สิ่งที่ “จตุพร” กลัวที่สุดก็มาถึง!!

เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด

00 กลายเป็นว่าสาเหตุที่ทำให้ศาล รธน.วินิจฉัยให้ จตุพร พรหมพันธุ์ ต้องตกเก้าอี้พ้นสภาพ ส.ส.มาจากการไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.ส.ตามมาตรา 101(3) เนื่องจากถูกคุมขังโดยคำสั่งของศาลที่เป็นคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ “ขาดคุณสมบัติ”ไม่อาจเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ ซึ่งก็ส่งผลต่อเนื่องไปถึงการไม่อาจเป็น ส.ส.ได้ ถามว่าทำไมในเมื่อเขาขอยื่นประกันตัวเพื่อไปใช้สิทธิ แต่ศาลไม่ให้ออกไป ก็เป็นเพราะเป็นคดีร้ายแรง คือ “ก่อการร้าย” อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์แห่งคดีอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาจึงไม่ให้ประกัน ซึ่งก็สมควรแก่เหตุ อีกทั้งคนที่ถูกขัง โดนคดีร้ายแรงแบบนี้ โดยสามัญสำนึกมันก็ไม่สมควรได้เป็น ส.ส.อยู่แล้ว

00 นอกจากนี้ จตุพร ยังขาดคุณสมบัติในเรื่องการไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองต่อเนื่องครบ 30 วัน เนื่องจากเป็นการยุบสภา ที่เป็นแบบนี้ก็ต้องโยงไปถึงเรื่องการถูกคุมขังและศาลไม่ให้ประกันตัว เพราะเป็นคดีร้ายแรงจนไม่อาจไม่ใช้สิทธิเลือกตั้งจนทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ดังกล่าว อย่างไรก็ดี แม้ว่าเจ้าตัวจะออกปากยืนยันหลังทราบผลคำวินิจฉัย ว่า “ยอมรับชะตากรรม” แต่คล้อยหลังไม่นาน “สันดานเดิม” ก็คายออกมาให้เห็นทันที เพราะเมื่อไปถึงห้างอิมพีเรียลต่อหน้ามวลชนเสื้อแดงก็แถลงเป็นตรงกันข้าม กล่าวหา ทำลายศาล รธน.ทำนองว่า “เกลียด” เขาเข้ากระดูกดำ แถมยังปากเสียไม่เลิกว่า ตุลาการศาล รธน.มี 9 คน แต่เกลียดเขาถึง 10 คน ทำเป็นพูดให้เป็นปริศนา ลับๆ ล่อๆ ให้คนเสื้อแดงเข้าใจไปไกล

00 อย่างไรก็ดี ถ้าพิจารณากันแบบมองลึกเข้าไปในใจของ จตุพร ก็ต้องบอกว่าการกลับคืนสู่ “สถานะเดิม” โดยไม่มีเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มกบาลนี่แหละที่ทำให้เขา “กลัว”นักหนา เพราะต้องไม่ลืมว่าที่ผ่านมาตั้งแต่แรกเริ่มเมื่อปี 52-53 ขณะที่พรรคพวกกำลังติดคุก ถูกดำเนินคดี ตัวเขาก็ใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองรอดพ้นมาได้เรื่อยๆ แต่คราวนี้กลับตรงกันข้าม มีแต่เขาเท่านั้นที่ต้องโดนอาญาร้ายแรงที่มีเป็น “หางว่าว” ก็ต้องเดินหน้าทันที ขณะที่ เหวง โตจิราการ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รวมทั้งคนอื่นๆ รอดตัวไปชั่วคราว ซวยไปเดี่ยวๆ

00 ในอนาคตแม้ว่าจะใจชื้นอยู่บ้าง เมื่อ ทักษิณ ชินวัตร วิดีโอลิงก์เข้ามาส่งสัญญาณล่าสุดย้ำว่าจะตบรางวัลให้ได้นั่งเก้าอี้ รมต.ก็ตาม แต่ถ้าต้องเทียวไปเทียวมา ตระเวนขึ้นศาลในข้อหาฉกรรจ์มันก็ไม่สนุกหนักหรอก ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่พอสิ้นเสียงคำพิพากษาของศาล รธน.อัปเปหิให้พ้น ส.ส. ก็ทำให้ “ต่อมน้ำตาแตก” เพราะนี่คืออารมณ์ความรู้สึกที่สะท้อน “ความกลัว” ออกมาจากข้างในจริงๆ และต้องไม่ลืมว่าคนอย่างจตุพรมีการพิสูจน์ในสถานการณ์วิกฤตแล้วเขาเป็นคนที่ “ตาขาว” คนหนึ่ง เอาตัวรอดทุกครั้ง คราวนี้แหละเจอของจริงก็ต้อง “หนาว”เป็นธรรมดา

00 สังเกตหรือไม่ว่า ท่วงท่า “หยั่งสองขากินรวบ” ของ “แม้ว” กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น นั่นคือ อย่างแรกเดินหน้า “ปรองดองกับอำมาตย์” เต็มตัว ชูและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการเดินหมากต่อเนื่องจากกรณีที่ส่งน้องสาวเข้าหารือลับกับ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งก็ได้ผลในเวทีชุมนุม “รำลึก 2 ปีเผาเมือง” ไม่มีเสียงด่าป๋าให้ได้ยินสักแอะ มีแต่แสดงความเห็นใจกรณี “อากง” พอเป็นพิธีเพื่อรักษามวลชนเอาไว้ แต่เป้าหมายถล่มศาล องค์กรอิสระยังคงไว้เข้มข้น ซึ่งแน่นอนว่า รธน.ที่ร่างซุกเอาไว้มีพิมพ์เขียวจากแดนไกลต้องรื้อให้เหี้ยนแน่นอน สรุปก็คือต้องจูบปากอำมาตย์ รักษามวลชนแดง เพื่อร่าง รธน.รองรับอำนาจและ “รัฐไทยใหม่” สาระมีอยู่แค่นี้จริงๆ!!