ASTVผู้จัดการรายวัน- “สุกำพล” เผย”นาซ่า”เข้าใช้อู่ตะเภา ส.ค.-ก.ย.นี้ รอรัฐบาลอนุมัติ เผยฝ่ายความมั่นคงหนุนมะกันใช้เครื่องบินเก่า 3 ลำ จนท. 100 นายไร้อาวุธ ตรวจแค่น่านฟ้า ลาว-เขมร-มาเลเซีย ยืนยันไม่ใช่ฐานทัพ มั่นใจจีนไม่ระแวง ยอมรับเลี่ยงยากเหตุสหรัฐฯอ้างเรื่องมนุษยธรรม “อภิสิทธิ์” จี้รัฐบาลแจงไฟเขียวสหรัฐฯใช้ฐานทัพอู่ตะเภา
วานนี้(7 มิ.ย.55) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่องค์การนาซ่าของสหรัฐฯ ขอใช้สนามบินอู่ตะเภา อ.สัตหีบ จ.ระยอง เพื่อจอดอากาศยาน และขึ้นทำการบินตรวจสภาพอากาศว่า รัฐบาลจะเป็นผู้เห็นชอบและอนุญาต โดยฝ่ายความมั่นคง ทางกระทรวงกลาโหมเห็นด้วย และทำความเห็นว่า ไม่ได้กระทบต่อความมั่นคง แต่เจ้าของเรื่องอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ ส่วนการจัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (HDRC: Humanitarian and Disaster Relief Centre) ที่สหรัฐฯขอมาจัดตั้งที่สนามบินอู่ตะเภาเช่นกันนั้น ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งจะเริ่มต้นที่การฝึกคอบร้าโกล์ดก่อน เป็นเรื่องของฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่ต้องมาคุยว่าจะเข้ามาอย่างไร โดยหลักการแล้วต้องมาในกรอบของมนุษยธรรม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ว่าจะมาอย่างไร เป็นเรื่องของอนาคต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจเรื่องที่องค์การนาซ่าจะเข้ามาให้ดี อย่ามองว่าสหรัฐฯ มาตั้งฐานทัพ เพราะไม่มี ที่ผ่านมานาซ่าได้ทำมาหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น คอสตาริก้า ซึ่งพยายามทำทั่วโลก และ ไทยก็เป็นหนึ่งในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะเข้ามา โดย มีเครื่องบินโดยสารแบบเก่า 3 ลำ เช่น DC-8 มาดัดแปลงติดอุปกรณ์ และ P-3 ที่กองทัพเรือเคยประจำการอยู่ จะทำการบินทดสอบบรรยากาศ เก็บข้อมูลต่างๆ เพราะที่ผ่านมามีการเก็บข้อมูลทางดาวเทียมยังไม่ละเอียดเพียงพอในการรับทราบการเปลี่ยนแปลงสภาพทางอากาศ และ อุณหภูมิของโลกว่าเป็นอย่างไร
โดยเราจะพิจารณาอนุญาตแผนการบินที่ส่งมา และ หน่วยงานความมั่นคงของไทยต้องเข้าไปดูแลได้ ทุกอย่างที่เข้ามา เราสามารถดูได้ แม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ นักศึกษาของเราก็สามารถไปสำรวจร่วมกับเขาได้ ไม่น่าห่วงเพราะเครื่องบินเข้ามาแค่ 3 ลำ และมีจำนวนคนเข้ามาน้อยมากประมาณ 100 คน ไม่มีทหาร ไม่มีอาวุธ อยู่ในประเทศไทยแค่ 2 เดือนระหว่าง สิงหาคม -กันยายน และ อีก 4-5 ปีข้างหน้าจึงกลับมาสำรวจใหม่อีกครั้ง ซึ่งนาซ่า และกองทัพสหรัฐฯ เป็นคนละเรื่องกัน ขอสื่ออย่าประโคมข่าวมาก เพราะมันไม่มีอะไร
เมื่อถามว่าเป็นห่วงว่าประเทศเพื่อนบ้านอาจจะเกิดความหวาดระแวงจากการที่สหรัฐฯ เข้ามาสำรวจพื้นที่หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ประเทศเพื่อนบ้านไม่ระแวง เพราะนอกจากสำรวจในน่านฟ้าไทยแล้วยังบินสำรวจในประเทศเพื่อนบ้านด้วย ทั้ง ลาว กัมพูชา และ มาเลเซีย ซึ่งต้องขออนุญาตเช่นกัน เว้นแต่ประเทศพม่า และ จีน ที่ไม่ได้บินผ่าน เพราะเป็นห่วงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เมื่อถามว่า จีนจะเข้าใจว่าไทยเอียงข้างสหรัฐฯ หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า จีนไม่ได้ถามตนเรื่องนี้ ประเทศจีนเข้าใจประเทศไทย มากกว่าผู้สื่อข่าวไทย ส่วนกรณีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีแผนเดินทางเข้าประเทศสหรัฐฯ หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า “ไม่ทราบ ผมตอบไม่ได้ ถามเรื่องในใจเขา ผมตอบไม่ได้”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel ถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาติดต่อขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อเป็นศูนย์บรรเทาสาธารณภัยและมนุษยธรรม ว่า ตนได้ทราบข่าว แต่รัฐบาลยังไม่มีการพูดออกมาอย่างชัดเจนอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเปิดเผยว่า มีข้อตกลงอะไร ภาระผูกพัน และมีความร่วมมือเรื่องใดบ้าง เพื่อให้มิตรประเทศในภูมิภาคเกิดความสบายใจ และไม่ต้องการให้เกิดความระแวง เพราะถือว่าเรื่องนี้มีความละเอียดอ่อนต่อปัญหาความมั่นคงและเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาคนี้ด้วย
แม้ว่าผู้นำทางการทหารของสหรัฐฯจะเข้าพบกับนายกรัฐมนตรี และพล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม รมว.กลาโหม ก็ยืนยันว่า ไม่มีอะไร อีกทั้งทางประเทศจีนก็ไม่ได้คัดค้านหากประเทศไทยจะอนุญาตให้สหรัฐฯมาใช้สนามบินอู่ตะเภา ส่วนจะเข้าข่ายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรือไม่ ที่จะต้องให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบ ตนตอบไม่ได้จนกว่าจะรู้รายละเอียด
"รัฐบาลควรเปิดเผยเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส แต่แน่นอนว่า อะไรที่เป็นเรื่องที่เป็นความลับก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ว่าอย่างน้อยต้องมีความชัดเจนในเรื่องวัตถุประสงค์" นายอภิสิทธ์ กล่าว
วานนี้(7 มิ.ย.55) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่องค์การนาซ่าของสหรัฐฯ ขอใช้สนามบินอู่ตะเภา อ.สัตหีบ จ.ระยอง เพื่อจอดอากาศยาน และขึ้นทำการบินตรวจสภาพอากาศว่า รัฐบาลจะเป็นผู้เห็นชอบและอนุญาต โดยฝ่ายความมั่นคง ทางกระทรวงกลาโหมเห็นด้วย และทำความเห็นว่า ไม่ได้กระทบต่อความมั่นคง แต่เจ้าของเรื่องอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ ส่วนการจัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (HDRC: Humanitarian and Disaster Relief Centre) ที่สหรัฐฯขอมาจัดตั้งที่สนามบินอู่ตะเภาเช่นกันนั้น ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งจะเริ่มต้นที่การฝึกคอบร้าโกล์ดก่อน เป็นเรื่องของฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่ต้องมาคุยว่าจะเข้ามาอย่างไร โดยหลักการแล้วต้องมาในกรอบของมนุษยธรรม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ว่าจะมาอย่างไร เป็นเรื่องของอนาคต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจเรื่องที่องค์การนาซ่าจะเข้ามาให้ดี อย่ามองว่าสหรัฐฯ มาตั้งฐานทัพ เพราะไม่มี ที่ผ่านมานาซ่าได้ทำมาหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น คอสตาริก้า ซึ่งพยายามทำทั่วโลก และ ไทยก็เป็นหนึ่งในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะเข้ามา โดย มีเครื่องบินโดยสารแบบเก่า 3 ลำ เช่น DC-8 มาดัดแปลงติดอุปกรณ์ และ P-3 ที่กองทัพเรือเคยประจำการอยู่ จะทำการบินทดสอบบรรยากาศ เก็บข้อมูลต่างๆ เพราะที่ผ่านมามีการเก็บข้อมูลทางดาวเทียมยังไม่ละเอียดเพียงพอในการรับทราบการเปลี่ยนแปลงสภาพทางอากาศ และ อุณหภูมิของโลกว่าเป็นอย่างไร
