xs
xsm
sm
md
lg

“เอกยุทธ” โผล่ผู้ตรวจการฯ ให้ข้อมูล “ยิ่งลักษณ์ ว.5” ปัดมอบหลักฐาน-คลิปวิดีโอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจและเจ้าของเว็บไซต์อินไซเดอร์ (ภาพจากแฟ้ม)
นักธุรกิจเจ้าของเว็บไทยอินไซเดอร์เข้าให้ข้อมูลกรณีถูกชกช่วง “ยิ่งลักษณ์ ว.5” อ้างไม่ได้เตรียมหลักฐานประกอบ ปัดมอบคลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน พูดพลางหัวเราะ “อย่าถามอย่างนี้ อันตราย”

เมื่อเวลา 14.25 น. วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจและเจ้าของเว็บไซต์อินไซเดอร์ เดินทางมายังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อเข้าให้ข้อมูลกรณีที่ถูกทำร้ายร่างกาย เมื่อครั้งที่พบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2555 ที่ผ่านมา

โดยนายเอกยุทธเปิดเผยก่อนเข้าให้ข้อมูลต่อผู้ตรวจการแผ่นดินว่า วันนี้ตนได้เดินทางมาให้ข้อมูลต่อผู้ตรวจการแผ่นดินกรณี ว.5 (ราชการลับ) โฟร์ซีซั่นส์ ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลเท่านั้น ยังไม่ได้เตรียมหลักฐานใดๆ มาประกอบกับการให้ข้อมูลแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม คงต้องหารือกับผู้ตรวจการแผ่นดินก่อนว่าต้องการหลักฐานอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่าผ่านมานานแล้ว ตนก็จะลองดูว่าจะสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้หวังว่าผู้ตรวจการแผ่นดินคงจะดำเนินการอะไรได้บ้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้นำหลักฐานที่เป็นคลิปวิดีโอมาประกอบกับการให้ข้อมูลหรือไม่ นายเอกยุทธกล่าวเพียงสั้นๆ พร้อมหัวเราะว่า “อย่าถามอย่างนี้ดีกว่า อันตราย เดี๋ยวจะโดน” ทั้งนี้ การเข้าให้ข้อมูลของนายเอกยุทธครั้งนี้นอกจากจะมีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ยังมี นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ และนายศรีราชา เจริญพาณิชย์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ารับฟังคำชี้แจงอีกด้วย

ต่อมานายเอกยุทธกล่าวเพิ่มเติม หลังการเข้าให้ข้อมูลว่า ผู้ตรวจการฯ ได้ซักถามถึงการพบเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ได้ขึ้นไปชั้น 7 ของโรงแรมโฟว์ซีซั่น ซึ่งตนก็ให้ข้อเท็จจริงตามที่เห็นว่า ที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง อ้างว่าเดินทางไปพร้อมกับนายกฯและ นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ นั้นไม่จริง เพราะตนได้พบรวมถึงพูดทักทายกับนายกิตติรัตน์ ก่อนที่ทั้งสองจะออกจากโรงแรมไปจากนั้นนายกฯจึงเดินทางมา

“ถ้าบอกว่าทั้งสองไปพบนายกฯ คงไม่ใช่เรื่องจริง หากนายกิตติรัตน์ บอกว่าได้ไปพบนายกฯ จริง ก็คงต้องปีนหน้าต่างเข้าไป เพราะผมนั่งอยู่ข้างล่างและเห็นเหตุการณ์อยู่ตลอด โดยในส่วนของนายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้บริหารบริษัท แสนศิริ กรุ๊ป จำกัด เดินลงมาภายหลังที่นายกฯ ออกจากโรงแรม ไปได้สักพักหนึ่ง” นายเอกยุทธกล่าว

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ผู้ตรวจการแผ่นดินระบุว่าพื้นที่ชั้น 7 ของโรมแรมเป็นพื้นที่โล่ง เป็นห้องอาหาร นายเอกยุทธชี้แจงว่า บริเวณชั้น 7 มี 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนหนึ่งเป็นห้องอาหาร อีกส่วนเป็นห้องพัก ซึ่งตนไม่ทราบว่านายกฯ เข้าไปฝั่งไหนของโรงแรม คงต้องไปดูกล้องวงจรปิดของโรงแรม คิดว่าวันที่ผู้ตรวจการฯ ลงไปสำรวจพื้นที่ คงจะไปดูส่วนของห้องอาหารเท่านั้น ซึ่งช่วงเวลาที่ผู้ตรวจฯ ไปก็ไม่น่าจะมีประโยชน์ เพราะเวลามันล่วงเลยมา 4 เดือน หลักฐานต่างๆ คงถูกลบเลือนไป หรือจะให้ดีคงต้องไปถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เพราะร.ต.อ.เฉลิม ไปโรงแรมตั้งแต่วันแรกหลังจากเกิดเหตุ แต่ตนไม่เชื่อว่าภาพเหตุการณ์ในกล้องวงจรปิดจะถูกลบตามที่โรงแรมได้ระบุไว้

“ก็หวังว่าผู้ตรวจการแผ่นดินคงจะทำข้อเท็จจริงให้ปรากฎต่อสังคมอย่างชัดเจนไม่ใช่สรุปออกมาว่าไม่มีอะไร ส่วนใครจะรับความจริงหรือไม่รับความจริง จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็คงต้องให้สังคมเป็นผู้ตัดสิน เพราะว่าหน้าที่ของผู้ตรวจการฯ คงไม่สามารถไปทำอะไรในทางกฎหมายได้ จะไปเอาผิดใครก็ ไม่ได้”

ด้าน นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ข้อมูลที่นายเอกยุทธให้ไม่ได้เป็นข้อมูลเชิงลึกนัก เพราะเขาก็ไม่ต้องพาดพิงใคร ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะนำไปพิจารณาว่าจำเป็นต้องเชิญใครมาให้ข้อมูลอีกหรือไม่ และต้องลงไปตรวจสอบพื้นที่ชั้น 7 อีกครั้งหรือเปล่า เพราะนายเอกยุทธระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวมีห้องพักอยู่ด้วย ดังนั้นนายเอกยุทธคงไม่ใช่พยานปากสุดท้ายที่ผู้ตรวจฯจะรับฟัง

“ยอมรับว่า ผู้ตรวจการฯไปดูที่เกิดเหตุช้า ทำให้หลักฐานต่างๆ อาจจะเลือนไป ซึ่งก็พยายามติดต่อไปยังโรงแรมตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ทางผู้จัดการโรงแรมที่เป็นชาวเลบานอนก็อ้างว่าติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ อีกทั้งคิดว่าทางโรงแรมเองคงไม่อยากให้ข้อมูลอะไรที่เป็นผลลบต่อโรงแรม อย่างในเรื่องกล้องวงจรปิด ก็บอกว่าลบไปหมดแล้ว ไม่ได้เก็บไว้ แต่นายเอกยุทธก็บอกว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น ซึ่งการพิจารณาที่จะเป็นการให้ร้ายใคร ผู้ตรวจฯก็ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะไม่เช่นนั้นอาจเสียหายถึงองค์กร ซึ่งเรื่องนี้คาดว่าหากได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายภายใน 1-2 เดือนน่าจะได้ข้อสรุป ” นายศรีราชากล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น