xs
xsm
sm
md
lg

ฝ่าย กม.สภาฯ เสนอ “ขุนค้อน” เดินหน้าแก้ รธน.วาระ 3 อ้างคำสั่งศาล รธน.ไร้ผลผูกพัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คณะกรรมการฝ่ายกฎหมายสภาฯ เสนอความเห็นต่อประธานสภาฯ ไม่ต้องทำตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้ชะลอการลงมติร่างแก้ไข รธน.วาระ 3 อ้างคำสั่งไม่เป็นไปตาม ม.216 ของ รธน.ไม่มีผลผูกพันรัฐสภา

วันนี้ (6 มิ.ย.) นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานและเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของประธานรัฐสภา แถลงว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือที่ ศร 006/440 เรื่องแจ้งคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญลงวันที่ 1 มิ.ย. 2555 มีคำสั่งมายังเลขาธิการสภาฯ ให้แจ้งประธานรัฐสภาให้รอการดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยนั้น ตนในฐานะเลขาธิการรัฐสภาได้นำความกราบเรียนต่อประธานรัฐสภาเพื่อทราบโดยมีความเห็นของคณะกรรมาการประสานงานฯ เสนอไปด้วย 6 ข้อ ดังนี้

1. มาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญกำหนดว่า พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจอธิปไตยทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาลตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญดังนั้น ความสัมพันธ์ระหว่าสงรัฐสภา คณะรัฐมนตรีและศาลจึงต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้โดยชัดแจ้งในรัฐธรรมนูญเท่านั้น เป็นผลให้การที่รัฐสภาจะผูกพันต้องปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำวินิจฉัยใดขององค์กรใดจะต้องมีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งให้ผูกพันหรือปฏิบัติตาม

2. มาตรา 216 ของรัฐธรรมนูญกำหนดให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาดมีผลผูกพันรัฐสภาโดยคำวินิจฉัยนั้นต้องทำโดยองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่น้อยกว่า 5 คนซึ่งผู้เป็นองค์คณะทุกคนต้องทำความเห็นในคำวินิจฉัยในส่วนตนและประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ได้ปรากฏว่ามีลักษณะตามที่มาตรา 216 ของรัฐธรรมนูญกำหนด จึงไม่เป็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญอันมีผลผูกพันรัฐสภา

3. คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวใช้แบบหนังสือเรียกเอกสาร หลักฐานหรือบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรค 2 ประกอบมาตรา 213 วรรค 1 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 264 ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ. 2550 ข้อ 6 อันเป็นการใช้อำนาจกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราว แต่รัฐสภามิใช้หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่นอันอยู่ภายใต้บังคับของมาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญ รัฐสภาจึงไม่ผูกพันต้องปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว

4. มาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญกำนดให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาและการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาต้องเป็นไปตามมาตา 122 ของรัฐธรรมนูญที่กำหนดว่าสมาชิกรัฐสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยโดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติ มอบหมายหรือความครอบงำใดๆ และต้องปฎิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนร่วมของปวงชนชาวไทย

5. คำสั่งของสาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นการออกคำสั่งต่อเลขาธิการสภาฯ ให้แจ้งประธานรัฐสภาให้รอการดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ก่อน มิใช่เป็นการออกคำสั่งต่อประธานรัฐสภาหรือรัฐสภา

6. การดำเนินการโดยประการใดของประธานรัฐสภา และรัฐสภาในเรื่องนี้อาจส่งผลต่อบรรทัดฐานการปฏิบัติหน้าที่ในอนาคตของฝ่ายนิติบัญญัติ

เมื่อถามว่าท่าทีของคณะกรรมการฯ แสดงว่ารัฐสภาจะลงมติในร่างฯ แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ได้ เลขาธิการสภาผู้แทนฯ กล่าวว่าเป็นเพียงความเห็นให้ประธานสภาฯ ประกอบการใช้ดุลพินิจ และการตัดสินใจและเป็นหน้าที่ของประธานสภาฯจะใช้ดุลพินิจ ทั้งนี้คณะกรรมการชุดนี้มีตั้งแต่นายวัน มูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาฯ และทุกเรื่องที่เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติก็จะมาคุยกันที่นี้ก่อนเสนอต่อประธานสภาฯ และเป็นการพิจารณาเรื่องนี้ก็เป็นไปตามกรอบของกฎหมายเพราะคณะกรรมการทุกท่านมาจากฝ่ายกฎหมายของรัฐสภา แต่เราไม่ได้ดูไปถึงตีความขอกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 68 แต่เราพิจารณาเพียงศาลมีคำสั่งให้เราทำอย่างไร หรือไม่ดำเนินการอะไรและมีผลผูกพัน และผลต่อความคิดเห็นอย่างไร ก่อนหน้านั้นเราไม่ได้พิจารณาว่าชอบหรือไม่ชอบอย่างไร ก็ถือว่าศาลสั่งแล้วก็คงจะชอบ แต่คณะกรรมการฯ ได้มองว่า คำสั่งของศาลนั้นไม่ผูกพันรัฐสภา

“ผมประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ที่ได้รับคำสั่งจากศาลและนำความกราบเรียนไปแล้ว และท่านก็รับทราบ ก็พยายามหาข้อคิดเห็นเพิ่มเติมว่ามีประเด็นอื่นๆ หรือไม่ ประกอบการใช้ดุลพินิจ ดังนั้น หากมีการลงมติในวาระ 3 ก็จะเข้ากระบวนการตามรัฐธรรมนูญต่อไป ส่วนผู้ที่ลงมติจะมีผลกระทบหรือไม่ หากเชื่อตามที่เราเสนอไป ก็แสดงว่ามีความมั่นใจ เพราะเราก็สุจริตไม่มีฝักใฝ่พรรคการเมืองใด ความผูกพันก็แบ่งส่วนกันไป ใครก็คิดเห็นอย่างไรก็ไม่เป็นไรเพราะกรรมการก็มีความรักชาติบ้านเมืองเช่นกัน” นายพิทูรกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น