xs
xsm
sm
md
lg

พิรุธ “แม้ว” อาการหนัก ดิ้นเร่งนิรโทษฯ แข่งเวลาจำกัด!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ใครก็ตามที่อยู่ในวงการอีเวนต์ที่จัดงานในลักษณะที่ต้องใช้คนจำนวนมากเข้าร่วมก็ต้องมองออกว่าการจัดงาน “สร้างเสริมบารมี” ให้ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งที่ลาวและกัมพูชาเมื่อช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมาต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย และรับรองว่าด้วยคนจำนวนมากดังกล่าวยิ่งต้องมีการเตรียมการรองรับทุกอย่าง ทั้งค่าโรงแรม ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ารักษาความปลอดภัย ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เงินจำนวนมาก และยิ่งมีการเปิดฟรีในกัมพูชาอย่างเต็มที่ แต่เชื่อแน่ว่าเบื้องหลังมันต้องมี “ค่าใช้จ่าย”

ถ้าพิจารณาตามรูปการแล้วงานนี้ต้องมีการแบ่งจ่ายกันแบบสองฝั่ง นั่นคือฝั่งกัมพูชา กับฝั่งไทย เอาเป็นว่าถ้าไม่นับเรื่องค่าหัวคนเสื้อแดงก็ได้ ถ้ามองอย่างให้เกียรติว่าเวลานี้สามารถฝังหัวให้คล้อยตามได้แล้ว แต่ในเรื่องค่ารถค่าน้ำมันก็ต้องมีการอุดหนุนกันบ้าง โดยเฉพาะต้องผ่านหัวโจกกันมาเป็นทอดๆ ซึ่งรายการนี้หัวเรือใหญ่น่าจะผ่านทางจังหวัดสุรินทร์ ที่ก่อนหน้านั้นทักษิณเคยโฟนอินมาให้ประสานงานกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่นั่น นี่ว่ากันเฉพาะในส่วนที่ข้ามแดนไปกัมพูชา ส่วนพวกที่ข้ามฝั่งไปลาวก็แบ่งสายออกเป็นกลุ่ม ขวัญชัย ไพรพนา ซึ่งก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเหมือนกัน

แม้ว่าแต่ละแห่งจะมีข้อจำกัดไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะที่ลาวมีการจำกัดจำนวนคนเข้าไป รวมไปถึงมีการจำกัดการแสดงออกไม่ให้แสดงอาการเลยเถิด อย่างน้อยก็มีมารยาทรักษาน้ำใจคนไทยอีกจำนวนหนึ่งที่กำลังเพ่งมองอยู่ แต่สำหรับ กัมพูชาของฮุน เซน ถือว่าเต็มเหนี่ยว ไม่ต้องเกรงใจใคร จัดเต็ม ทั้งสถานที่และเปิดรับจำนวนคนเสื้อแดงที่แห่แหนเข้าไปไม่อั้น เอาแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่จัดมาดูแล แม้จะไม่สรุปตัวเลขชัดเจนไม่ได้ แต่เท่าที่ฟังมาตรงกันก็คือ มีนับพันคน ซึ่งก็ย่อมหมายถึงค่าเบี้ยเลี้ยงรองรับ จ่ายขึ้นไปเป็นทอด

ภาพที่ดูภายนอกอลังการ มีคนเสื้อแดงเข้าไปต้อนรับและรดน้ำดำหัว ทักษิณ ที่กัมพูชานับหมื่นคนก็ตาม แต่จากข่าวที่รายงานตรงกันว่าก็ยังมีเก้าอี้ว่างเหลืออีกจำนวนมาก นั่นก็แสดงให้เห็นในเบื้องหลังว่ามีคนเข้ามาไม่มากตามที่กำหนด เอาเป็นว่านี่คือการจัดฉากใหญ่โตอลังการณ์ แต่นั่นเป็นเรื่องรายละเอียด ไม่ใช่ประเด็นหลัก

สิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือ วัตถุประสงค์ของการจัดงานคราวนี้คอการเมืองก็พอประเมินได้ไม่ยากว่านี่คือ การระดมมวลชน ที่กระทำผ่านทักษิณโดยตรง ผิดกับครั้งก่อนๆที่กระทำผ่านหัวโจกคนเสื้อแดง โดยมีเขาจะทำหน้าที่โฟนอินปลุกระดมจากต่างประเทศที่ไหนสักแห่ง แต่สถานการณ์เปลี่ยน ตัวเองมีอำนาจรัฐผ่านมือของน้องสาว ในฐานะนายกรัฐมนตรี ความเหิมเกริม ความอยากที่ซ่อนอยู่ภายในก็ประดังออกมา และคราวนี้ถือเป็นการจัดชุมนุมโดยตรงครั้งแรก ซึ่งมองในเชิงการเมืองนี่ก็คือการ “กดดันนอกสภา” หลังจากที่ผ่านมาพวกเขาได้เปิดเกมรุกในสภาโดยใช้เสียงข้างมากลากไปได้สำเร็จทุกเรื่อง ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังจะโหวตวาระที่ 3 เพื่อจะให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาทำหน้าที่ยกร่างทั้งฉบับตามพิมพ์เขียวที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่กรณีนี้แม้จะเร่งรัดอย่างไรก็ต้องใช้เวลาเกือบปี นั่นคือกว่าเสร็จสิ้นก็ต้องรอถึงปลายปีหน้า

