xs
xsm
sm
md
lg

“กทม.”ร้องสอบ”ธาริต” เคลียร์สัญญาBTSไม่แฟร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"ธีระชน" ควงทนายบุกฟ้องผู้ตรวจการแผ่นดินสอบ อธิบดีดีเอสไอทำหน้าที่ไม่เป็นธรรม ซัดชี้นำกรณีต่อสัญญาบีทีเอสตลอด แถมไม่ทำตามขั้นตอน คาดรู้ผลสอบ 3-6 เดือน ด้าน "ธาริต" ฉุน ถูกดิสเครดิต เปิดโต๊ะแจง 6 ประเด็นหลัก ชี้พฤติกรรมผู้บริหารเข้าข่ายข่มขู่เจ้าหน้าที่รัฐ

วานนี้ (12 มิ.ย.) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ถนนแจ้งวัฒนะ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมนายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ทนายความอาวุโส เข้ายื่นหนังสือต่อ ศาสตราจารย์ศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ตรวจสอบการทำงานของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบเป็นธรรม กรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือให้ดีเอสไอสอบสวนกรณีการทำสัญญาจ้างเดินรถระหว่างกรุงเทพมหานคร โดยบริษัท กรุงเทพ ธนาคม จำกัด และบริษัท ระบบขน ส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส

นายธีระชน กล่าวว่า นายธาริตมีพฤติกรรมการแถลงข่าวชี้นำหลายครั้ง ทั้งที่ยังไม่ได้รับหนังสือชี้แจงจาก 3 หน่วยงานที่ดีเอสไอได้ร้องขอให้ตอบกลับดีเอสไอ ซึ่งตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอจะต้องส่งเรื่องให้กับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใน 30 วัน ถือว่าเลยเวลาปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายมาแล้ว ทั้งนี้ กทม.เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นธรรมกับองค์กร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้สั่งการให้ทำหนังสือในนาม กทม.ถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน มอบให้พร้อมเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้อง ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินช่วยตรวจสอบ เพราะเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินว่าจะได้รับความเป็นธรรม และเพื่อรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร

นายธีระชน กล่าวอีกว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าอธิบดีดีเอสไอ อาจลืมถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประเด็นที่ผู้แทนกระทรวงการคลัง และผู้แทนคณะกรรมการกฤษฏีกาได้ชี้แจงต่อกรรมาธิการปกครองท้องถิ่น เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2555 ว่าสัญญาจ้างเดินรถระหว่างกทม.กับบีทีเอส ไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เนื่องจากการจ้างไม่ได้แตะต้องสัญญาสัมปทานซึ่งต้องเป็นอำนาจหน้าของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่เป็นสัญญาจ้างเดินรถบีทีเอสล่วงหน้า อำนาจในส่วนนี้จึงเป็นของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครโดยตรง ด้าน ศ.ศรีราชา กล่าวว่า ได้เรื่องไว้ในชั้นต้นแล้ว โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนการตรวจสอบจะเป็นอย่างไรขอดูข้อมูลทั้งหมดก่อน คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายใน 6 เดือน

ในวันเดียวกัน นายธาริต ได้เปิดแถลงข่าวต่อกรณีดังกล่าวว่า ตนขอชี้แจงการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียด 6 ข้อ ดังนี้ 1.ยืนยันว่าที่ผ่านมาดีเอสไอทำงานตามกรอบอำนาจของกฎหมาย 2.กรณีดังกล่าวมีส.ส.เป็นผู้ร้องให้ดีเอสไอตรวจสอบและรับเป็นคดีพิเศษ ขณะที่ผู้ถูกร้องมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของกทม. ทั้งนี้ยังเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับประชาชนจำนวนมาก ดีเอสไอไม่อาจเพิกเฉยเพราะอาจถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ 3.กรณีดังกล่าวเป็นที่สนใจสอบถามจากสื่อมวลชน ดีเอสไอในฐานะผู้รับผิดชอบจำเป็นต้องชี้แจงความคืบหน้าการทำงาน ยืนยันว่าดีเอสไอไม่ได้ชี้นำ เนื่องจากดีเอสไอรับผิดชอบการตรวจสอบอยู่แล้ว จึงไม่สามารถชี้นำตัวเองได้

4.กรณีทำหนังสือสอบถามอำนาจการทำสัญญาไปยังรมว.มหาดไทยถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องดำเนินการสอบถามฐานอำนาจจากผู้รับผิดชอบโดยตรง 5. การที่รมว.มหาดไทยชี้แจงว่าการต่อสัญญาของกทม.ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้พนักงานสอบสวนมีความเห็นให้เสนอที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) เพื่อรับเป็นคดีพิเศษ เพราะเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายหลายฉบับ ทั้งประมวลกฎหมายอาญา ประกาศคณะปฏิวัติ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ และ6. กรณีที่กทม.ตั้งข้อสังเกตดีเอสไอไม่ส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนภายใน 30 วัน โดยเทียบเคียงกับคดีทุจริตจัดซื้อเรือและรถดับเพลิง ถือเป็นความเข้าใจผิด เพราะคดีรถเรือดับเพลิงเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือพ.ร.บ.ฮั้ว ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอสามารถดำเนินคดีได้โดยไม่ต้องเสนอขอมติของบอร์ดกคพ.

ส่วนคดีขยายอายุสัมปทานไม่ได้กำหนดเป็นความผิดแนบท้ายของดีเอสไอ และขณะนี้ดีเอสไอยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนหรือตรวจสอบเพื่อรับเป็นคดีพิเศษเท่านั้น หากบอร์ดกคพ.มีมติรับเป็นคดีพิเศษแล้วจึงเป็นขั้นตอนการเรียกผู้ร้องมาร้องทุกข์กล่าวโทษอย่างเป็นทางการ ก่อนพิจารณาแจ้งข้อหากับผู้กระทำผิด เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนแล้วจึงรวบรวมสำนวนส่งให้ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน

“การดำเนินการของกทม.เป็นเรื่องปกติของผู้ถูกร้อง ที่จะลดความน่าเชื่อถือของหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ดีเอสไอไม่ได้รู้สึกหนักใจและพร้อมทำงานต่อไป แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่าการกระทำของผู้บริหารกทม.ครั้งนี้ เข้าข่ายพฤติกรรมข่มขู่เจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นข้าราชการประจำ ซึ่งตนมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่จะไม่มีการร้องเรียนหรือแจ้งความดำเนินคดีกลับ โดยขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน”นายธาริต กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้ากรณีที่ดีเอสไอทำหนังสือเรียก กทม. บีทีเอส และกรุงเทพธนาคม เข้าชี้แจงข้อมูลโต้แย้งความเห็นของรมว.มหาดไทย นายธาริต กล่าวว่า ดีเอสไอได้กำหนดชี้แจงข้อมูลภายในวันที่ 18 มิ.ย. นี้ โดยล่าสุดยังไม่มีหน่วยงานใดติดต่อเข้าชี้แจงกับดีเอสไอ
กำลังโหลดความคิดเห็น