“ยะใส” ชี้การันตีชัยชนะ “ทักษิณ” ได้เลย หากการเข้ามาตั้งฐานทัพ เกิดจากการรวมหัวแบ่งผลประโยชน์กันกับอเมริกาจริง เชื่อ “แม้ว” จะมีแต่ได้ ทั้งเรื่องพลังงาน-การสืบทอดอำนาจ เพราะสหรัฐฯ จะช่วยเล่นเกมโลกล้อมประเทศ “พิชาย” ยันเรื่องนี้มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ต้องเอาเข้าสภาตามมาตรา 190 วรรค 2 ถามถ้าโปร่งใสจริงจะกลัวอะไร
วันที่ 19 มิ.ย. เมื่อเวลา 20.30 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ร่วมในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
นายสุริยะใสกล่าวว่า เรื่องอเมริกาจะเข้ามาตั้งฐานทัพ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่คงไม่ใช่แค่ต้องการวีซ่าเข้าอเมริกาเท่านั้น ไม่ได้ต้องการแค่นี้แน่ คงเล่นเกมยาวกว่านั้น แต่อย่างน้อยผลเฉพาะหน้าที่จะเกิดขึ้น ปิดสมัยประชุมสภาอาจเห็น พ.ต.ท.ทักษิณ กับนางนลินี ทวีสิน ที่ติดแบล็กลิสต์สหรัฐ จะได้เข้าอเมริกาอย่างเท่ๆ ซึ่งมันจะเกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ก็แค่เงื่อนไขหนึ่งเท่านั้น เป้าหมายใหญ่ก็คือยุทธศาสตร์ เรื่องความมั่นคง เรื่องพลังงาน
ย้อนไปสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เรืองอำนาจ มีคนเคยพูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเซลส์แมนของระบอบทุนนิยมสามานย์ผูกขาด พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เคยพูดเองว่าเชื่อในระบอบทุนนิยม มันจะเป็นเกมวินวิน ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณกับสหรัฐฯ เพราะต่อเข้าไทยไม่ได้ แต่สามารถเล่นเกมโลกล้อมประเทศได้ ไทยก็จะถูกดึงเข้าไปในเกมนี้ ถ้าเรื่องนี้เป็นการแลกเปลี่ยนระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับทำเนียบขาวจริง พ.ต.ท.ทักษิณมีแต่ได้ การันตีซึ่งชัยชนะได้เลย เพราะอเมริกาเป็นแบ็กอยู่
นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า หรือแม้ที่พวกเราพูดมาเป็นเรื่องที่คิดมากกันไปเอง ก็ควรเอาเข้าสภา ตามมาตรา 190 เพราะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลเองด้วย จะถูกโจมตีน้อยลง แต่ทำไมกลับต้องลุกลี้ลุกลนทำ
รศ.ดร.พิชายกล่าวว่า การที่อเมริกาจะเข้ามาตั้งฐานทัพ โดยอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน เป็นแค่เรื่องบังหน้า ซึ่งหากได้มาจริงเกิดผลกระทบกับไทยแน่ เพราะประเทศรอบข้างก็จะมองไทยแบบหวาดระแวง อย่างเช่นสัมพันธ์ไทย-จีนที่มีมาช้านาน ส่วนประเทศอื่นอย่างเขมร เวียดนาม พม่า ก็คงไม่ค่อยสบายใจนัก
มีการประเมินกันว่า 10 ปีที่ผ่านมา อเมริกาพยายามควบคุมตะวันออกกลาง แล้วกำลังจ้องจะโจมตีซีเรีย จึงมีความเป็นไปได้ที่จะใช้อู่ตะเภาเป็นฐานในการส่งกองกำลังไปโจมตีซีเรีย หรืออิหร่าน แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ไทยก็จะตกเป็นเป้าหมายการโจมตีจากผู้ก่อการร้ายทันที
