รายงานการเมือง
เหตุการณ์ ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ ที่ชั้น 7 ของนายกรัฐมนตรีหญิง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ใช้เวลาราชการไปปฏิบัติภารกิจลับกับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เศรษฐา ทวีสิน ผู้บริหารแสนสิริ ที่ทำท่าจะหายเงียบเข้ากลีบเมฆ กลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอีกครั้ง
หลังจากเกิดเหตุบังเอิญว่า ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ถูกปลดจากตำแหน่ง ดีดี การบินไทย ตามที่ เอกยุทธ อัญชันบุตร เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ออกมาปูดเรื่องไว้พร้อมหน้าตาบวมเป่ง หลังถูกยำใหญ่เนื่องจากไปเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นว่า “ใครบางคน พยายามวิ่งเต้นซื้อที่ดินทำฟลัดเวย์ และต้องการเปลี่ยนตัวดีดีการบินไทย”
เวลาผ่านไปกว่า 3 เดือนผลปรากฏว่ามีการปลดดีดีการบินไทยเกิดขึ้นจริง และคนที่ต้องออกมาปฏิเสธว่าไม่คิดนั่งตำแหน่งนี้ ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน ที่รักจะไปปฏิบัติภารกิจลับที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์!
แม้ว่า ศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดินจะออกมาการันตีให้ ยิ่งลักษณ์ แบบไม่เต็มปากเต็มคำเท่าใดนักว่า “เชื่อว่าผู้ที่มีวุฒิภาวะเพียงพอไม่น่าจะไปแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในเชิงชู้สาว”
ถูกของ “ศรีราชา” ว่า คนที่มีวุฒิภาวะเขาไม่ทำเรื่องผิดศีลธรรมแน่ แต่พูดกันแบบภาษาชาวบ้าน ผู้หญิงดีๆ มีลูกมีผัวที่ไหนเขาจะไปเจอผู้ชายสองต่อสองในโรงแรมโดยที่ชี้แจงต่อสังคมไม่ได้ว่าเจอเพราะอะไร ยิ่งมีตำแหน่งใหญ่โตยิ่งต้องระมัดระวัง
ถาม “ศรีราชา” ว่า คนอย่างยิ่งลักษณ์มีวุฒิภาวะหรือไม่? และถ้าศรีราชามั่นใจว่าไม่มีการใช้ชั้น 7 เป็นพื้นที่รับน้ำจนเกิดเหตุผิดทำนองคลองธรรม ก็ต้องไม่ทิ้งประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องพื้นที่ฟลัดเวย์
ประเด็นที่ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบและพยายามจะด่วนสรุปแม้จะดูหน่อมแน้มไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสังคมจะไม่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ เพราะอย่างน้อยการตรวจสอบข้อเท็จจริงครั้งนี้ ก็ทำให้สังคมได้เห็นทั้งพิรุธและเอาการตอแหลลงตับของใครบางคน และลิ่วล้อที่ออกมาพยายามปกป้องได้ชัดเจนมากขึ้น
หลังเกิดเหตุ ยิ่งลักษณ์บอกว่า ไม่ได้ประชุมกับใคร เป็นนายกฯ จะไปพบกับใครก็ได้ ขัดแย้งกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ออกมาระบุเสร็จสรรพทั้งที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ “รักที่จะลับ” ว่า “นายกฯ ไปประชุมกับนักธุรกิจ 6-7 คน” จากนั้นมติชนก็ลากเอา อนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ว่าเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ไปร่วมประชุมด้วย ก่อนที่ยิ่งลักษณ์จะกลืนน้ำลายกลับคำพูดจากที่บอกไม่ได้ประชุม มาเป็นประชุมร่วมกับนักธุรกิจหลายคน
ความจริงวันนี้ที่ปรากฏต่อหน้าผู้ตรวจการแผ่นดิน คือ อนันต์ ปฏิเสธเป็นลายลักษณ์อักษรว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในเหตุการณ์ฉาวโฉ่ดังกล่าว และจนป่านนี้ก็ยังหาวิญญาณนักธุรกิจบนชั้น 7 ที่โฟร์ซีซั่นส์ไม่เจอ
ความจริงข้างต้นเป็นสิ่งที่ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องตั้งโจทย์ให้ถูกเพื่อทำให้ความจริงกระจ่าง คือ
1. ถ้า ยิ่งลักษณ์ มีความบริสุทธิ์ใจจริง เหตุใดต้องโกหกประชาชน 2. ถ้าการพบกันระหว่างเศรษฐาและยิ่งลักษณ์ ไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำไมต้องพยายามสร้างเรื่องว่ามีนักธุรกิจอื่นร่วมด้วยทั้งๆ ที่ไม่มี เป็นเรื่องของวัวสันหลังหวะหรือไม่ 3. ถ้าเป็นการพบกันโดยที่ไม่มีเรื่องผิดศีลธรรม หรือผลประโยชน์ทับซ้อนเกี่ยวข้อง เหตุใดไม่พบกันในที่เปิดเผย แต่กลับนัดพบในโรงแรม และต้องมีการเปิดห้องพักจึงจะใช้ห้องรับรองพิเศษที่ชั้น 7 ได้
