“รองโฆษกรัฐบาล” โวย “มาร์ค” ใส่ร้ายรัฐบาลให้มะกันใช้อู่ตะเภาแลกวีซ่า “นช.แม้ว” แจงแนวคิดตั้งศูนย์ฝึกเตรียมความพร้อมเวลาเกิดภัยพิบัติในภูมิภาค เกิดขึ้นสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อตกลงใดๆ รวมทั้งกรณีนาซาขอใช้อู่ตะเภาจัดตั้งศูนย์ศึกษาชั้นบรรยากาศ ก็อยู่ระหว่างการเจรจาเท่านั้น
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหารัฐบาลว่าอนุญาตให้สหรัฐอเมริกามาตั้งฐานทัพที่อู่ตะเภา และอนุญาตให้องค์การนาซาใช้สนามบินอู่ตะเภาจัดตั้งศูนย์ศึกษาชั้นบรรยากาศ เพียงเพราะต้องการแลกเปลี่ยนกับการให้วีซ่าเข้าสหรัฐฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นเรื่องที่จงใจบิดเบือนอย่างรุนแรง รัฐบาลนี้ไม่ได้อนุญาตให้กองทัพสหรัฐฯ เข้ามาตั้งฐานทัพในไทย แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังหารือถึงความเป็นไปได้ในการใช้พื้นที่บางส่วนของอู่ตะเภาในการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ริเริ่มกันมาก่อนหน้ารัฐบาลชุดนี้
และศูนย์นี้ก็ไม่ได้เป็นการดำเนินการทางทหาร มีเพียงแนวคิดที่จะขอใช้พื้นที่บริเวณท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นศูนย์ฝึกเตรียมความพร้อมเวลาเกิดภัยพิบัติในภูมิภาคนี้ มีแนวคิดจะสร้างคลังเก็บสิ่งของ อาหาร และบางส่วนอาจเตรียมไว้เป็นที่ตั้งของหน่วยเคลื่อนที่เร็วเพื่อการตอบสนองต่อภัยพิบัติฉุกเฉิน ซึ่งหน่วยนี้ไม่ใช่หน่วยงานหรือกองกำลังถาวร อย่างปีที่แล้วช่วงน้ำท่วมเราก็ได้ทหารเข้ามาช่วยรัฐบาล ทั้งในเรื่องกำลังคน ทั้งยุทโธปกรณ์ในการก่อสร้างซ่อมแซม ขนส่งคนและอาหาร
นายอนุสรณ์กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ยังไม่ได้มีการตกลงใดๆ ให้กองทัพสหรัฐฯ เข้ามาใช้พื้นที่ ซึ่งต้องขอย้อนไปถึงสมัยนายอภิสิทธิ์เองที่เป็นผู้เริ่มจะใช้อู่ตะเภาจัดตั้งศูนย์บรรเทาภัยพิบัติ HADR ซึ่งตัวท่านและนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของท่านได้ไปประกาศแสดงเจตจำนงในเวทีต่างประเทศหลายครั้ง มีหลักฐานชัด ทั้งในเวทีประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ เวทีการประชุมรัฐมนตรีเอเปก ซึ่งในช่วงนั้นก็ถูกทักท้วงจากกองทัพเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในประเด็นความมั่นคงและความเหมาะสมในการใช้พื้นที่ จากนั้นมาก็ได้มีการเจรจากันมาตลอด ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเราก็ยังไม่ได้มีข้อตกลงใดๆ ทั้งหมดคือขั้นตอนการหารือกัน
นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า กรณี พล.อ.มาร์ติน เดมป์ซีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐฯ มาเมืองไทยสัปดาห์ที่แล้ว ยอมรับว่ามีการหารือในเรื่องนี้ ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงของไทย แต่ก็ยังไม่ได้มีการตกลงกันใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจา ซึ่งจะยึดหลักประเทศไทยในฐานะเจ้าบ้าน ต้องให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการในทุกเรื่อง สรุปคือยังไม่มีข้อตกลงใดๆ ที่จะอนุญาตให้กองทัพสหรัฐฯ เข้ามาตั้งฐานทัพในไทย ดังนั้น การขอวีซ่าเข้าสหรัฐของ พ.ต.ท.ทักษิณจึงไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องต่อเนื่องที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้เสนอไว้ ที่สำคัญรัฐบาลชุดนี้ก็ยังไม่ได้มีข้อตกลงอะไร แล้วจะกลายเป็นผลประโยชน์แลกกับการขอวีซ่าให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณได้อย่างไร
นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการอนุญาตให้องค์การนาซาของสหรัฐฯ ใช้อู่ตะเภาจัดตั้งศูนย์โครงการศึกษาชั้นบรรยากาศ ตอนนี้ทางสหรัฐฯ ได้สอบถามความเป็นไปได้จากฝ่ายไทย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยอยู่ในระหว่างการหารือกัน และยังไม่ได้ให้คำตอบหรือมีข้อตกลงอะไรในเรื่องนี้
“ขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์หยุดพฤติกรรมที่ชอบพูดคลุมเครือ สร้างเรื่องปลุกระดมประชาชน เพราะจริงๆ แล้วเจตนาของการจัดตั้งศูนย์ HADR เป็นเรื่องดี คุณอภิสิทธิ์เองก่อนหน้านี้ก็เห็นด้วย และผลักดันมาตั้งแต่ต้น พอมาเป็นฝ่ายค้านกลับความจำสั้นเป็นปลาทองเปลี่ยนท่าทีออกมาต่อต้านในสิ่งที่ตัวเองเคยเห็นชอบ เพียงเพราะต้องการจุดประเด็นทางการเมืองให้ประชาชนเข้าใจว่ารัฐบาลชุดนี้ดำเนินการด้วยความไม่รอบคอบ และมีผลประโยชน์แอบแฝง พยายามที่จะปลุกกระแสคลั่งชาติแบบเดียวกับการสร้างกระแสเขาพระวิหาร ที่ก็อ้างว่า รัฐบาลสมัครยอมยกเขาพระวิหารให้กัมพูชา แลกเปลี่ยนกับสัมปทานน้ำมันในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งของจริงให้ไปถามกัมพูชาว่าใครกันแน่ที่พยายามเจรจาผลประโยชน์เรื่องนี้ กี่ปีกี่ปี ก็มามุกนี้ เสียราคาอดีตนายกฯ หมด”