xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ข้องใจ ปธ.สภาฯ บรรจุวาระผิดปกติ หวั่นหมกเม็ดร่างปรองดอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“ผู้นำฝ่ายค้าน” จี้นายกฯ ออก พ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุมสภา ดักคออย่าปัดความรับผิดชอบ เหตุเป็นผู้เสนอขยายเวลาเปิด สงสัยเจตนา ปธ.สภาหมกเม็ดยัดปรองดอง อ้างเสียงข้างมาก หลังบรรจุวาระผิดปกติใส่ทุกเรื่องเว้นปรองดอง รู้ทัน “ปู” ออกทัวร์ตรวจสายน้ำ แค่ลอยตัวเหนือสภา

วันนี้ (11 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันคำเรียกร้องเดิมที่ขอให้นายกรัฐมนตรีออกพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภาเพื่อลดความขัดแย้งลง จะโยนให้เป็นเรื่องของสภาไม่ได้ เพราะรัฐบาลเป็นผู้ขอขยายเวลาการเปิดสมัยประชุมก็ต้องมีความชัดเจนว่าเปิดเพื่ออะไร อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 12-13 มิ.ย. การนัดประชุมสภาก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะพิจารณาเรื่องอะไรบ้าง เพราะในรัฐสภาก็ยังค้างวาระที่รัฐสภารับทราบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่ยังมีความพยายามของสมาชิกรัฐสภาที่จะให้มีการลงมติไม่ใช่แค่รับทราบเท่านั้น ส่วนวันที่ 13-14 มิ.ย.ก็ยังมีข้อสงสัยมากว่าระเบียบวาระที่ออกมาเป็นเรื่องที่ค้างมาทั้งหมดบวกกับเรื่องกฎหมายฟอกเงินที่เป็นเรื่องใหม่ แต่กลับไม่ปรากฏร่างกฎหมายปรองดอง 4 ฉบับที่เลื่อนขึ้นมา จึงไม่แน่ใจว่เมื่อเปิดประชุมจะมีการผลักดันให้นำเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ แต่วาระที่ออกมาอาจทำให้คนที่ไม่เห็นด้วยเข้าใจว่าไม่มีเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดอง ซึ่งตนจะสอบถามประธานสภาในวันนี้ว่าการบรรจุวาระเช่นนี้แปลว่าอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า การไม่บรรจุวาระจะเป็นการทำให้ฝ่ายคัดค้านตายใจเพื่อไม่ให้ออกมาต่อต้านหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ และคงกล่าวหาไม่ได้ แต่จะสอบถามประธานสภาถึงแนวทางปฏิบัติในการบรรจุวาระเช่นนี้ว่าอาศัยเงื่อนไขอะไร และถ้ามีการโต้แย้งจนเกิดความวุ่นวายขึ้นมาจะทำอย่างไร ซึ่งตามข้อบังคับการจะถอนวาระต้องขออนุมัติจากสภา แต่การออกระเบียบวาระเป็นกรณีพิเศษประธานสภาทำได้ เช่น เวลาพิจารณางบประมาณก็จะนัดประชุมโดยบอกว่ามีวาระพิจารณาเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณโดยไม่มีเรื่องอื่น แต่กรณีนี้มีทุกเรื่องครบหมด ยกเว้น 4 ฉบับของกฎหมายปรองดอง จึงถือว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ ดังนั้นต้องสอบถามเจตนาให้ชัดเจนว่าคืออะไร

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในสภาช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่านายสมศักดิ์จะระมัดระวังการทำหน้าที่มากขึ้น โดยสังเกตได้จากที่มีความระมัดระวังในการทำหน้าที่เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็พยายามฟังเสียง ส.ส. ซึ่งตนเห็นว่าประธานสภาอยู่ในวิสัยที่จะดับชนวนความขัดแย้งได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่อง ส.ส.ใช้เสียงข้างมากทำให้ประธานสภาก็อยู่ในฐานะลำบากในการทัดทาน ดังนั้น การดับชนวนในสภา คือ การปิดสมัยประชุมจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด และตนเห็นว่าคำพูดของนายกรัฐมนตรีที่พยายามจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า เป็นเรื่องของสภานั้นไม่จริง เพราะรัฐบาลเป็นผู้ขยายเวลาและมีอำนาจในการออกพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภา ทั้งนี้ หากการประชุมถึงวันที่ 14 มิ.ย. คือในวันที่ 12 มิ.ย. ที่ประชุมรับทราบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่มีการลงมติ และวันที่ 13-14 มิ.ย. ที่ประชุมสภาจะพิจารณาเฉพาะแค่กฎหมายฟอกเงินและกฎหมายปราบปรามการก่อการร้าย พรรคประชาธิปัตย์ยินดีให้ความร่วมมือ แต่ถ้ามีการสอดไส้ทั้งสองเรื่องที่มีปัญหาเข้ามาการปิดสมัยประชุมหลังวันที่ 14 มิ.ย. ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรและจะเป็นชนวนความขัดแย้งเพิ่มด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่นายกรัฐมนตรีจัดตารางเวลาลงพื้นที่ในวันที่ 11-14 มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐสภาจะต้องพิจารณาคำสั่งศาลรัฐธรรรมนูญ และอาจมีปัญหาเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นไปตามแนวทางเดิมที่วางยุทธศาสตร์ไว้ว่าให้นายกรัฐมนตรีไม่ต้องมาเกี่ยวพันกับเรื่องเหล่านี้ ทั้งที่ความจริงเป็นคนมีอำนาจในการกำหนดหลายสิ่งหลายอย่าง และเรื่องนี้ก็เป็นผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัว ซึ่งตนคิดว่าการลงพื้นที่ความจริงสามารถใช้ ส.ส.ในการช่วยเหลือประชาชนได้ เพราะภัยพิบัติเกิดขึ้นหลายภูมิภาค ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ในนามกลุ่มอาสาประชาชนจะมีการจัดถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ ด้วย แต่น่าเสียดายว่าความจริง ส.ส.ควรจะได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจควาเมดือดร้อนของประชาชนมาแจ้งให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ แต่ ส.ส.กลับต้องมาประชุมสภามีความขัดแย้งกันในเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ครอบครัวของนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวเองก็เดินสายทำให้เกิดความเข้าใจว่าสภามีปัญหาแต่นายกฯ มุ่งทำงาน

