ผ่าประเด็นร้อน
ไม่รู้ว่าเรื่องหลอกต้มข้าราชการทั่วประเทศให้ “กินแห้ว” นั่นคือเรื่องขึ้นเงินเดือนเป็น 15,000 บาท ต้องรอไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม 2557 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า และเมื่อถึงวันนั้นแล้วก็ยังไม่มีหลักประกันอะไรว่าจะได้ตามที่รับปากเอาไว้ เดี๋ยวก็อ้างโน้นอ้างนี่สารพัดอีก เหมือนอย่างกรณีการปรับขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท เอาเข้าจริงก็ทำได้แค่นำร่อง 7 จังหวัดเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งก็มีปัญหาตามมามากมาย
ทั้งที่ผ่านมาเคยโม้เอาไว้ตอนหาเสียงว่า ทำทันที ทำพร้อมกันทั่วประเทศ แต่พอเอาเข้าจริงกลับทำไม่ได้ และเรื่องแบบนี้น่าจะ “ถึง ทักษิณ ชินวัตร” หรือเปล่าไม่รู้
ซึ่งก็ได้ผลเมื่อข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดออกไป เกิดเสียโวยวายตามมาดังลั่น ทำให้ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่ากากระทรวงการคลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง ต้องรีบออกมาชี้แจงโดยปฏิเสธว่าไม่เป็นจริงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ย้ำว่า เป็นการปรับฐานเงินเดือนให้ครอบคลุมข้าราชการทุกระดับ
และทุกวุฒิการศึกษา และเพื่อลดเงินค่าครองชีพในอนาคตแล้วเปลี่ยนมาใช้ฐานเงินเดือนใหม่พร้อมกันในปี 2557 ซึ่งที่ผ่านมาไม่รู้ว่าใครมั่วกันแน่ เพราะข่าวออกมาตรงกัน มีการแถลงออกมาอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเรื่อง หลายนโยบายที่ทำแล้วเกิดความล้มเหลวมีปัญหา และมีแนวโน้มส่อไปในทางทุจริต เช่น โครงการรับจำนำข้าว ที่บอกว่าชาวนาจะได้ราคาไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท เอาเข้าจริงก็ได้แค่ไม่ถึงหมื่น เพราะจะถูกโรงสีอ้างความชื้นสูงกดราคาได้รับเงินล่าช้า ทำลายกลไกตลาด ทำให้ต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลโดยไม่คุ้มค่า ขณะเดียวกันยังทำให้ไทยสูญเสียการแข่งขันกับต่างประเทศ เพราะราคาข้าวของไทยมีราคาสูงกว่าประเทศคู่แข่ง และที่สำคัญจากโครงการดังกล่าวยังทำให้ราคาข้าวถุงที่บริโภคภายในประเทศราคาสูงขึ้นจนสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว
ส่วนราคาผลผลิตการเกษตรอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น หอม กระเทียม สัปปะรด มันสำปะหลัง อ้อย ล้วนแล้วแต่ราคาตกต่ำจนเกิดการประท้วงปิดถนนกันวุ่นวาย จนในที่สุดรัฐบาลก็ต้องใช้งบประมาณเข้าไปอุ้มอยู่ตลอดเวลา และเชื่อว่าทุกอย่างก็ล้มเหลว เพราะการรับจำนำก็ต้องซื้อสินค้ามาเก็บในโกดัง จนเกิดการเน่าเสียด้อยคุณภาพ เกิดการสูญเปล่า
เมื่อหันมาพิจารณาเรื่องราคาพลังงานที่เวลานี้กำลังปรับขึ้นทุกวันที่ 16 ของเดือน มันก็ยิ่งเป็นภาระ ล่าสุดก็มีการเก็บเงินจากน้ำมันเบนซินเข้ากองทุนน้ำมันอีกลิตรละ 1 บาท ทำให้ราคาน้ำมันเบนซิน ทั้ง 91 และ 95 เพิ่มอีกลิตรละ 1 บาท ส่วนแก๊สแอลพีจีภาคขนส่งขึ้นอีก กิโลกรัมละ 75 สตางค์
เอ็นจีวีขึ้นอีกกิโลกรัมละ 50 สตางค์ สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นภาระของเพิ่มขึ้นของประชาชนทั้งสิ้น ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้กลับเท่าเดิม หรือต้องว่างงานจากความพยายามลดต้นทุนของบรรดานายทุนทั้งหลาย