โดยเราจะพิจารณาอนุญาตแผนการบินที่ส่งมา และ หน่วยงานความมั่นคงของไทยต้องเข้าไปดูแลได้ ทุกอย่างที่เข้ามา เราสามารถดูได้ แม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ นักศึกษาของเราก็สามารถไปสำรวจร่วมกับเขาได้ ไม่น่าห่วงเพราะเครื่องบินเข้ามาแค่ 3 ลำ และมีจำนวนคนเข้ามาน้อยมากประมาณ 100 คน ไม่มีทหาร ไม่มีอาวุธ อยู่ในประเทศไทยแค่ 2 เดือนระหว่าง สิงหาคม -กันยายน และ อีก 4-5 ปีข้างหน้าจึงกลับมาสำรวจใหม่อีกครั้ง ซึ่งนาซ่า และกองทัพสหรัฐฯ เป็นคนละเรื่องกัน ขอสื่ออย่าประโคมข่าวมาก เพราะมันไม่มีอะไร
เมื่อถามว่าเป็นห่วงว่าประเทศเพื่อนบ้านอาจจะเกิดความหวาดระแวงจากการที่สหรัฐฯ เข้ามาสำรวจพื้นที่หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ประเทศเพื่อนบ้านไม่ระแวง เพราะนอกจากสำรวจในน่านฟ้าไทยแล้วยังบินสำรวจในประเทศเพื่อนบ้านด้วย ทั้ง ลาว กัมพูชา และ มาเลเซีย ซึ่งต้องขออนุญาตเช่นกัน เว้นแต่ประเทศพม่า และ จีน ที่ไม่ได้บินผ่าน เพราะเป็นห่วงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เมื่อถามว่า จีนจะเข้าใจว่าไทยเอียงข้างสหรัฐฯ หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า จีนไม่ได้ถามตนเรื่องนี้ ประเทศจีนเข้าใจประเทศไทย มากกว่าผู้สื่อข่าวไทย ส่วนกรณีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีแผนเดินทางเข้าประเทศสหรัฐฯ หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า “ไม่ทราบ ผมตอบไม่ได้ ถามเรื่องในใจเขา ผมตอบไม่ได้”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel ถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาติดต่อขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อเป็นศูนย์บรรเทาสาธารณภัยและมนุษยธรรม ว่า ตนได้ทราบข่าว แต่รัฐบาลยังไม่มีการพูดออกมาอย่างชัดเจนอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเปิดเผยว่า มีข้อตกลงอะไร ภาระผูกพัน และมีความร่วมมือเรื่องใดบ้าง เพื่อให้มิตรประเทศในภูมิภาคเกิดความสบายใจ และไม่ต้องการให้เกิดความระแวง เพราะถือว่าเรื่องนี้มีความละเอียดอ่อนต่อปัญหาความมั่นคงและเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาคนี้ด้วย
แม้ว่าผู้นำทางการทหารของสหรัฐฯจะเข้าพบกับนายกรัฐมนตรี และพล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม รมว.กลาโหม ก็ยืนยันว่า ไม่มีอะไร อีกทั้งทางประเทศจีนก็ไม่ได้คัดค้านหากประเทศไทยจะอนุญาตให้สหรัฐฯมาใช้สนามบินอู่ตะเภา ส่วนจะเข้าข่ายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรือไม่ ที่จะต้องให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบ ตนตอบไม่ได้จนกว่าจะรู้รายละเอียด
"รัฐบาลควรเปิดเผยเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส แต่แน่นอนว่า อะไรที่เป็นเรื่องที่เป็นความลับก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ว่าอย่างน้อยต้องมีความชัดเจนในเรื่องวัตถุประสงค์" นายอภิสิทธ์ กล่าว
