ASTVผู้จัดการ – บก.บห.เอเอสทีวี กับ เกษียร เตชะพีระ โต้เดือด หลังฝ่ายหลังกล่าวหา พันธมิตรฯ ว่า ปฏิเสธระบบการเมืองในรัฐสภา-ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง-เอเอสทีวี เป็นสื่อเลือกข้าง ด้าน บก.เอเอสทีวี ชี้สื่อเลือกข้างยังดีกว่านักวิชาการเลือกข้างที่ชอบใส่ร้ายป้ายสี
หลังจากตอบโต้กันมาในเฟซบุ๊ก ระหว่าง ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ นายสุรวิชช์ วีรวรรณ บรรณาธิการบริหารเอเอสทีวี และทางผู้จัดการออนไลน์ ได้นำเสนอมาแล้วครั้งหนึ่ง วานนี้ นายสุรวิชช์ได้เขียนบทความเรื่อง “โถ...ศาสตราจารย์เกษียร” และทั้งสองฝ่ายได้แสดงความเห็นตอบโต้กันอีกครั้งทางเฟซบุ๊ก
วานนี้ (7 พ.ค.) ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความตอบโต้บทความเรื่อง “โถ...ศาสตราจารย์เกษียร” ของ นายสุรวิชช์ วีรวรรณ บรรณาธิการบริหารเอเอสทีวีในเฟซบุ๊กอีกครั้ง ภายใต้หัวข้อ “โถ...บก.บห.สุรวิชช์” ดังนี้
บก.บห.สื่อเลือกข้างสุดยอดของไทย กรุณาฝากคำถามถึงผม หลังจากฟังผมตอบคำวิจารณ์ของ บก.บห.แล้วอดรนทนไม่ได้กับการไม่ได้สื่อสารข้างเดียวผ่านสื่อในมือต่อผู้ถูกด่าทอทั้งหลายเหมือนเคย
จากนั้นในเวลาต่อมา นายสุรวิชช์ได้ตอบกลับในหัวข้อ “โถ...ศาสตราจารย์เกษียรอีกครั้ง” ดังนี้
น่าเสียดายที่เกษียรบล็อกให้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กของเขา และเปิดรับเพื่อนแค่ร้อยกว่าคน ไม่เท่านั้น เขายังปิดกั้นไม่ให้ผมมองเห็นหน้ากระดานของเขาด้วย แต่ก็มีคนนำความเห็นของเขามาถ่ายทอดให้ผมฟังอยู่เนืองๆ รวมทั้งอันนี้ที่เกษียรได้ตอบกลับมายังบทความของผมอีกครั้ง หลังจากผมได้ตอบความเห็น 3 ข้อของเขาไป
ก่อนอื่นเกษียรจะกล่าวหาว่าผมใช้สื่อข้างเดียวไม่ได้หรอก เพราะในเว็บผู้จัดการออนไลน์นั้นได้เปิดให้เข้ามาแสดงความเห็นด้วย ที่สำคัญ เกษียรยังมีค่ายมติชนเป็นกองหนุน ไม่ว่าเกษียรจะเขียนอะไรในเฟซบุ๊ก ก็เอามาทำเป็นข่าวได้ตลอดเวลา และเกษียรยังมีคอลัมน์ประจำที่นั่นอีกด้วย พื้นที่ตรงนั้นของเกษียรไม่เคยเปิดให้คนอื่นเข้ามาแสดงความเห็นแบบเว็บไซต์ของผู้จัดการ แต่อย่างใด
ในเบื้องต้นคำพูดของเกษียรเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องเท็จ
ส่วนที่นายสุรวิชช์ได้ถามไปบทความตามข้อที่ 1 ดังนี้
1.ถ้าการกระทำของพันธมิตรฯ ขายหน้าทั่วโลก วิธีการเอาปืนเอ็ม 79 มายิงจนพันธมิตรฯ ตายนับสิบจนต้องหนีไปที่ปลอดภัย เป็นวิธีของอารยชนหรือ เหตุการณ์ที่ทำไทยเสียชื่อทั่วโลก คือ เหตุการณ์บุกทำลายที่ประชุมอาเซียน+จนผู้นำชาติต่างๆ พากันหนีตาย การชุมนุมติดอาวุธเผาบ้านเผาเมืองเป็นอนาธิปไตยหรือไม่ ทำไมศาสตราจารย์จึงไม่เคยพูดถึงเลย
ศ.ดร.เกษียร ตอบมาว่า