4. คำให้การของผู้จัดการโรงแรมที่บอกว่าจะมีการลบเทปบันทึกภาพวงจรปิดทุกเดือน แสดงว่าในวันที่เกิดเหตุมีการบันทึกภาพวงจรปิดและยังไม่ถูกลบ เนื่องจากยังไม่ครบวงรอบ 1 เดือน เหตุใด ร.ต.อ.เฉลิม ที่สามารถนำเทปบันทึกภาพคนที่ชกเอกยุทธมาเปิดเผยได้ แต่กลับไม่กล้านำเทปบันทึกภาพวงจรปิดที่ชั้น 7 มาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ ยิ่งลักษณ์หรือที่เปิดเทปนี้ไม่ได้เป็นเพราะผู้หญิงในภาพไม่ได้เดินเข้าห้องรับรองพิเศษ แต่ตรงรี่เข้าห้องพัก
5. ทำไม กิตติรัตน์ ณ ระนอง จะต้องใช้คำว่า “อยากให้ผู้ตรวจการแผ่นดินให้เกียรตินายกฯ” ถ้าไม่ทำเสื่อมเกียรติใครจะทำให้ ยิ่งลักษณ์ เสียเกียรติ จนต้องวิงวอนขอร้องผู้ตรวจการแผ่นดินให้ให้เกียรติผู้หญิงคนนี้
6. คนที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีแถมเป็นผู้หญิงใช้เวลาราชการไปพบผู้ชายในโรงแรมโดยไม่มีบุคคลอื่นอยู่ด้วย มีความเหมาะสมหรือไม่ 7. นายกฯ ชี้แจงกับผู้ตรวจการแผ่นดินว่า ไม่ได้ใช้เวลาราชการไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัว แสดงว่าการพบกับเศรษฐา เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารราชการ ผู้นำประเทศซึ่งมีอดีตเป็นเจ้าแม่เรียลเอสเตทที่กำลังต้องกำหนดนโยบายสาธารณะเกี่ยวกีบที่ดินทำฟลัดเวย์ไปพบกับเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์แบบ “ลับเฉพาะ” เพื่ออะไร ถ้าไม่มีประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง
8. การที่ เศรษฐา เลื่อนการให้ถ้อยคำกับผู้ตรวจการแผ่นดินโดยไม่มีกำหนดนั้น แสดงถึงการไม่ให้ความร่วมมือหรือไม่ และผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีมาตรการอย่างไรที่จะให้ เศรษฐา เข้าชี้แจง มีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนไหมว่าถ้าไม่มา ผู้ตรวจการแผ่นดินจะสรุปข้อมูลเท่าที่มีโดยไม่ยอมให้เศรษฐาเป็นตัวถ่วงเวลาทำให้ผลสรุปล่าช้าออกไป
9. ยังไม่ต้องนับรวมผิดอื่นทั้งเรื่องชู้สาว ผลประโยชน์ทับซ้อน เอาแค่เป็นผู้นำประเทศแต่สุมหัวกันโกหกประชาชน ถือว่าผิดจริยธรรมหรือไม่
เหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องนำไปตั้งเป็นโจทย์เพื่อหาคำตอบ สร้างบรรทัดฐานด้านจริยธรรมที่ดีในยามที่สังคมกำลังเจอผู้นำที่ป่วยเป็น “โรคจริยธรรมทำงานบกพร่อง”
10. สิ่งที่ เอกยุทธ พูดไว้ล่วงหน้าว่า มีใครบางคนวิ่งเต้นซื้อที่ดินทำฟลัดเวย์ และเปลี่ยนดีดีการบินไทย เป็นจริงไปแล้วเรื่องหนึ่งคือ การปลด ปิยสวัสดิ์ ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องหาคำตอบว่า ว.5 ชั้น 7 ที่โฟร์ซีซั่นส์จะเกิดการตรวจภายในหรือมีการให้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับพื้นที่ทำฟลัดเวย์หรือไม่
ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ได้มีหน้าที่ “ให้เกียรตินายกฯ” แต่มีภารกิจตามกฎหมายชี้ให้สังคมเห็นว่ามีใครทำผิดจริยธรรมหรือไม่ และร้ายแรงถึงขั้นต้องยื่นไม้ต่อให้ ป.ป.ช. ถอดถอนออกจากตำแหน่งหรือเปล่า
ประเทศชาติจะอยู่รอดปลอดภัยหากทุกหน่วยงานทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา แต่ถ้าผู้ตรวจการแผ่นดินทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก สรุปผลแบบแทงกั๊กไม่เหมาะสมแต่ไม่ขัดจริยธรรมรุนแรง เหมือนกรณีตั้งผู้ก่อการร้ายและคนที่ถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำไม่ให้ทำธุรกรรมทางการเงิน ย่อมเกิดคำถามตามมาว่า คนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมซ้ำซ้อนเยี่ยงนี้ยังสมควรเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ผิดซ้ำผิดซากต้องเลื่อนขั้นจากไม่เหมาะสมเป็นขัดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่
แต่ถ้าผู้ตรวจการแผ่นดินแปลงร่างเป็นผงซักฟอกจับยิ่งลักษณ์ใส่ตะกร้าล้างน้ำ ทั้งๆ ที่ขาดหลักฐานพยานยืนยันความบริสุทธิ์จนเป็นที่กระจ่างต่อสายตาประชาชน ก็เท่ากับเป็นการฆาตกรรมตัวเองและยิ่งลักษณ์ด้วย
ยิ่งอุ้ม ยิ่งหนัก ยิ่งแบก ยิ่งถ่วง ยิ่งรัก ระวังจะยิ่งเละ จนพังไปพร้อมกันทั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร