้น ตนก็คาดว่า น่าจะมีการพยายามที่จะไปนำรายชื่อประชาชน มาสนับสนุนกฎหมายนี้ ซึ่งสังคมต้องรู้เท่าทันว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่กระบวนการที่จะสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลเดินหน้า กฎหมาย 4 ฉบับ และเห็นว่า การดำเนินการเช่นนี้ ไม่ใช่คำตอบที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ มีแต่จะตอกย้ำจุดยืนที่แตกต่างกันมากขึ้น ในส่วนของ คอป. ก็ต้องทำงานให้เสร็จตามภาระกิจที่ได้รับมอบหมาย ส่วนจะสูญเปล่าเพราะรัฐบาลไม่นำไปใช้หรือไม่ สังคมก็ต้องจับตาดู
** ทหารพร้อมชี้แจงกรณี 6 ศพ
ด้านพล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึง การทำความเข้าใจกับประชาชน ในเรื่องการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญ และ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองนั้น คงเป็นหน้าที่ของส่วนที่เกี่ยวข้องต้องไปทำความเข้าใจกับประชาชน แต่ในส่วนทหารเอง ก็มีการทำความเข้าใจกับกำลังพลของเรา และอยู่ในกรอบของทหาร ว่าอะไรเป็นอะไร
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่า พยานปากแรกได้ให้การต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในชั้นไต่สวนว่า การเสียชีวิต 6 ศพ ที่วัดปทุมวนารามนั้น ทหารเป็นผู้ลงมือ พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า ทหารเรายืนยันตามที่ปฏิบัติ คงต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนใดที่เราไม่เกี่ยวข้อง ก็ต้องยืนยันตามนั้น ถ้าสงสัยและแจ้งมาผ่านทางกองทัพบกว่าจะขอข้อมูลจากท่านใดที่เกี่ยวข้องกับกองทัพภาคที่ 1 เราก็จะอนุมัติตามที่กองทัพบกสั่งการ คงไม่หนักใจเพราะการปฏิบัติทางทหาร เรามีกรอบ มีความชัดเจน และมั่นใจว่าสิ่งต่างๆ เป็นไปด้วยความถูกต้องและมีความรอบคอบ
**ปัดบีบศาลถอนประกัน"ตู่-เต้น-เจ๋ง"
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การที่โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นถอนประกันตัว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ถือเป็นการกดดันศาลว่า เป็นการพูดจาที่ขาดสำนึก ไม่ส่องกระจกชะโงกดูเงาตัวเอง เพราะที่ผ่านมา แกนนำคนเสื้อแดงขู่จับตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และยังตั้งโต๊ะล่าชื่อถอดถอนตุลาการฯ ถือเป็นการกดดันหรือไม่ ซึ่งต่างจากการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางตามกฎหมาย
ทั้งนี้ตนคิดว่า คอป.คงยึดหลักสากล ในเรื่องขั้นตอนที่จะนำไปสู่ความปรองดอง ซึ่งโดยปกติต้องมีความชัดเจน เรื่องข้อเท็จจริงก่อน จึงจะนำไปสู่การแลกแปลี่ยนความเห็นตามหลักความรับผิดชอบ ปลายทางจึงค่อยเป็นเรื่องการเยียวยา และพิจารณาว่าจะให้อภัยหรือไม่
อย่างไรก็ตามตนคิดว่ารัฐบาลคงไม่ฟังใคร เพราะการพยายามผลักดันกฎหมายปรองดอง 4 ฉบับ โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่ คอป. เคยเสนอ ก็ชัดเจนว่ามีธงอยู่แล้ว ปัญหาคือ แทนที่รัฐบาลจะใช้ช่วงนี้เพื่อหาทางออก แต่กลับเคลื่อนไหว เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองมากกว่า โดยอ้างว่ามีประชาชนสนับสนุน
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าจะจัดทำสานเสวนาประชาชน ก็ถือเป็นเรื่องดี หากสภาจะเข้ามาดำเนินการ แต่ต้องดูว่าแนวทางจะเป็นอย่างไร ซึ่งไม่ควรทำแบบใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือปกปิด เพราะคำว่า ‘สานเสวนา’ ไม่ได้หมายถึงการเอาคนไม่กี่คนมาคุยกัน แต่จำเป็นต้องให้สังคมมีส่วนร่วม ซึ่งกรรมาธิการปรองดองเดิม ก็ต้องการให้สภา และสถาบันพระปกเกล้า เป็นเจ้าภาพ แต่เมื่อไปถึงรัฐบาล ก็ตัดสินใจว่าฝ่ายบริหารจะทำเอง
