“อำมาตย์เต้น” ปรามตุลาการอย่าลนจ้อยุบพรรค ชี้ยิ่งทำชาวบ้านสงสัยมากขึ้น ยันสภาไม่ต้องทำตาม ซัด “วสันต์” พูดเหมือนประชาธิปัตย์ จี้ทบทวนบทบาท ถามเชื่อในประชาธิปไตยหรือเผด็จการ แนะอย่าตอกลิ่มสถานการณ์ โอ่กระบวนการชอบด้วยกม. ชูถึงเวลานิติบัญญัติปกป้องเกียรติยศ จี้ตอบทำไม “สนธิ” รู้ก่อนทุกที เผยแดงล่าชื่อถอดแล้ว สับอำมาตย์ยังเคลื่อนไหวแต่เชื่อไม่มีฉายหนังซ้ำแน่
วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหากรัฐสภายังเดินหน้าลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 อาจนำมาสู่การยุบพรรคว่า คิดว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรจะลุกลี้ลุกลนแสดงท่าทีอะไรแบบนั้น ประชาชนสงสัยอยู่แล้วว่า จู่ๆ ท่านออกคำสั่งแบบนี้มา แล้วถ้าหากท่านรีบพูดเลยเถิดไปถึงขั้นว่าจะมีการยุบพรรคกันเข้ามาด้วย มันก็มีแต่จะทำให้สถาบันตุลาการ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญถูกมองด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ประชาชนมากขึ้น ส่วนตัวมองว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจที่จะออกคำวินิจฉัยแบบนี้ และเมื่อมีคำวินิจฉัยเช่นนี้ออกมาก็ไม่มีผลผูกพันให้รัฐสภาต้องปฏิบัติตาม ถ้าฟังคำสัมภาษณ์ของนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตนเห็นว่านั่นไม่ใช่ท่าทีของตุลาการ แต่เป็นท่าทีทางการเมือง ทั้งประเด็นและสาระไปสอดคล้องต้องกันกับที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามพูดมาตลอดแบบพอดิบพอดี ตุลาการควรจะทบทวนท่าทีและบทบาทของเอง และขอตั้งคำถามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 คนว่า ท่านมีทรรศนะหรือมีความเชื่อทางการเมืองในรูปแบบใด เชื่อในระบอบประชาธิปไตย หรือเชื่อระบอบเผด็จการระบอบอภิสิทธิชน หลายเรื่องตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคณะนี้แสดงออกมาประชาชนดูก็ไม่สบายใจอยู่แล้ว คิดว่าท่านไม่ควรจะเติมเชื้อของความไม่พอใจ ไม่ควรตอกลิ่มสถานการณ์ให้เกิดความสับสนอลหม่านระหว่าง 3 อำนาจในระบอบประชาธิปไตย
“กระบวนรัฐสภาที่ผ่านมาชอบแล้วด้วยกฎหมายก็น่าจะที่จะเดินหน้าต่อไป และผมก็เป็นส.ส.คนหนึ่งที่สนับสนุนการดำเนินการนี้ มันถึงเวลาที่อำนาจนิติบัญญัติของประชาชนจะได้ปกป้องเกียรติศักดิ์ของประชาชนในการทำให้เรื่องนี้มีความชัดเจนว่าเป็นเรื่องของกระบวนการนิติบัญญัติ แล้วไม่ได้ทำตามอำเภอใจ แต่ทำตามกฎหมายเปิดเผยทุกประการ ศาลรัฐธรรมนูญเองต่างหากที่ตีความกฎหมายเข้าข้างปฏิบัติการของพวกตนเอง แล้วต้องตอบด้วยว่าทำไมบนเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ ถึงประกาศก่อนว่าจะมีข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการทั้ง 8 ท่านอธิบายเรื่องนี้ได้หรือไม่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล พูดเหมือนอย่างกับรู้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นทางการเมืองทุกที