xs
xsm
sm
md
lg

บก.บห.ASTV โต้ “เกษียร” หลังกล่าวหามวลชนต้าน พ.ร.บ.ปรองดอง คือ “พลังแปลกปลอม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการ – บก.บห.เอเอสทีวีอัด “เกษียร” แสดงความเห็นสมฉายา “จตุพรทางวิชาการ” หลังกล่าวหาพันธมิตรฯ และประชาชนที่ออกมาต้าน พ.ร.บ.ปรองดองคือ พลังแปลกปลอมที่ไม่เชื่อในเรื่องสิทธิเสรีภาพและระบอบปชต. ชี้ประชาธิปไตยไม่เท่ากับการเลือกตั้งทุก 4 ปี ยันประชาชนมีพลังกำหนดชะตาบ้านเมือง

วานนี้ (1 มิ.ย.) นายเกษียร เตชะพีระ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เขียนบันทึกลงในเฟซบุ๊ก Kasian Tejapira วิพากษ์วิจารณ์การที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประชาชนทั่วไป รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรองดอง พ.ศ.... ที่มีเนื้อหาเอื้อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษผู้หลบหนีโทษพิพากษาจำคุกจากศาลฎีกา รวมถึงพรรคพวกให้พ้นผิดจากการกระทำผิดกฎหมายอาญา การคอร์รัปชัน ทั้งได้ทรัพย์สินที่ถูกศาลฎีกาตัดสินให้ยึดทรัพย์จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาทคืน ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. 2555 จนกระทั่งวานนี้ ทำให้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้สั่งเลื่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองอย่างไปอย่างไม่กำหนดและต่อมามีคำสั่งให้งดการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในวันอังคารที่ 5 มิถุนายน 2555 และประธานสภาผู้แทนราษฎร มีคำสั่งให้งดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันพุธ 6 มิถุนายน และวันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน 2555

นายเกษียร ซึ่งเพิ่งได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการข้าราชการพล เรือนในสถาบันอุดม ศึกษา (ก.พ.อ.) ให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กล่าวว่า การแสดงพลังของพันธมิตรฯ และพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ เปรียบได้กับพลังแปลกปลอมที่ทำให้ “ประชาธิปไตยเป็นอัมพาต” และเป็นการแสดงให้เห็นว่าคนทั้งสองกลุ่มไม่เชื่อในเรื่องสิทธิเสรีภาพ และระบอบประชาธิปไตย

“การปิดล้อมสภาก็คือการปิดล้อมช่องทางการใช้อำนาจอธิปไตยของประชาชน และการรัฐประหารก็คือการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนไป อย่างแรกทำให้ประชาธิปไตยเป็นอัมพาต อย่างหลังเป็นการสังหารประชาธิปไตย ทั้งสองประการมุ่งทำให้อำนาจของประชาชน impotent คือหมดสมรรถภาพ เหมือนบุคคลง่อยเปลี้ยเสียขาพิการ มีชีวิตแต่ไม่มีอำนาจเหนือตนเอง ดูแลจัดการปกครองตนเองไม่ได้” นายเกษียรระบุ

พลังแปลกปลอมจะไม่สามารถชนะอย่างยั่งยืนในระบอบเสรีประชาธิปไตย
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
คิดอย่างซีเรียส การปิดล้อมสภาก็คือการปิดล้อมช่องทางการใช้อำนาจอธิปไตยของประชาชน และการรัฐประหารก็คือการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนไป อย่างแรกทำให้ประชาธิปไตยเป็นอัมพาต อย่างหลังเป็นการสังหารประชาธิปไตย ทั้งสองประการมุ่งทำให้อำนาจของประชาชน impotent คือหมดสมรรถภาพ เหมือนบุคคลง่อยเปลี้ยเสียขาพิการ มีชีวิตแต่ไม่มีอำนาจเหนือตนเอง ดูแลจัดการปกครองตนเองไม่ได้

ในทางกลับกัน สภาที่ลงมติผิดพลาด ก็คือการใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชนอย่างผิดพลาด เมื่อใดที่ประชาชนตระหนักว่ามันผิดพลาด เมื่อนั้นประชาชนก็จะเลือกคณะพรรคผู้แทนชุดใหม่หรือยึดนโยบายใหม่เข้ามาแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ แต่หากประชาชนไม่คิดเช่นนั้น กลุ่มเสียงข้างน้อยก็มีสิทธิเสรีภาพจะรณรงค์โฆษณาประชาสัมพันธ์ต่อไปได้เรื่อย ๆ จนกว่าประชาชนส่วนข้างมากจะเปลี่ยนใจมาเห็นด้วยกับตน

การที่พันธมิตรฯ กลุ่มเสื้อหลากสีและประชาธิปัตย์เลือกใช้วิธีแรกสะท้อนว่าพวกเขาไม่เชื่อประชาชน (ว่าจะคิดเองเป็นและเปลี่ยนใจได้หากเห็นจริงว่าสิ่งใดถูกต้อง) ไม่เชื่อตนเอง (ว่าจะสามารถใช้เหตุผลข้อเท็จจริงเปลี่ยนใจประชาชนได้) ไม่เชื่อสิทธิเสรีภาพ (ว่าเป็นช่องทางให้ต่อสู้ด้วยเหตุผลเพื่อเปลี่ยนใจประชาชนอย่างสันติ) และไม่เชื่อประชาธิปไตย (ว่าเป็นระบบที่เปิดให้ประชาชนแก้ไขข้อผิดพลาดได้ด้วยการเลือกตัวแทนใหม่หากต้องการ)

ไม่มีทางที่กลุ่มบุคคลที่ไม่เชื่อประชาชน ไม่เชื่อตนเอง ไม่เชื่อสิทธิเสรีภาพและไม่เชื่อประชาธิปไตย จะชนะในระบอบเสรีประชาธิปไตยได้ ต่อให้ปิดสภา ยึดอำนาจ ก็ไม่นานและไม่ยั่งยืน ได้แต่ชะลอวันพ่ายแพ้ราบคาบออกไปด้วยการทำลายตนเอง ทำลายคนอื่น ทำลายระบบเท่านั้น

จากบันทึกดังกล่าวของนายเกษียรทำให้ นายสุรวิชช์ วีรวรรณ บรรณาธิการบริหารสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี เขียนข้อความโต้แย้งนายเกษียรผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุว่า การออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน พ.ร.บ.ปรองดองของพันธมิตร คือ การแสดงความเชื่อมั่นในเสรีภาพของประชาชน และความเชื่อมั่นว่าประชาชนสามารถกำหนดการเมืองให้อยู่ในครรลองคลองธรรมที่ถูกต้องได้ มิใช้เพียงแต่การพึ่งพาการเมืองระบบตัวแทนที่ประชาชนมีสิทธิ์ในการเลือกตั้งเพียงแค่ 4 ปีครั้งเท่านั้น

“ประชาธิปไตยของเกษียรคือ เมื่อ ส.ส.ได้อำนาจแล้วจะใช้อำนาจอย่างไรก็ได้ ถ้าไม่ดีอีก 4 ปีค่อยมาเลือกใหม่ โคตรโง่บรมเลย ประชาธิปไตยนั้นมันไม่ได้มีแค่ในสภาแล้วอำนาจประชาชนมันแค่เข้าไปกาบัตรเลือกตั้งโว้ย ท่านศาสตราจารย์

“ที่ประชาชนเขาออกมาแสดงพลังนั่นแหละที่เขาเชื่อในเสรีภาพของตัวเอง เขาเชื่อประชาธิปไตย และเชื่อว่าประชาชนสามารถกำหนดการเมืองให้อยู่ในครรลองที่ถูกต้องได้ เขาเชื่อว่าการออกมาขับไล่การใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมคือความชอบธรรมของประชาธิปไตย ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่ทำให้ถูกใจเกษียร” นายสุรวิชช์ระบุและกล่าวเปรียบเทียบด้วยว่า สมแล้วที่นายเกษียรได้รับฉายาจากคนบางกลุ่มว่าเป็น “จตุพรทางวิชาการ”

ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงปี 2552-2553 ที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ คนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทยออกมาเคลื่อนไหวใช้ความรุนแรง เผาบ้านเผาเมือง นายเกษียร นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มธ. กลับไม่เคยกล่าวประณามการกระทำดังกล่าวของคนเสื้อแดงอย่างรุนแรงเลย
หน้าเฟซบุ๊กนายเกษียร เตชะพีระ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


กำลังโหลดความคิดเห็น