ผมเคยเขียนถึงกรณีเหล่านี้หลายครั้งในหลายบทความ และรวมพิมพ์เป็นเล่มใน สงครามระหว่างสี : ในคืนวันอันมืดมิด น่าแปลกใจที่ บก.บห.ผู้รอบรู้เที่ยวว่ากล่าวนักวิชาการที่เห็นต่างไปทั่วกลับไม่ติดตามจนตกข่าว ดังนั้น ท่าทีจุดยืนของผมต่อเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างไร รบกวน บก.บห.ไปหาซื้อมาอ่านเองนะครับ ผมไม่แจกฟรี
นายสุรวิชช์ ตอบอีกครั้งว่า
การอ้างว่า เคยเขียนเรื่องนี้แล้วให้ผมไปหาอ่านเอาเองนั้น สิ่งแรกที่อยากจะบอก คือ ผมได้ยินหลายคนพูดตรงกันว่า บทความของเกษียรอ่านไม่รู้เรื่อง แต่เอาเป็นว่าอาจเป็นเพราะภูมิความรู้ของผมไม่ถึงก็แล้วกัน ผมจึงไม่ค่อยได้ตามอ่าน แต่ผมปุจฉาว่า สมมติผมไปด่าใคร พอเขาโกรธผมบอกว่า ก่อนหน้านี้ ผมเคยชมหรือด่าศัตรูของคุณมาแล้วจะได้ไหม เกษียรอาจเคยวิจารณ์ทั้งสองสีมาก่อนครับ แต่ระยะหลังมานี้ด่าแต่พันธมิตรฯฝ่ายเดียวครับว่าใช้วิถีทางอนาธิปไตย วันนี้ ทำไมเกษียรไม่ด่าคนเสื้อแดงล่ะไปปิดล้อมรัฐสภาเหมือนกัน แถมตั้งด่านตรวจคนที่เข้าออกด้วย แถมยังเอาที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ศาล รธน.และลูกเมียมาเปิดเผย บอกให้โทร.ไปด่าไปขว้างบ้าน
ส่วนข้อที่ 2 ที่นายสุรวิชช์ตอบกลับไปว่า
2.คำถามนี้สุดมั่วเพราะพันธมิตรฯ ไม่เคยลงเลือกตั้ง พันธมิตรฯ ไม่ใช่พรรคการเมือง และปฏิเสธการลงเลือกตั้งของพรรคการเมืองใหม่ พันธมิตรฯ ประกาศโหวตโนปฏิเสธนักการเมืองทุกพรรค จะเหมาเอาความพ่ายแพ้ของ ปชป.มารวมกับพันธมิตรฯ ก็คงจะไม่ได้
ศ.ดร.เกษียร ตอบมาว่า
คำถามนี้มุ่งต่อท่าทีพื้นฐานของพันธมิตรฯที่ปฏิเสธการเมืองในระบบรัฐสภา และไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งของเสียงข้างมาก จุดยืนต่อต้านไม่ใช่แค่ค้านระบบการเมืองของพันธมิตรฯ นี้เป็นปัจจัยหลักหนึ่งที่บ่อนทำลายเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ปรากฏว่าการเคลื่อนไหวปฏิเสธระบบรัฐสภาบนท้องถนนแบบอนาธิปไตยของพันธมิตรฯบรรลุผล ในที่สุด พันธมิตรฯ ก็แพ้ให้แก่ระบบรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งนำพรรคการเมืองที่พันธมิตรฯปฏิเสธแต่เสียงข้างมากลงคะแนนให้กลับมาเป็นรัฐบาลอีก นี่คือ ความหมายของคำว่า “แพ้เลือกตั้ง” น่าเสียดายที่ บก.บห.โคตรฉลาดไม่เข้าใจนะครับ
ข้อเสนอของผมด้วยความปรารถนาดีต่อพันธมิตรฯ คือ ต่อสู้ในระบบเสรีประชาธิปไตยตามวิถีทางของฝ่ายค้าน ไม่ว่าอยู่ในหรือนอกสภา ละเลิกแนวทางอนาธิปไตยที่สุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรงและเสี่ยงภัยต่อชีวิตร่างกายทรัพย์สินของมวลชนพันธมิตรฯเสีย เพื่อเห็นแก่ประเทศชาติ
นายสุรวิชช์ตอบอีกครั้งว่า
ตอนไหนครับที่พันธมิตรฯ ปฏิเสธการเมืองในระบบรัฐสภา ตรงไหนที่พันธมิตรฯ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ตอนที่พรรคพลังประชาชน ชนะ พันธมิตรฯ ก็ประกาศรับผลการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่พันธมิตรฯออกมาคัดค้าน คือ การใช้อำนาจมิชอบ ลองไปไล่อ่านแถลงการณ์พันธมิตรฯ ในยุคนั้นดู ถ้าไม่มีผมจะส่งไปให้ แจกฟรีไม่ขาย
ตอนพรรคเพื่อไทยชนะการเลื่อกตั้ง และได้ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ พันธมิตรฯ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งเหรอครับ ไม่เคยเลยครับอย่ามั่ว พันธมิตรฯ ไม่เคยออกมาขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์หรือประกาศไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง แต่ประกาศชัดเจนว่า จะออกมาชุมนุมตามเงื่อนไข 2 ข้อคือ การละเมิดอำนาจสถาบันพระมหากษัตริย์ และลบล้างความผิดทักษิณและพวก
ส่วนข้อเสนอให้ละเลิกแนวทางอนาธิปไตยสุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรงและเสี่ยงต่อชีวิตทรัพย์สินนั้น เป็นแนวปฏิบัติของพันธมิตรฯ เสมอมาอยู่แล้ว ทำไมไม่โทษฝ่ายที่เอาปืนมาไล่ยิงพันธมิตรฯ ละครับ พันธมิตรฯ ถูกอำนาจมืดไล่ยิงนะครับ ไม่ได้เอาปืนไปยิงต่อสู้กับอำนาจรัฐจนมีคนล้มตายนับร้อยคนแบบคนเสื้อแดง
สำหรับคำถามข้อที่ 3 ที่นายสุรวิชช์ตอบไปดังนี้
3.ที่พันธมิตรฯ โดนข้อหาก่อการร้ายก็เพราะอำนาจรัฐ ผมไปรับฟังข้อกล่าวหาต่อตัวเองก็รู้ว่าตำรวจมั่วแต่งนิยาย และข้อหาก่อการร้ายก็มาจากการไปแจ้งความของเหวง แต่นั่นก็ช่างเถอะ พันธมิตรฯ ประกาศชัดเจนว่า พร้อมจะสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่หนี และไม่เอานิรโทษกรรม เห็นแต่พวกเสื้อแดงต่างหากที่เรียกร้องให้นิรโทษกรรมตัวเอง
ศ.ดร.เกษียร ตอบกลับมาอีกว่า
ขอให้พันธมิตรฯ ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ตามหลักการที่ว่าต้องสันนิษฐานว่าผู้ต้องหาบริสุทธิ์ไว้ก่อนจนกว่าจะถูกพิสูจน์อย่างเปิดเผย และมีการต่อสู้โต้แย้งคดีในศาลอย่างเป็นธรรม ว่า ผิดจริง จึงจะถือว่าผิด พลเมืองไทยไม่ว่าเสื้อสีไหน ยึดถือความคิดการเมืองใด ควรได้รับการปฏิบัติต่ออย่างเป็นธรรม เสมอภาค เคารพเกียรติศักดิ์ศรีของกันและกัน เยี่ยงมนุษย์ผู้เจริญ ไม่โกหกใส่ร้ายป้ายสีแบบที่สื่อเลือกข้างสำนักต่างๆ มักจะทำ
นายสุรวิชช์ ตอบ
พันธมิตรฯ ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ไม่นั้นจะออกมาคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ปรองดองที่ตัวเองก็ได้ประโยชน์ทำไม การแสดงความเห็นทางวิชาการเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรโกหกใส่ร้ายป้ายสีแบบที่นักวิชาการเลือกข้างชอบทำ