xs
xsm
sm
md
lg

แพทย์ชนบทยื่น “ผู้ตรวจฯ-ปชป.” สอบ “รมว.สธ.-ปลัดฯ” เอื้อทุจริต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิทยา บุรณศิริ (แฟ้มภาพ)
“นพ.เกรียงศักดิ์” นำตัวแทนชมรมแพทย์ชนบทกว่า 100 คน เดินสายยื่นหนังสือให้ผู้ตรวจการฯ-ป.ป.ช.-วุฒิสภา สอบ รมว.สาธารณสุข พร้อมปลัด มีพฤติกรรมประพฤติมิชอบในหน้าที่ราชการ ส่อเจตนาเอื้อให้เกิดทุจริตโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

วันนี้ (19 มิ.ย.) ชมรมแพทย์ชนบทจำนวนกว่า 100 คน นำโดย นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมแพ จ.ขอนแก่น ในฐานะประธานชมรมฯ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายประวิช รัตนเพียร ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข และ นพ.ไพจิตย์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากประพฤติมิชอบในหน้าที่ราชการ ส่อเจตนาเอื้อให้เกิดการทุจริตในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และส่อเจตนาเอื้อให้เกิดการทุจริตงบค่าเสื่อมของหน่วยบริการสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขระดับประเทศ ร้อยละ 10 ตามโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าประจำปีงบประมาณ 2555

นพ.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า ทางชมรมแพทย์ชนบทได้รับเรื่องร้องเรียนจากสมาชิกและหน่วยงานหลายแห่งถึงพฤติกรรมดังกล่าวของ รมว.สาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยในกรณีโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2554 อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินโครงการฯ ในวงเงินจำนวน 3,426,349,100 บาท และต่อมา ครม.มีมติให้กระทรวงสาธารณสุขทบทวนความจำเป็นเหมาะสม และแจ้งยืนยันไปที่กระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาและเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ แต่ทั้ง รมว.สาธารณสุขและปลัดกระทรวงฯกลับไม่ใส่ใจ จนกระทั่งถึงวันที่ 12 มิ.ย. 2555 ที่กระทรวงการคลังขีดเส้นตายให้กระทรวงสาธารณสุขยืนยันถึงความจำเป็นอีกครั้ง กระทรวงสาธารณสุขก็ยังเพิกเฉย ส่งผลให้งบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขที่จะนำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะด้านการจัดหาครุภัณฑ์การแพทย์ที่จะมาใช้ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยให้มีคุณภาพมาตรฐานตกไป ทำให้โรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขกลายเป็นโรงพยาบาลอนาถา ขาดความน่าเชื่อถือยอมรับจากประชาชน นำมาซึ่งการล้มเหลวของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

นพ.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการเพราะ กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ตั้งงบประมาณในการจัดซื้อครุภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ในปีงบประมาณ 2555 แต่อย่างใดและขณะนี้ผ่านมาจนกระทั่งจะหมดเวลาการใช้จ่ายเงินกู้แล้ว แต่ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีสาธารณสุขก็ยังไม่ยอมนำเรื่องเข้า ครม. จึงชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รัฐมนตรี และปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่คำนึงถึงความจำเป็นในการใช้เครื่องมือแพทย์เพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วย ขาดคุณธรรม จริยธรรม และมนุษยธรรม ไม่เห็นความสำคัญของการมีชีวิตรอดของประชาชน เข้าข่ายการประพฤติมิชอบในหน้าที่ราชการ ขาดคุณสมบัติของการเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ไม่สามารถนำความปลอดภัยในชีวิตให้ประชาชนผู้เสียภาษีให้รัฐได้ และอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่จะต้องพัฒนาให้หน่วยงานภายใต้การกำกับมีคุณภาพมาตรฐาน เนื่องจากงบประมาณก้อนนี้เป็นงบก้อนเดียวที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาหน่วยบริการสาธารณสุขในปีงบประมาณ 2555

“ในคราวเดียวกันนี้ กระทรวงศึกษาธิการซึ่งได้งบประมาณมากกว่ากระทรวงสาธารณสุขกว่า 2 เท่าตัว ได้ยืนยันกับ ครม.เมื่อ ธ.ค. 2554 คือตั้งแต่ครั้งแรกที่กระทรวงการคลังให้ยืนยัน และขณะนี้ได้มีการลงนามเซ็นสัญญา และติดตั้งครุภัณฑ์ไปเกือบทั้งหมดแล้ว โดยในส่วนนี้โรงพยาบาลรักษาสัตว์ คณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับงบประมาณเพื่อจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยและดีกว่าที่ใช้ในคน เช่นเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เครื่องมือรักษามะเร็งฯลฯ กว่า 400 ล้านบาท เพื่อไปรักษาสัตว์ แต่กระทรวงสาธารณสุขกลับไม่ยอมยืนยันถึงความจำเป็นและขออนุมัติงบประมาณนี้ต่อ ครม.ถึง 3 ครั้ง ซึ่งอาจทำให้งบประมาณก้อนนี้ตกไป หรือบริษัทอาจไม่ยืนราคาทำให้สินค้าขึ้นราคา ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต พิการ ทุพพลภาพ เสียประโยชน์จากการขาดโอกาสใช้เครื่องมือแพทย์ที่มีความจำเป็น”

นอกจากนี้ยังพบว่า การบริหารงบประมาณลงทุนคือค่าเสื่อมระดับประเทศของปลัดสาธารณสุข ภายใต้การกำกับของ รมว.สาธารณสุข กลับใช้งบประมาณดังกล่าวอย่างไม่ประหยัดและมีประสิทธิภาพมีเจตนาเอื้อให้เกิดการทุจริต ซ้ำรอยกรณีโครงการไทยเข้มแข็งฉาวภาคแรก อย่างไม่เกรงกลัวการตรวจสอบ เช่นตั้งงบประมาณจัดซื้อเครื่องซักผ้าระบบอุโมงค์จำนวน 39.3 ล้านบาท ทั้งที่เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2555 กรมสอบสวนคดีพิเศษเพิ่งเข้าไปตรวจสอบวชิรพยาบาล ในสังกัดกรุงเทพมหานคร และรับไว้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งอาจส่อเจตนาทุจริตในราคา 34 ล้านบาท ตลอดจนกรณีการอนุมัติงบประมาณในการจัดซื้อเครื่อง Real time PCR หรือเครื่องเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรม) กว่า 5 เครื่อง ในราคาเครื่องละ 8.5 ล้านบาท ทั้งที่หลายหน่วยงานทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเพิ่งดำเนินการลงนามในสัญญาเพียงราคาเครื่องละ 3.5-4.3 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ทางชมรมแพทย์ชนบทจะเดินทางไปยื่นหนังสือดังกล่าวต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และวุฒิสภา เพื่อให้ร่วมตรวจสอบด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น