ส่วนข้ออ้างที่บอกว่าจะใช้ไทยเป็นฐานยิงเพื่อสำรวจชั้นบรรยากาศ ถ้าจะสำรวจจริงใช้ฟิลิปปินส์ก็ได้ เพราะไม่ไกลกัน พอมาที่ไทยจึงมีข้อสงสัยจำนวนมากว่าสิ่งที่จะเอาขึ้นจากอู่ตะเภาคืออะไร อาจจะเป็นดาวเทียมสอดแนม เพื่อสอดแนมประเทศใกล้แถวนี้หรือเปล่า
รศ.ดร.พิชายกล่าวว่า มีข่าวว่ากฤษฎีกาพยายามตีความว่าเรื่องนี้ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ โดยอ้าง มาตรา 190 วรรค 1 แต่เพราะวรรค 1 มันไม่ได้เขียนอะไรมาก แต่ดูจริงๆ แล้วผิดมาตรา 190 วรรค 2 ชัดเจน ที่ระบุว่าเรื่องไหนมีผลกระทบความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ต้องเอาเข้าสภา แล้วอันนี้มีผลกระทบเศรษฐกิจและสังคมชัดเจน ต้องให้สภาเป็นผู้พิจารณา เพราะกฤษฎีกาตีความเข้าข้างรัฐบาลตลอด ทีนี้มาตรา 190 เป็นประเด็นที่รัฐบาลหวั่นเกรงอยู่ แล้วยิ่งสะท้อนชัดว่ามีอะไรซ่อนเร้น เพราะถ้าเป็นแค่เรื่องมนุษยชน สำรวจบรรยากาศ เอาเข้าสภาไม่เห็นเป็นอะไร แต่พอไม่กล้ายิ่งน่าสงสัย
แล้วถ้าดันทุรังเอาเข้า ครม. น.ส.ยิ่งลักษณ์จะโดนด้วย ลอยตัวไม่ได้อีกแล้ว ด้วยเหตุนี้ก็ได้ จึงทำให้เรื่องนี้ชะงักไปไม่ได้เอาเข้า ครม.วันนี้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณอาจอยากรักษาน้องสาวตัวเองไว้ก่อน จึงออกมาให้ตั้งกรรมการก่อน
รศ.ดร.พิชายกล่าวอีกว่า ยิ่งใกล้วันพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ก็คงยิ่งสร้างอุณหภูมิทางการเมือง ซึ่งศาลนัดไต่สวน 5-6 ก.ค. ส่วนวินิจฉัยวันไหนยังไม่รู้ ซึ่งมีความเป็นได้ คือยกคำร้อง ซึ่งเพื่อไทยก็คงเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญต่อ แต่ถ้าไม่ยกคำร้องก็อาจเป็นไปได้ 2 แนวทาง 1. วินิจฉัยว่าขัดมาตรา 68 ซึ่งถ้าผลออกมาว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง สิ่งที่ตามมาหนักหนาสาหัสมาก เพราะจะโดนยุบพรรค ตัดสิทธิการเมือง ถูกร้องอาญาฐานกบฏ ซึ่งก็ต้องมีปฏิกิริยาตอบโต้จากเสื้อแดงแน่นอน
2. ขัดมาตรา 68 แต่ไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครอง แต่เป็นการให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ อันนี้รุนแรงน้อยกว่า สิ่งที่ตามมาก็คือยุบพรรค โดนตัดสิทธิ แต่ไม่โดนคดีอาญา แต่ก็จะสร้างปฏิกิริยาให้พลพรรคเสื้อแดงแน่นอน แล้วก็ต้องออกมากดดันศาลรัฐธรรมนูญ ในขณะเดียวกันก็มีคนพร้อมออกมาปกป้องศาลด้วยเช่นกัน ก็อาจมีการปะทะกันได้ สำหรับตนแล้ว ถ้าศาลยืนตามหลักการ ตนว่ามันขัดรัฐธรรมนูญว่า “เป็นการให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ” มันผิดแน่ๆ