ผมขอเสนอให้ฝ่ายรัฐสภาเดินหน้าต่อไป เพราะจะทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันครั้งสำคัญของสังคมไทยว่า นิติบัญญัติคือนิติบัญญัติ บริหารคือบริหาร ตุลาการคือตุลาการ มีเพียงบางส่วนที่ทำตัวเป็นตุลาเกิน ทำเกินหน้าที่” นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ส่วนเรื่องการถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น พี่น้องคนเสื้อแดงได้ดำเนินการแล้ว มีการรวบรวมรายชื่อถอดถอนตุลาการจำนวน 8 คนออกจากการดำรงตำแหน่ง เรื่องนี้ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนทำได้ และเป็นเรื่องที่เจ้าของอำนาจอธิปไตยจะต้องตรวจสอบผู้นำอำนาจอธิปไตยไปใช้อย่างเข้มข้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้นไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน แต่เข้าไปแทรกแซงอำนาจนิติบัญญัติที่มาจากประชาชนอย่างเปิดเผยชัดแจ้ง จึงถึงเวลาที่ประชาชนจะแสดงตัวไม่ยอมรับบทบาทแบบนี้ ชัดเจนไปตรงมา ตุลาการบางท่านก็เคยเป็น ส.ส.ร.50 มาก็ไม่น่าจะมาลงมติแบบนี้ด้วยซ้ำไป
นอกจากนี้ รมช.เกษตรฯ ยังเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้กำลังมีผู้อำนวยการสร้างหนังรายเดิมพยายามที่จะฉายหนังเรื่องเดิมอีกครั้ง เป็นหนังที่เริ่มจากปี 48 และไปจบตอนปี 51 ตอนที่พรรคประชาธิปัตย์พลิกกลับมาเป็นรัฐบาล เพียงแต่ถ้าใครคิดจะฉายหนังเรื่องเดิมอีก ขอให้ตระหนักว่า ประชาชนเขาไม่ได้นั่งมองดูหนังอยู่ในโรงอย่างเดียวแล้ว แต่ได้ออกมาแสดงตามสิทธิแล้ว หนังเรื่องนี้ไม่มีทางฉายแบบเดิมได้อีก ทั้งนี้ กระบวนการดังกล่าวเป็นกระบวนการอำนาจนอกระบบพยายามที่จะจัดการการเมืองตามที่ตัวเองต้องการ ซึ่งเรื่องนี้ยอมรับไม่ได้ มีคนบางกลุ่มพยายามใช้อำนาจตุลาการรุมกินโต๊ะอำนาจฝ่าบริหารและนิติบัญญัติตลอดมา
เมื่อถามว่า แสดงว่าการเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ของนายกฯ ไม่ได้ผล รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า นายกฯเข้าพบก็มีวาระแตกต่างกันไป ไม่มีครั้งไหนที่ไปหารือเรื่องการเมือง ดังนั้นจะเอาปรากฏการณ์นั้นมาอธิบายภาพการเมืองเวลานี้ไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่า อำนาจนอกระบอบที่คนเสื้อแดงเคยระบุว่าเป็น พล.อ.เปรม ยังไม่หยุดใช่หรือไม่ รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า เราพูดการดำเนินการในลักษณะที่เป็นกระบวนการไม่ได้หมายถึงตัวบุคคล กระบวนการนี้มีความเป็นไปสูงว่ายังเคลื่อนไหวอยู่ เป็นระบอบอำมาตยาธิปไตย
ต่อข้อถามว่า มองว่าประเทศไทยควรจะมีศาลรัฐธรรมนูญต่อไปหรือไม่ รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า ตนไม่มีปัญหากับการดำรงอยู่ของศาลรัฐธรรมนูญ แต่มีปัญหาของท่าทีกับการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยิ่งนึกภาพบรรยากาศที่คุยกันในคลิปวิดีโอที่ผ่านมา บอกตรงๆ ว่าขนลุก และไม่นึกเลยว่าคนกลุ่มนั้นจะยังนั่งอยู่บนบัลลังก์ศาลรัฐธรรมนูญ