นั่นคือปัญหาที่คนไทยส่วนใหญ่กำลังได้รับความเดือดร้อนมากขึ้นทุกวัน จากนโยบายที่ผิดพลาดของพรรคเพื่อไทยคิดนโยบายเพื่อ “เกทับ” หวังเพียงชนะการเลือกตั้งเข้ามายึดอำนาจรัฐเพื่อหวังผลประโยชน์อย่างอื่นเท่านั้นเอง และความด้อยสติปัญญาของ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มันก็ยิ่งส่งผลร้ายเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแล้วมาจากรัฐบาล มีต้นเหตุมาจาก ทักษิณ ชินวัตร ที่ชักใยสั่งการอยู่หลังฉากทั้งสิ้น รวมไปถึงความล้มเหลว ความไม่เอาไหนของน้องสาวตัวเอง ซึ่งคนที่น่าจะรู้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นเขานั่นเอง ว่าคนอย่างยิ่งลักษณ์ นั้นมีสติปัญญาพอที่จะเป็นผู้นำประเทศได้หรือไม่ เพราะเมื่อพิจารณาจากความผิดพลาด ความไม่รู้ ดังที่ประจานออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่องแล้วอย่าว่าจะเป็นผู้บริหารเลย แค่ “หุ่นเชิด” ก็ยังไม่คู่ควร
เพราะการเป็นหุ่นให้คนอื่นเขาเชิดนั้นต้องออกลีลาท่าทางสอดรับกันอย่างกลมกลืนเพื่อให้คนภายนอกมองเห็นภาพอันดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด แต่นี่กลับตรงกันข้ามยืนแข็งทื่อ เพราะขนาดให้อ่านตามบทยังอ่านไม่ออก มันก็เลยกลายเป็นตัวตลก ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่ภายในประเทศแล้ว กำลังลุกลามออกไปนอกประเทศ สื่อต่างชาติรับรู้และรายงานออกไปจนทำให้ศักดิ์ศรีในฐานะผู้นำด้อยลงอย่างน่าอัปยศอดสูที่สุด
น่าสังเกตก็คือเมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างผลประโยชน์และความเดือดร้อนของชาวบ้าน กับ ทักษิณ ชินวัตร แล้วจะเห็นได้ชัดเจนว่าความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง นำมาปฏิบัติให้ได้ผลนั้นต่างกันลิบลับ กลายเป็นว่านโยบายที่อวดอ้างเอาไว้ตอนหาเสียงเป็นเพียงแค่หลอกล่อเอาคะแนนเสียง เพราะเมื่อได้เป็นรัฐบาลและมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ สิ่งแรกที่ตั้งใจทำให้สำเร็จก็คือช่วยเหลือ ทักษิณ ก่อน ส่วนเรื่องอื่นนั้นเอาไว้ทีหลัง
เหมือนอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ก็คือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งเตรียมการเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่กำลังจะตามในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เป้าหมายปลายทางก็ล้วนแล้วแต่เพื่อประโยชน์ของ ทักษิณ เพียงคนเดียว เพราะถ้าลองถามตัวเองดูก็ได้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้ ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับบ้านเมืองและชาวบ้านส่วนใหญ่บ้าง ค่าครองชีพถูก “กระชาก” ลงมาหรือไม่ ข้าวของแพงขึ้นหรือไม่ สินค้าเกษตรดีขึ้น เป็น “ปีทอง” ของชาวนาตามที่มีการขึ้นป้ายคัตเอาท์โฆษณาชวนเชื่อหรือไม่ ที่สำคัญต้องถามว่า ทักษิณ ชินวัต นี่มันเป็นเทวดา เก่งกาจเหนือคนอื่น จนต้องได้รับสิทธิ์พิเศษ จนต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายนิรโทษกรรมลบล้างความผิด ล้างทุจริตที่เคยก่อเอาไว้อย่างนั้นหรือ
ปรากฏการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องชี้หน้าด่าว่าต้นตอของความเดือดร้อนของชาวบ้านส่วนใหญ่เวลานี้ล้วนแล้วแต่มาจาก ทักษิณ ทั้งสิ้น เพราะเป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลังทุกเรื่อง แม้กระทั่งการผลักดันน้องสาวของตัวเองที่พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ไร้สติปัญญาไร้ความสามารถที่จะเป็นผู้นำ และมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะบอกว่า สิ่งที่ทำไปเวลานี้ถ้าเป็นเรื่องของชาวบ้านแล้วโง่ทำยึกยัก แต่ขณะเดียวกันถ้าสิ่งไหนเป็นเรื่องส่วนตัวของ ทักษิณ แล้วกลับเอาจริงเอาจังทำให้เกิดผลสำเร็จได้ทุกเรื่อง !!
