อดีตโทรโข่ง “มาร์ค” ยันจี้ปิดประชุมหวังบ้านเมืองสงบ เสียดายนายกฯ โยนขี้ให้สภา ย้ำ พ.ร.บ.ปรองดองต้นตอขัดแย้ง สับ “ปู” ไม่รู้หน้าที่ ฉะอย่าตีสองหน้า แนะจับตานัดโหวตแก้ รธน.วาระ 3 จันทร์นี้หรือไม่ เชื่อรัฐมีธงดัน กม.ให้เสร็จตามประสงค์นายใหญ่ ซัด พท.ล่าชื่อถอดตุลาการไม่เคารพกติกา หยัน “ก่อแก้ว” ปูด “ส.” สร้างเรื่องเท็จให้ก๊วนก่อตัว ระบุป้ายต้านล้างผิดไม่ผิด พ.ร.บ.มั่นคง ยุเจ้าของแจ้งจับ ตร.ข้อหาลักทรัพย์
วันนี้ (6 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ตัวแทนวิปฝ่ายค้านยื่นหนังสือต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ ครม.ออก พ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุมว่า พรรคประชาธิปัตย์อยากให้บ้านเมืองสงบไม่อยากให้การประชุมสภาเป็นเงื่อนไขความขัดแย้ง แต่น่าเสียดายที่นายกรัฐมนตรีปฏิเสธความปรารถนาดีของพรรค และยังปฏิเสธความรับผิดชอบด้วยการโยนเรื่องนี้กลับไปที่สภา จึงอยากทำความเข้าใจกับนายกรัฐมนตรีว่า อำนาจการออก พ.ร.ฎ.เป็นของ ครม. ไม่ใช่ของสภา การมอบให้นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปประสานงานเพราะอำนาจในการปิดสมัยประชุมไม่ใช่ของประธานสภา จึงไม่อยากให้หลงประเด็น ทั้งนี้เห็นว่าปัญหาความขัดแย้งอยู่ที่ พ.ร.บ.ปรองดอง ซึ่งค้างการพิจารณาอยู่ในสภา โดยนายกรัฐมนตรีคือผู้ที่จะต้องนำความปรองดองให้เกิดในชาติ เมื่อนายกฯ ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง พยามโยนเรื่องให้คนไม่มีหน้าที่ทำแทน ความขัดแย้งจะไม่คลี่คลายลงไป จึงไม่อยากให้มีการโยนเรื่องทั้งหมดมาให้สภา เพราะรัฐบาลกับสภาคือพรรคเพื่อไทย มีเสียงข้างมากค้ำบัลลังก์อยู่ อย่าแบ่งหน้ากันเล่นหรือตีสองหน้าระหว่างรัฐบาลกับสภา
ส่วนกรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นัดประชุมรัฐสภาวันที่ 8 มิ.ย. โดยอ้างว่าเพื่อพิจารณากรอบข้อตกลงระหว่างประเทศตามมาตรา 190 นั้น นายเทพไทกล่าวว่า มีวาระซ่อนเร้นหรือไม่ จะมีการผลักดันวาระสามรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ปรองดองหรือไม่ เพราะรัฐบาลไม่ยอมปิดสมัยประชุม การเปิดสภาต่อไปจะทำให้มีการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนตามมา โดยล่าสุด นปช.เตรียมส่งคนเสื่้อแดงปิดล้อมสภา เชื่อว่าในวันพรุ่งนี้คือวันที่ 7 มิ.ย. จะมีกลุ่มนปช.ไปเคลื่อนไหวต่อต้านศาลรัฐธรรมนูญและเรียกร้องให้สภาลงมติวาระ 3 โดยจะใช้วิธีพักค้างคืนที่สภา รวมทั้งปิดล้อมรัฐสภาดักหน้าไม่ให้กลุ่มอื่นเข้ามาในพื้นที่ จึงเชื่อว่าม็อบนี้จะอยู่ยาวจนถึงวันพิจารณารัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น และผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดองสำเร็จ จึงต้องจับตามองว่าในวันจันทร์ที่ 11 ประธานรัฐสภาจะมีคำสั่งเรียกประชุมหรือไม่ โดยเห็นว่ารัฐบาลมีธงรอจังหวะเหมาะสมผลักดันกฎหมาย 2 ฉบับให้สำเร็จตามธงของนายใหญ่ ไม่เช่นนั้นก็คงปิดสมัยประชุมไปแล้ว จึงขอเรียกร้องให้ประธานรัฐสภา และนายกรัฐมนตรี กลับไปดูข้อเสนอของ คอป.ที่ระบุว่าไม่ควรมีการสร้างเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยที่จับมือกับกลุ่ม นปช.ล่ารายชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายเทพไทกล่าวว่า ทำไมพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงจึงไม่เคารพกติกาและกฎหมาย ทั้งที่การทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ปฏิบัติหน้าที่มาหลายครั้ง วันที่ตัดสินเป็นคุณก็ชื่นชมศาลแต่พอเสียประโยชน์ก็ออกมาขับไล่ และเห็นว่าการนำโบสีดำไปผูกที่ศาลเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม รัฐบาลจะต้องตระหนักเรื่องการปลุกม็อบขึ้นมาชนม็อบระหว่างผู้สนับสนุนและคัดค้าน เพราะผู้รับผิดชอบคือนายกรัฐมนตรี เนื่องจากต้นเรื่องที่หมดอยู่ที่นายกฯ จึงไม่อยากให้ประธานสภาดึงดันเปิดสภาต่อ ตามคำแนะนำของพรรคเพื่อไทย แต่อยากให้ฟังนักวิชาการเป็นกลาง ฟังนักกฎหมายมากกว่านักกฎมั่วในพรรคเพื่อไทย
ส่วนที่ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่ามีคนของพรรคอักษรย่อ ส.เสือ ล้มรัฐบาลเพื่อเปลี่ยนขั้วนั้น นายเทพไทกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีเจตนาล้มรัฐบาลแต่พรรคยินดีที่จะให้รัฐบาลบริหารประเทศจนครบวาระ ไม่คิดใช้วิธีนอกระบบล้มอำนาจรัฐ ดังนั้น การระบุว่าอักษร ส.เสือ ไปล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาลนั้นเป็นเพียงจินตนาการ เพื่อสร้างกระแสเท็จสร้างประเด็นให้คนเสื้อแดงเข้าร่วมการชุมนุมมากๆ
นายเทพไทกล่าวถึงการติดป้ายต่อต้าน พ.ร.บ.ล้างผิดซึ่งทางพรรคเพื่อไทยเตรียมจะนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นยุบพรรคประชาธิปัตย์ และกดดันตำรวจให้เก็บป้ายนั้นว่า ตนยืนยันว่าป้ายดังกล่าวไม่ผิดฎหมายความมั่นคง หากจะมีความผิดก็เพียงแค่ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด มีโทษปรับเท่านั้น การกระทำของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กำลังใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ สถาปนารัฐตำรวจขึ้นมาใหม่ ไม่ต่างอะไรจากยุคพี่ชายคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมีการสั่งย้ายตำรวจที่ไม่เก็บป้ายต่อต้านรัฐบาล ทั้งนี้ เห็นว่าถ้ารัฐบาลยังเก็บป้ายทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจสุ่มเสี่ยงทำผิดข้อหาลักทรัพย์ โดยเจ้าของป้ายสามารถแจ้งข้อหาลักทรัพย์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
