xs
xsm
sm
md
lg

สปสช.สั่งทุกโรงพยาบาลใช้ดีอาร์จีรุ่น 5 โวจัดกลุ่มโรคได้ดีกว่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สปสช.อวดดีอาร์จีรุ่นที่ 5 จัดกลุ่มโรคได้ครอบคลุมมากขึ้น พร้อมประกาศให้ทุกโรงพยาบาลให้ใช้ดีอาร์จีรุ่นเดียวกัน เพื่อป้องกันความสับสนในการเบิกจ่ายเงินชดเชยผู้ป่วยใน ทั้ง 3 กองทุนสุขภาพ

วันนี้ (6 พ.ค.) นพ.วีระวัฒน์ พันธ์ครุฑ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา สปสช.ได้ประกาศให้มีการใช้ดีอาร์จีรุ่นที่ 5 (DRGs Version 5) สำหรับการจ่ายเงินชดเชยผู้ป่วยในให้กับโรงพยาบาล โดย สปสช.ได้ใช้ ดีอาร์จี หรือระบบการวินิจฉัยโรคร่วม (Diagnostic Related Groups) เป็นเครื่องมือในการจ่ายชดเชยผู้ป่วยในให้กับโรงพยาบาลมาตั้งแต่ปี 2546 โดยมีการเปลี่ยนรุ่นและปรับปรุงจากรุ่นก่อนหน้าให้มีความละเอียด สะท้อนต้นทุนที่เป็นจริงมากขึ้น เช่น รุ่นที่สาม มีการจัดกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม 1,283 กลุ่ม รุ่นที่ 4 การจัดกลุ่มเพิ่มเป็น 1,920 กลุ่ม และรุ่นที่ 5 จัดกลุ่มโรคและหัตถการเพิ่มขึ้นเป็น 2,450 กลุ่ม ส่งผลให้น้ำหนักสัมพัทธ์ที่ได้มีความสอดคล้องกับการวินิจฉัยโรคและหัตถการมากขึ้น และเพื่อป้องกันความสับสนของโรงพยาบาลทั่วประเทศในการเบิกเงินชดเชยจากกองทุนสุขภาพทั้ง 3 กองทุน จึงได้ตกลงร่วมกันว่าจะประกาศใช้ดีอาร์จีรุ่นเดียวกัน

นพ.วีระวัฒน์ กล่าวต่อว่า ดีอาร์จี มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี โดยคณะนักวิจัยอิสระ จากมหาวิทยาลัยนเรศวร สำหรับดีอาร์จีรุ่นที่ 5 คณะวิจัยได้ทำการประชาพิจารณ์ 2 ครั้ง โดยมีตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

“การนำดีอาร์จี เวอร์ชัน 5 มาใช้นับเป็นเรื่องใหม่ต่อหน่วยบริการ เพราะมีการเพิ่มกลุ่มโรคมากกว่ารุ่นที่ผ่านมาเพื่อให้ครอบคลุม และรายงานผลการตรวจตรงตามความเป็นจริงมากขึ้น สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดย ดีอาร์จีรุ่นที่ 5 มีการจัดกลุ่มเพิ่มจากรุ่นที่ 4 จำนวน 530 กลุ่ม การที่มีกลุ่มเพิ่มขึ้นเกิดจากมีการแยกกลุ่มโรคผู้ป่วยในระยะกึ่งเฉียบพลันและไม่เฉียบพลัน และการแยกคนไข้ที่มีการเจาะคอไปสร้างเป็นกลุ่มใหม่เพิ่มแทนการจัดไว้เฉพาะ และเพิ่มกลุ่มที่นอนโรงพยาบาลไม่เกิน 6 ชั่วโมง และได้ทำการปรับปรุงค่า RW ให้เหมาะสมขึ้นจากข้อวิจารณ์ต่อดีอาร์จีรุ่นที่ 4 ที่ว่า ค่า RW ส่วนใหญ่จะมีแนวโน้มให้กับหน่วยบริการขนาดใหญ่ เพื่อให้เกิดความสมดุลยิ่งขึ้นในดีอาร์จีรุ่นที่ 5” นพ.วีระวัฒน์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น