ชมรมแพทย์ชนบท วอนผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบ “รมต.-ปลัด สธ.” เหตุส่อประพฤติมิชอบกรณีงบเงินกู้ดีพีแอล วางเฉยจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมแพ ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท พร้อมด้วยบุคลากรโรงพยาบาลชุมชน และเจ้าหน้าที่พยาบาล รวม 100 คน แต่งกายชุดดำเข้ายื่นหนังสือต่อ นายประวิช รัตนเพียร ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบการทำงานของ นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางประพฤติมิชอบ และอาจเอื้อให้การเกิดทุจริตได้ ต่อการพิจารณางบประมาณที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ควรจะได้รับ
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวภายหลังเข้ายื่น ว่า การร้องเรียนครั้งนี้ เนื่องจากเห็นชัดว่า ผู้บริหารระดับสูงของ สธ.ทั้ง 2 ท่าน มีความพยายามละเว้นหน้าที่ต่อกรณีการดำเนินการใน 2 ส่วน ประกอบด้วย 1.มีพฤติกรรมมิชอบต่อหน้าที่ราชการกรณีโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 หรือโครงการเงินกู้ DPL โดยโครงการดังกล่าวผ่านการพิจารณางบประมาณในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยในส่วนของ สธ.ได้รับงบเพื่อซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ต่างๆ 3,426 ล้านบาท และกระทรวงศึกษาธิการ ได้กว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งได้มีการจัดซื้อจัดจ้างเรียบร้อยแล้วเมื่อปลายปี 2554 แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการก็เปลี่ยนรัฐบาล
“ปัญหาอยู่ที่เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล กระทรวงการคลังก็ทำหน้าที่ในการให้กระทรวงที่ได้รับงบดังกล่าว ยืนยันความจำเป็นเข้ามา ปรากฏว่า มีเพียงกระทรวงศึกษาธิการ ที่ดำเนินการจนได้รับงบไปใช้ประโยชน์แล้ว เหลือเพียงกระทรวงสาธารณสุข ที่ไม่มีการยืนยันความจำเป็น ทั้งๆ ที่มีการทวงถามอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555 และ 12 มิถุนายน 2555 โดยขอให้ส่งเรื่องมาภายในวันที่ 15 มิถุนายน มิฉะนั้น จะพิจารณาจัดสรรงบประมาณส่วนนี้ให้กับโครงการอื่นต่อไป ซึ่งแว่วมาว่า กระทรวงคมนาคมรอจ่อคิวอยู่ ตรงนี้จะทำให้เสียโอกาสในการจัดซื้อครุภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ ทั้งเครื่องช่วยหายใจ เครื่องฉายรังสี ต้องยุติลง จึงไม่เข้าใจว่า รัฐมนตรี สธ.และปลัด สธ.มัวทำอะไร และจนบัดนี้ก็ไม่รู้ว่า สุดท้ายโดนหักงบไปแล้วหรือยัง เรื่องนี้จึงน่าคิดว่า ในเมื่องบฯมารออยู่ เพราะเหตุใดจึงปล่อยผ่านไป หรือมีอะไรที่บอกใครไม่ได้" นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
ประธานชมรม กล่าวอีกว่า 2.พฤติกรรมที่ส่อเจตนาเอื้อกับการทุจริตงบประมาณค่าเสื่อมของหน่วยบริการ โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีการอนุมัติงบประมาณจัดซื้อเครื่องซักผ้าอุโมงค์ ที่มีราคาแพงถึง 39.3 ล้านบาท และเครื่องเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรม 8.5 ล้านบาท ขณะที่มหาวิทยาลัยนเรศวร มีการจัดซื้อเครื่องชนิดเดียวกัน แต่พบว่าสามารถสั่งซื้อได้ในราคาประมาณ 3.5-4.3 ล้านบาท ชัดเจนว่า แปลกๆ เพราะราคาที่ปลัด สธ.ลงนามไปนั้นไม่ใช่ราคากลาง เมื่อเทียบกับที่อื่น
“ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่าง ซึ่งไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่ความเป็นธรรม เนื่องจากครุภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ต่างๆ มีประโยชน์ และสำคัญในการช่วยชีวิตผู้ป่วย การได้รับงบประมาณช้าเพียง 1 วัน ผู้ป่วยที่เสี่ยงก็เสียชีวิตได้ จึงอยากให้รัฐบาลตระหนัก และขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบเรื่องนี้ โดยหลังจากนี้ จะเดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ช่วยตรวจสอบและถอดถอนนายวิทยา และ นพ.ไพจิตร์ ออกจากตำแหน่ง เพราะถือว่าไม่เหมาะสมต่อการทำหน้าที่อีกต่อไป” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นดังกล่าวเคยหารือกับทางรัฐมนตรี สธ.และปลัด สธ.โดยตรงหรือไม่ นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า เคย โดยทำเป็นหนังสือ และยังทำส่งถึงนายกรัฐมนตรีโดยตรงด้วย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จำเป็นจริงๆ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบด้วย