" ผมคิดว่าไม่สามารถทำแบบปกปิดได้ เพราะวัตถุประสงค์ของการเสวนา คือ การสร้างความเข้าใจร่วมกันของคนในสังคม รวมถึงการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ถ้าใช้วิธีการคุยแบบไม่เปิดเผย อาจทำได้ในบางขั้นตอน แต่สุดท้ายก็ต้องเปิดเผยให้ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งพรรคกำลังติดตามกรณีที่มีการนำเอกสารไปให้ประชาชนเซ็นต์ชื่อ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำมาสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง หรือไม่ เพราะคิดว่ารัฐบาลมีแผนที่จะสร้างความชอบธรรม ผ่านหลายกระบวนการ การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่การสานเสวนา"
**ดักคอพท.มั่วรายชื่อหนุนกม.ล้างผิด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า สถาบันพระปกเกล้าได้จัดทำคู่มือ ระบุชัดว่า การออกแบบสอบถาม ไม่ใช่การลงมติ เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย แต่ต้องแลกเปลี่ยนด้วยเหตุผล มีกระบวนการคัดคนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ามีครบทุกภาคส่วน ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำ เพราะต้องการสร้างความชอบธรรมในร่างกฎหมาย แต่ในความจริงแล้ว ไม่มีความหมายอะไร และ การที่พรรคเพื่อไทย แบ่ง ส.ส.ออกเป็น 19 สาย โดยอ้างว่าจะชี้แจงประชาชนในเรื่องนี้นั้น ตนก็คาดว่า น่าจะมีการพยายามที่จะไปนำรายชื่อประชาชน มาสนับสนุนกฎหมายนี้ ซึ่งสังคมต้องรู้เท่าทันว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่กระบวนการที่จะสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลเดินหน้า กฎหมาย 4 ฉบับ และเห็นว่า การดำเนินการเช่นนี้ ไม่ใช่คำตอบที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ มีแต่จะตอกย้ำจุดยืนที่แตกต่างกันมากขึ้น ในส่วนของ คอป. ก็ต้องทำงานให้เสร็จตามภาระกิจที่ได้รับมอบหมาย ส่วนจะสูญเปล่าเพราะรัฐบาลไม่นำไปใช้หรือไม่ สังคมก็ต้องจับตาดู
** ทหารพร้อมชี้แจงกรณี 6 ศพ
ด้านพล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึง การทำความเข้าใจกับประชาชน ในเรื่องการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญ และ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองนั้น คงเป็นหน้าที่ของส่วนที่เกี่ยวข้องต้องไปทำความเข้าใจกับประชาชน แต่ในส่วนทหารเอง ก็มีการทำความเข้าใจกับกำลังพลของเรา และอยู่ในกรอบของทหาร ว่าอะไรเป็นอะไร
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่า พยานปากแรกได้ให้การต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในชั้นไต่สวนว่า การเสียชีวิต 6 ศพ ที่วัดปทุมวนารามนั้น ทหารเป็นผู้ลงมือ พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า ทหารเรายืนยันตามที่ปฏิบัติ คงต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนใดที่เราไม่เกี่ยวข้อง ก็ต้องยืนยันตามนั้น ถ้าสงสัยและแจ้งมาผ่านทางกองทัพบกว่าจะขอข้อมูลจากท่านใดที่เกี่ยวข้องกับกองทัพภาคที่ 1 เราก็จะอนุมัติตามที่กองทัพบกสั่งการ คงไม่หนักใจเพราะการปฏิบัติทางทหาร เรามีกรอบ มีความชัดเจน และมั่นใจว่าสิ่งต่างๆ เป็นไปด้วยความถูกต้องและมีความรอบคอบ
**ปัดบีบศาลถอนประกัน"ตู่-เต้น-เจ๋ง"
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การที่โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นถอนประกันตัว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ถือเป็นการกดดันศาลว่า เป็นการพูดจาที่ขาดสำนึก ไม่ส่องกระจกชะโงกดูเงาตัวเอง เพราะที่ผ่านมา แกนนำคนเสื้อแดงขู่จับตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และยังตั้งโต๊ะล่าชื่อถอดถอนตุลาการฯ ถือเป็นการกดดันหรือไม่ ซึ่งต่างจากการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางตามกฎหมาย