กกต.เรียงหน้ายกย่องดุลพินิจศาล รธน.ก่อนมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการดำเนินการลงมติวาระ 3 ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชี้ไม่กระทบร่างระเบียบเลือกตั้ง ส.ส.ร. กังวลใจ ปชช.แตกแยก เหตุเสพสื่อเลือกข้าง ลั่นนักการเมืองมีทิฐิชี้หน้าด่ากัน ย้อนถามสังคมต้องรู้ว่าเกิดจากคนดี-คนไม่ดี จนกลายเป็นอัตตาธิปไตย ไม่ใช่ประชาธิปไตย
วันนี้ (11 มิ.ย.) ในการจัดแถลงข่าวผลงานของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เนื่องในโอกาสครบรอบ 14 ปีวันสถาปนาสำนักงาน กกต. นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องและมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการดำเนินการลงมติวาระ 3 ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ การพิจารณารับคำร้องนั้นก็ขึ้นอยู่กับอำนาจและการตัดสินใจของศาล เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องให้ความระมัดระวังในเรื่องของข้อกฎหมายว่ามีอำนาจในการรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ ซึ่งจากกระแสข่าวต่างๆ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณา จะเห็นได้ว่ากลายเป็นประเด็นที่ฝ่ายต่างๆ วิพากษ์วิจารณ์ ตนมองว่าการรับคำร้องไว้พิจารณา ที่สุดศาลฯ อาจวินิจฉัยว่าไม่มีการกระทำตามคำร้อง และยกคำร้องก็ได้
ด้าน นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ออกไป รวมทั้งที่ประชุมสภาอาจจะไม่พิจารณาลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ในสมัยประชุมนี้ แต่ทาง กกต.ยืนยันว่าจะเดินหน้าดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ต่อไป อย่างไรก็ตาม รู้สึกแปลกใจว่าขณะนี้มีบุคคลพูดถึงกระแสข่าวการปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งที่ในปี 2558 ประเทศไทยจะก้าวสู่ประชาคมอาเซียนแล้ว ซึ่งประเทศจะต้องมีการพัฒนาและเดินก้าวไปข้างหน้า คงจะไม่สวนกระแสโลกอย่างแน่นอน
ด้าน นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ทุกวันนี้ประชาชนเสพข่าวจากสื่อมวลชนเป็นหลัก ฉะนั้น การจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ร.จึงอยากให้สื่อมวลชนนำเสนอประวัติ เบื้องหน้าเบื้องหลังของบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ร.เพื่อเป็นแนวทางให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลก่อนที่จะมีการตัดสินใจบุคคลนั้นๆ เข้ามาเป็น ส.ส.ร. อีกทั้งยังเป็นการช่วย กกต.คัดกรองบุคคลต่างๆ ที่จะดำรงตำแหน่ง ส.ส.ร.ด้วย เพราะหากมีการนำเสนอข้อมูลจะมีส่วนช่วยให้ กกต.ทำงานง่ายขึ้น และสามารถตรวจสอบคุณสมบัติได้ว่าบุคคลใดมีพฤติกรรมดีหรือไม่ดี อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าการที่สังคมยังเกิดความแตกแยกทางการเมืองอยู่นั้น เกิดจากการเปิดรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชนเพียงด้านเดียว โดยเฉพาะสื่อเลือกข้าง ซึ่งอยากเสนอให้มีการปฏิรูปสื่อ เพื่อสร้างให้สื่อมีความเป็นกลางมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า ทุกวันนี้ต่างฝ่ายต่างชี้หน้าด่ากัน ความแตกแยกในสังคมในวันนี้ ถามหน่อยว่าเกิดจากคนดี คนไม่ดี หรือเกิดจากความเห็นต่างและความอคติของแต่ละฝ่าย ไม่มีใครยอมใคร นี่คือทิฐิ หากจะสร้างประเทศชาติต้องมีความเป็นเอกภาพ ไม่ใช่เร่งเร้าให้เกิดการฆ่าฟันกันเอง เถียงกันได้แต่อย่าทะเลาะ ประชาธิปไตยจะไม่เข่นฆ่ากันเอง แต่ทุกวันนี้ที่ชี้หน้าด่ากัน คือ อัตตาธิปไตย ไม่ใช่ประชาธิปไตย และก็คงพูดไม่ได้ว่าใครบิดเบือน ใครไม่บิดเบือน เพราะพูดไปก็ถูกชี้หน้าด่า ตนจึงไม่อยากพูดอะไร พูดมากก็ถูกด่า ประเทศไทยถ้าไม่เคารพซึ่งกันและกัน ประเทศชาติคงจะเสียหายอย่างร้ายแรง การปกครองที่เราพูดถึงทุกวันนี้ เมื่อไม่พอใจอะไรก็จ้องจะทำลายกัน ทุกคนก็รู้ดีอยู่แก่ใจ