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมแพ ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท พร้อมด้วยบุคลากรโรงพยาบาลชุมชน และเจ้าหน้าที่พยาบาล รวม 100 คน แต่งกายชุดดำเข้ายื่นหนังสือต่อ นายประวิช รัตนเพียร ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบการทำงานของ นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางประพฤติมิชอบ และอาจเอื้อให้การเกิดทุจริตได้ ต่อการพิจารณางบประมาณที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ควรจะได้รับ
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวภายหลังเข้ายื่น ว่า การร้องเรียนครั้งนี้ เนื่องจากเห็นชัดว่า ผู้บริหารระดับสูงของ สธ.ทั้ง 2 ท่าน มีความพยายามละเว้นหน้าที่ต่อกรณีการดำเนินการใน 2 ส่วน ประกอบด้วย 1.มีพฤติกรรมมิชอบต่อหน้าที่ราชการกรณีโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 หรือโครงการเงินกู้ DPL โดยโครงการดังกล่าวผ่านการพิจารณางบประมาณในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยในส่วนของ สธ.ได้รับงบเพื่อซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ต่างๆ 3,426 ล้านบาท และกระทรวงศึกษาธิการ ได้กว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งได้มีการจัดซื้อจัดจ้างเรียบร้อยแล้วเมื่อปลายปี 2554 แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการก็เปลี่ยนรัฐบาล
“ปัญหาอยู่ที่เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล กระทรวงการคลังก็ทำหน้าที่ในการให้กระทรวงที่ได้รับงบดังกล่าว ยืนยันความจำเป็นเข้ามา ปรากฏว่า มีเพียงกระทรวงศึกษาธิการ ที่ดำเนินการจนได้รับงบไปใช้ประโยชน์แล้ว เหลือเพียงกระทรวงสาธารณสุข ที่ไม่มีการยืนยันความจำเป็น ทั้งๆ ที่มีการทวงถามอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555 และ 12 มิถุนายน 2555 โดยขอให้ส่งเรื่องมาภายในวันที่ 15 มิถุนายน มิฉะนั้น จะพิจารณาจัดสรรงบประมาณส่วนนี้ให้กับโครงการอื่นต่อไป ซึ่งแว่วมาว่า กระทรวงคมนาคมรอจ่อคิวอยู่ ตรงนี้จะทำให้เสียโอกาสในการจัดซื้อครุภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ ทั้งเครื่องช่วยหายใจ เครื่องฉายรังสี ต้องยุติลง จึงไม่เข้าใจว่า รัฐมนตรี สธ.และปลัด สธ.มัวทำอะไร และจนบัดนี้ก็ไม่รู้ว่า สุดท้ายโดนหักงบไปแล้วหรือยัง เรื่องนี้จึงน่าคิดว่า ในเมื่องบฯมารออยู่ เพราะเหตุใดจึงปล่อยผ่านไป หรือมีอะไรที่บอกใครไม่ได้" นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
ประธานชมรม กล่าวอีกว่า 2.พฤติกรรมที่ส่อเจตนาเอื้อกับการทุจริตงบประมาณค่าเสื่อมของหน่วยบริการ โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีการอนุมัติงบประมาณจัดซื้อเครื่องซักผ้าอุโมงค์ ที่มีราคาแพงถึง 39.3 ล้านบาท และเครื่องเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรม 8.5 ล้านบาท ขณะที่มหาวิทยาลัยนเรศวร มีการจัดซื้อเครื่องชนิดเดียวกัน แต่พบว่าสามารถสั่งซื้อได้ในราคาประมาณ 3.5-4.3 ล้านบาท ชัดเจนว่า แปลกๆ เพราะราคาที่ปลัด สธ.ลงนามไปนั้นไม่ใช่ราคากลาง เมื่อเทียบกับที่อื่น
“ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่าง ซึ่งไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่ความเป็นธรรม เนื่องจากครุภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ต่างๆ มีประโยชน์ และสำคัญในการช่วยชีวิตผู้ป่วย การได้รับงบประมาณช้าเพียง 1 วัน ผู้ป่วยที่เสี่ยงก็เสียชีวิตได้ จึงอยากให้รัฐบาลตระหนัก และขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบเรื่องนี้ โดยหลังจากนี้ จะเดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ช่วยตรวจสอบและถอดถอนนายวิทยา และ นพ.ไพจิตร์ ออกจากตำแหน่ง เพราะถือว่าไม่เหมาะสมต่อการทำหน้าที่อีกต่อไป” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นดังกล่าวเคยหารือกับทางรัฐมนตรี สธ.และปลัด สธ.โดยตรงหรือไม่ นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า เคย โดยทำเป็นหนังสือ และยังทำส่งถึงนายกรัฐมนตรีโดยตรงด้วย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จำเป็นจริงๆ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบด้วย
