สธ.คาดปี 55 คนไทยเสี่ยงป่วยโรคอุจจาระร่วง พุ่ง 1 ล้านราย ไข้เลือดออก 6.5 หมื่นราย หวัดใหญ่ 5 หมื่นราย แต่อัตราการตายลดลง
วันนี้ (16 ม.ค.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาเครือข่ายระบาดวิทยาและทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว (SRRT : Surveillance and Rapid Response Team) ปี 2555 ที่ภูเขางามรีสอร์ท จ.นครนายก เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือโรคระบาดและภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น และมอบประกาศนียบัตรและรางวัลผลงานการเฝ้าระวังสอบสวนโรคทางระบาดวิทยาของทีมเฝ้าระวังสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว และรางวัลคนดีศรีระบาด จำนวน 37 รางวัล ว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาคาดการณ์ว่า ในปี 2555 ไทยจะพบผู้ป่วยในกลุ่มโรคติดต่อใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เช่น โรคไข้เลือดออกจะมีผู้ป่วยประมาณ 65,000 ราย โรคไข้หวัดใหญ่ประมาณ 50,000 ราย โรคอุจจาระร่วง 1 ล้านกว่าราย โรคอหิวาต์ 300-500 รายโรคฉี่หนู หรือเลปโตสไปโรซิส หรือฉี่หนู ประมาณ 4,000 ราย ส่วนอัตราตายจะลดลงเนื่องจากมีความพร้อมในการวินิจฉัยโรคและการรักษาที่รวดเร็วมีประสิทธิภาพ แต่ยังต้องติดตามเฝ้าระวังโรคอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่อาจเกิดขึ้นและโรคไข้หวัดนกที่ยังเป็นปัญหาสำคัญของภูมิภาคนี้รวมทั้งโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงที่มีเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้สูงอายุ และอายุขัยเฉลี่ยที่ยืนยาวขึ้น
“ กระทรวงฯ ได้ตั้งทีมเฝ้าระวังสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว หรือเอสอาร์อาร์ทีม ตั้งแต่ปี 2548 ทำหน้าที่เฝ้าระวังโรคติดต่อที่แพร่ระบาดรวดเร็วรุนแรงตรวจจับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ลงพื้นที่สอบสวนโรคและควบคุมแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพรวม ทั้งมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการเฝ้าระวังและทำงานร่วมมือกันเป็นเครือข่ายขณะนี้มีประมาณ 1,030ทีมครอบคลุมทุกพื้นที่ในระดับอำเภอและได้เร่งพัฒนาทีมและขยายเครือข่ายลงสู่ระดับตำบลให้สอดรับกับนโยบายการพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเริ่มตั้งแต่ปี 2554 ขณะนี้ดำเนินการแล้วร้อยละ 50 ตั้งเป้าครบ 9,750 ตำบลในปี 2556 ซึ่งจะทำให้ระบบการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคของไทยเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” นพ.ไพจิตร์กล่าว
ทั้งนี้ เอสอาร์อาร์ทีมจะได้รับการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้และมีการติดตามประเมินผลทุก 3 ปีเพื่อให้สามารถดำเนินการสอบสวนควบคุมโรคเบื้องต้นได้ตามมาตรฐานที่กำหนด และสอดคล้องกับกฎอนามัยระหว่างประเทศโดยในปี 2555 นี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) จะเริ่มการประเมินศักยภาพระบบการเฝ้าระวังตรวจจับการระบาดและการตอบโต้ต่อปัญหาภัยสุขภาพตามมาตรฐานที่กำหนดในกฏอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulation : IHR) ของประเทศต่างๆ ประเทศไทยจะเร่งการพัฒนาเพื่อให้ผ่านระดับมาตรฐานดังกล่าวซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยด้านสุขภาพของประเทศไทยแก่นานาประเทศต่อไป สำหรับการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-18 ม.ค.นี้
วันนี้ (16 ม.ค.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาเครือข่ายระบาดวิทยาและทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว (SRRT : Surveillance and Rapid Response Team) ปี 2555 ที่ภูเขางามรีสอร์ท จ.นครนายก เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือโรคระบาดและภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น และมอบประกาศนียบัตรและรางวัลผลงานการเฝ้าระวังสอบสวนโรคทางระบาดวิทยาของทีมเฝ้าระวังสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว และรางวัลคนดีศรีระบาด จำนวน 37 รางวัล ว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาคาดการณ์ว่า ในปี 2555 ไทยจะพบผู้ป่วยในกลุ่มโรคติดต่อใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เช่น โรคไข้เลือดออกจะมีผู้ป่วยประมาณ 65,000 ราย โรคไข้หวัดใหญ่ประมาณ 50,000 ราย โรคอุจจาระร่วง 1 ล้านกว่าราย โรคอหิวาต์ 300-500 รายโรคฉี่หนู หรือเลปโตสไปโรซิส หรือฉี่หนู ประมาณ 4,000 ราย ส่วนอัตราตายจะลดลงเนื่องจากมีความพร้อมในการวินิจฉัยโรคและการรักษาที่รวดเร็วมีประสิทธิภาพ แต่ยังต้องติดตามเฝ้าระวังโรคอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่อาจเกิดขึ้นและโรคไข้หวัดนกที่ยังเป็นปัญหาสำคัญของภูมิภาคนี้รวมทั้งโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงที่มีเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้สูงอายุ และอายุขัยเฉลี่ยที่ยืนยาวขึ้น
“ กระทรวงฯ ได้ตั้งทีมเฝ้าระวังสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว หรือเอสอาร์อาร์ทีม ตั้งแต่ปี 2548 ทำหน้าที่เฝ้าระวังโรคติดต่อที่แพร่ระบาดรวดเร็วรุนแรงตรวจจับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ลงพื้นที่สอบสวนโรคและควบคุมแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพรวม ทั้งมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการเฝ้าระวังและทำงานร่วมมือกันเป็นเครือข่ายขณะนี้มีประมาณ 1,030ทีมครอบคลุมทุกพื้นที่ในระดับอำเภอและได้เร่งพัฒนาทีมและขยายเครือข่ายลงสู่ระดับตำบลให้สอดรับกับนโยบายการพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเริ่มตั้งแต่ปี 2554 ขณะนี้ดำเนินการแล้วร้อยละ 50 ตั้งเป้าครบ 9,750 ตำบลในปี 2556 ซึ่งจะทำให้ระบบการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคของไทยเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” นพ.ไพจิตร์กล่าว
ทั้งนี้ เอสอาร์อาร์ทีมจะได้รับการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้และมีการติดตามประเมินผลทุก 3 ปีเพื่อให้สามารถดำเนินการสอบสวนควบคุมโรคเบื้องต้นได้ตามมาตรฐานที่กำหนด และสอดคล้องกับกฎอนามัยระหว่างประเทศโดยในปี 2555 นี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) จะเริ่มการประเมินศักยภาพระบบการเฝ้าระวังตรวจจับการระบาดและการตอบโต้ต่อปัญหาภัยสุขภาพตามมาตรฐานที่กำหนดในกฏอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulation : IHR) ของประเทศต่างๆ ประเทศไทยจะเร่งการพัฒนาเพื่อให้ผ่านระดับมาตรฐานดังกล่าวซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยด้านสุขภาพของประเทศไทยแก่นานาประเทศต่อไป สำหรับการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-18 ม.ค.นี้
