“จาตุรนต์” ระบุหากรัฐสภาไม่ลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ปล่อยศาลฯ วินิจฉัยคำร้องล้มล้างการปกครองฯ จะเป็นผลเสียต่อรัฐบาลในอนาคตหากถูกตัดสินว่าผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญกระทำผิด
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า การตัดสินใจที่จะไม่ลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 และปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำร้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทั้งฉบับ เป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เป็นการตัดสินใจผิดร้ายแรงจะเกิดผลเสียตามมามากมาย หากวันนี้มีการประชุมและลงมติว่าคำสั่งศาลไม่ผูกพันก็จะเป็นอีกทางหนึ่ง
แต่หากหลังจากนั้นไม่กำหนดวันลงมติ และปิดสมัยประชุมสภาไป เพื่อรอให้ศาลรฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดในรอบ 6 ปีหลังยึดอำนาจ และเป็นผลเสียต่อประเทศ ต่อพรรคเพื่อไทย และจะไม่เป็นการปกป้องนายกรัฐมนตรี ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพราะหากศาลฯวินิจฉัยว่ารัฐธรรมนูญนี้จะนำไปสู่การล้มล้างการปกครอง การยุบพรรคก็จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็จะอยู่ที่ความปรานีของศาล และคนก็จะไปยื่นถอดถอน ครม. ในฐานะเป็นเจ้าของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งดำเนินคดีอาญา
“จะเห็นได้จากกรณีเมื่อ ป.ป.ช.รับกรณีนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ว่ากระทำขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 อาจนำไปสู่การเสียดินแดนจนนำไปสู่การถอดถอน ทำให้นายนพดลต้องลาออก และกรณีนี้หากศาลวินิจฉัยว่าเป็นการล้มล้างการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขก็ จะยิ่งร้ายแรงกว่า และจะทำให้เกิดบรรทัดฐานว่าศาลรัฐธรรมนูญ มีอำนาจเหนือกว่าฝ่ายนิติบัญญัติ ปล่อยให้ศาลใช้อำนาจผิดๆ ทุกขั้นตอน ทั้งที่ไม่มีอำนาจตรวจสอบวินิจฉัยร่างรัฐธรรมนูญ ขณะที่ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็บอกว่าไม่ใช่คำสั่ง เมื่อเรื่องไปถึงนายกรัฐมนตรี ที่ทำตามรัฐธรรมนูญทุกประการจึงไม่มีเหตุที่ต้องหนักใจ ดังนั้น รัฐสภาต้องแสดงให้เห็นว่าตนเองเข้าใจ ตระหนักว่าการร่างรัฐธรรมนูญเป็นหน้าที่อันถูกต้อง