ดังนั้นเชื่อว่าสิ่งที่ ทักษิณ ต้องการก็คือเร่งออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม โดยจะใช้ชื่อ “ปรองดอง” ตบตา และที่น่าสนใจก็คือ คนพวกนี้กำลังเร่งให้ลืมอดีต ให้เลิกแล้วต่อกันอย่างไม่น่าเชื่อ จากเดิมที่เคยด่าอำมาตย์ ด่า “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เช้าเย็นหาว่าอยู่เบื้องหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 พวกหัวโจกคนเสื้อแดงที่ได้ดีอยู่ก็คือยกพวกไปด่าหยาบคายที่หน้าบ้านสี่เสา ตั้งแต่เช้ายันเย็น คนพวกนี้ก็ลืมไปแล้ว เวลานี้บอกว่า ไม่เคยคิดว่า พล.อ.เปรม เป็นคู่ขัดแย้ง มีแต่ให้ความเคารพตลอดเวลา

แต่ที่น่าสังเกตก็คือ ทักษิณมั่นใจว่าได้กลับไทยในปีนี้ โดยกำหนดเดือนเอาไว้ล่วงหน้านั่นคือเดือนกรกฎาคม และสิงหาคมตามลำดับ จากนั้นก็มีการโยงถึงวันสำคัญคือในเดือนกรกฎาคมปีนี้ตรงกับวันครบรอบ 60 พรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และในเดือนสิงหาคมปีนี้ก็ตรงกับ 80 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เหมือนกับว่าเป็นการตั้งธงเอาไว้ล่วงหน้า เป็นการซ่อนนัยสำคัญ ลักษณะเหมือนกับการกดดันบางอย่าง ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็มักใช้วิธีแบบนี้มาก่อน

ประกอบกับก่อนหน้านี้ ก็มีการเตรียมการเรื่องการเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษฯ (ปรองดอง) เข้าสู่สภา และจากการเปิดเผยของ รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็เคยแย้มออกมาให้เห็นแล้วว่าจะยื่นเข้าสภาในสมัยประชุมหน้า ซึ่งหากพิจารณาตามปฏิทินเวลาแล้วก็เป็นไปได้ที่จะประกาศออกมาใช้บังคับในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม เพราะร่างพระราชบัญญัติสามารถใช้เสียงข้างมากยกมือก็ผ่านได้สะดวกแล้ว

ด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้ ทักษิณ มีความมั่นใจว่าเขาพร้อมทั้งในและนอกสภา โดยนอกสภาก็ได้ลงทุนจัดงานอีเว้นท์ใช้บริการจาก ฮุน เซน ขอใช้สถานที่รวมพลคนเสื้อแดงแสดงพลังให้เห็น เพื่อกดดันอีกแรงหนึ่ง แต่อย่างไรก็ดี ในความเคลื่อนไหวดังกล่าวมันก็แสดงให้เห็นถึงอาการร้อนรนของเขาออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน นั่นคือนอกจากพร่ำพูดแต่เรื่องปรองดองแล้ว เขายังได้พยายามให้ความหวังกับคนเสื้อแดงและรากหญ้าให้อดทน ขณะเดียวกันก็ได้ขายฝันนโยบายประชานิยมว่ายังต้องเดินหน้า ที่สำคัญยังมีความสำเร็จ แม้ว่าในความเป็นจริงจะทำไม่ได้หรือมีปัญหา เช่น ราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำแทบทุกชนิด ประกอบกับความล้มเหลวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มันก็ยิ่งทำให้เขาต้องเร่งให้ผ่านการปรองดองลบล้างความผิดออกมาก่อน เพราะเหมือนกับว่าเวลาจำกัดเข้าไปทุกทีแล้วเหมือนกัน

เพราะถ้าทำได้สำเร็จ เขาก็สามารถกลับเข้าประเทศอย่างเท่ ตามที่เน้นย้ำหลายครั้ง ขณะเดียวกันก็สามารถเข้ามาบัญชาการเกมด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องผ่านนายหน้าอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหากมองในภาพรวมแล้วอาจเห็นว่ามีความพร้อมทุกอย่างแล้ว แต่อีกด้านหนึ่งสังคมก็รับรู้เหมือนกันว่า นี่คือการ “บังคับปรองดอง” แบบ เอาเปรียบ สองมาตรฐาน เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ดังนั้นยิ่งเร่งมันก็ยิ่งหายนะ!!
กำลังโหลดความคิดเห็น