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ฝ่ายบริหารจะแยกออกจากฝ่ายนิติบัญญัติโดยเด็ดขาดไม่ได้ และต้องตั้งคำถามด้วยว่า ครั้งที่แล้วที่นายกรัฐมนตรีเดินทางทัวร์น้ำท่วมตนเคยตั้งโจทย์ถามไปไม่กี่ข้อ ผ่านมาหลายเดือนก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากนายกรัฐมนตรี มีเพียงเรื่องเดียวที่ชัดเจนคือ การสร้างเขื่อนนิคมอุตสาหกรรม ที่มีการจัดสรรงบประมาณไปสนับสนุน ซึ่งก็เกิดคำถามว่าการจัดงบประมาณอุดหนุนในพื้นที่เอกชนได้ แล้วในกรณีหมู่บ้านจัดสรร หรือพื้นที่เอกชนอื่นๆ หากต้องการให้รัฐสนับสนุนงบประมาณบ้างจะให้ในมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ อีกทั้งยังไม่มีคำตอบสำหรับชุมชนรอบนำคมว่าจะบริหารจัดการอย่างไรขณะที่เงินเยียวยายังมีปัญหาในหลายพื้นที่ และยังไม่มีความชัดเจนว่าแนวทางการบริหารรูปแบบใหม่คืออะไร

“ระบบรัฐสภาไม่มีที่ไหนในโลกที่ใช้ระบบรัฐสภาแล้วจะมาอ้างว่านายกรัฐมนตรีมีหน้าที่บริหาร ส่วนสภาให้ ส.ส.ดำเนินการ ปัญหาที่เกิดจากสภาก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดจากพวกเรา แต่เกิดจากที่รัฐบาลใช้อำนาจขยายสมัยประชุมสภาออกไป” นายอภิสิทธิ์กล่าว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังขอบคุณประชาชนที่ให้ความสนใจเวทีปราศรัยของพรรคทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา ตนคิดว่าเมื่อไหร่ที่ประชาชนทราบถึงอันตรายของกฎหมายปรองดอง ซึ่งตามผลสำรวจมีเพียง 20% ที่ทราบเนื้อหาสาระ จึงเป็นหน้าที่พรรคต้องช่วยเผยแพร่ และตนขอร้องว่าผู้ที่ทราบเนื้อหาสารให้บอกต่อกับคนที่ไม่รู้ อย่างไรก็ตาม พรรคตั้งใจทำกิจกรรมต่อเนื่องเพื่อให้ความรู้กับประชาชน และตั้งใจที่จะจัดเวทีในต่างจังหวัด แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดได้ เนื่องจากความไม่แน่นอนในการกำหดนวาระประชุมของสภา และสภาก็ยังไม่ปิดสมัยประชุม เริ่มต้นที่ กทม.และปริมณฑลก่อน โดยพรรคจะสกัดกฎหมายปรองดองนี้อย่างเต็มที่ เนื่องจากหากมีผลบังคับใช้จะสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติและอนาคตของบ้านเมืองอย่างมาก ทั้งนี้ หากสภามีการพิจารณาร่างกฎหมายปรองดอง 3 วาระรวดนั้น ตนเชื่อว่าจะเกิดปัญหาวุ่นวายมาก เพราะเท่ากับให้สมาชิกทุกคนมีฐานะเป็นกรรมาธิการเต็มคณะ ดังนั้น การแปรญัตติจะวุ่นวายมาก เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์ร้อยกว่าคนต้องการที่จะใช้สิทธิในการแปรญัตติทั้งสิ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น