xs
xsm
sm
md
lg

เทียนแห่งธรรม...ไม่เคยดับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ ลิ้มทองกุล” จุดเทียนแห่งธรรมเล่มแรกขึ้นเมื่อปลายปี 2548 เปลวเทียนและแสงแห่งปัญญาปลุกคนไทยให้ตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นสู้กับระบอบทักษิณอย่างองอาจกล้าหาญ

เจ็ดปีผ่านไป...เหตุการณ์บ้านเมืองผันแปรไปตามกาลเวลา แสงเทียนที่เคยสว่างไสว ดูริบหรี่ รางเลือนเหมือนจะดับลงได้ทุกเวลา ระบอบทักษิณกลับคืนมาอย่างฮึกเหิม ยึดครองอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ ลงมือเขียนกติกาใหม่เพื่อกลับดำเป็นขาว ล้างความผิดให้ตัวเองและพวกพ้อง

กระบวนการฉีกรัฐธรรมนูญ 2550 ทิ้งแล้วเขียนใหม่ เพื่อล้มองค์กรอิสระที่เป็นเสี้ยนหนาม เปิดช่องทางแทรกแซงอำนาจตุลาการที่เป็นอุปสรรคในการสร้างรัฐไทยใหม่ ถูกผลักดันอย่างเป็นขั้นเป็นตอนด้วยระบบเสียงข้างมากลากไป

การผลักดันกฎหมายปรองดองแห่งชาติ เพื่อลบล้างคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ให้จำคุก และยึดทรัพย์ นช.ทักษิณ ชินวัตร คืนเงิน 46,000 ล้านบาทให้ ยกเลิกคดีที่ยังค้างอยู่ในศาล เพิกถอนคำพิพากษาจำคุกคนเสื้อแดงที่เผาศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น มหาสารคาม คดียิงอาร์พีจีใส่วัดพระแก้ว ยุติการดำเนินคดีกับพวกล้มเจ้า และเผาบ้านเผาเมือง ถูกผลักดันอย่างเร่งรีบและย่ามใจ โดยผี (แขก) โม่แป้งตัวใหม่ และบรรหาร ศิลปอาชา ที่ยอมเป็น “เบ๊” ตระกูลชินวัตร แลกกับงบประมาณ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และกระทรวงเกษตรฯ

นาทีนี้ใครก็หยุด ทักษิณ ชินวัตร ไม่อยู่

แต่แล้วความหวังของทักษิณที่จะกลับบ้านอย่างเท่ๆ ในปีมหามงคล ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระชนมายุครบ 80 ชันษา และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร มีพระชนมายุครบ 60 ชันษา ก็พังทลายลงชั่วข้ามคืน อย่างที่เจ้าตัวเองก็คงคาดไม่ถึง เมื่อ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศชุมนุมต่อต้านการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติของสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 30 พฤษภาคม

พลังมวลชนที่ไหลหลากไปยังบริเวณหน้ารัฐสภา ในวันที่ 30-31 พฤษภาคม และวันที่ 1 มิถุนายน เป็นบรรยากาศเดียวกับ ผู้คนจำนวนมากมายที่หลั่งไหลราวสายน้ำเข้าไปยังสวนลุมพินี เพื่อร่วมรับชมรับฟังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ภาคพิเศษ เมื่อต้นปี 2549 หลังการขายหุ้นชินคอร์ปให้กลุ่มเทมาเส็กของทักษิณในขณะที่เป็นนายกรัฐมนตรี

สิ่งที่กระตุ้นให้ผู้คนจำนวนมากออกไปชุมนุมคัดค้านในครั้งนั้นคือ “สามัญสำนึก” ที่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด เช่นเดียวกับ การชุมนุมคัดค้านกฎหมายปรองดองแห่งชาติในครั้งนี้ ที่ “สามัญสำนึก” บอกว่าภายใต้หน้ากากการปรองดองแห่ชาติ มันคือการล้างความผิดให้ทักษิณ คือการคืนเงินทุจริต 46,000 ล้านบาท ให้ตระกูลชินวัตร

เป็นสามัญสำนึกที่ง่ายๆ ไม่สลับซับซ้อนของคนทั่วไป เป็นเรื่องของความดี-ความเลว ความถูก-ความผิด ความจริง-ความเท็จ ไม่ใช่เรื่องพลังแปลกปลอม หรือถูกอำมาตย์หลอกแบบที่คนจบคอร์แนลอย่างเกษียร เตชะพีระ หรือจบโมนาช ยูนิเวอร์ซิตี อย่างสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล กำลังหลอกตัวเองและหลอกคนอื่นให้เชื่ออยู่

สามัญสำนึกในเรื่องความถูกต้องชอบธรรมของคนทั่วไปนี่แหละที่ทำให้ ทักษิณ ชินวัตร ไม่กล้ากลับประเทศไทย ทั้งๆ ที่ถ้าจะกลับมาโดยไม่ต้องติดคุกก็ไม่มีใครทำอะไรได้ เพราะมีคนเสื้อแดงนับล้านๆ เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กห้อมล้อม มีพี่เมียเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นคนเดียวในประเทศนี้ที่สั่งให้ตำรวจจับหรือไม่จับใครก็ได้ มีสื่อมวลชนในสังกัดทำหน้าที่บิดเบือน เสกให้นักโทษหนีคุกเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ที่ถูกขั้วอำนาจเก่ารังแก แต่ทักษิณก็ไม่กล้ากลับ เพราะหวาดกลัวอำนาจแห่งสามัญสำนักพื้นฐานของสังคม

ความสำเร็จในการขัดขวางไม่ให้ทักษิณใช้ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติเป็นเครื่องมือล้างความผิด และได้คืนเงิน 46,000 ล้านบาท เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ชัยชนะที่แท้จริง คือ การแสดงให้ทักษิณเห็นว่า มีผู้คนอีกมากมายบนแผ่นดินนี้ที่รู้ทันเล่ห์เพทุบาย และไม่ยอมสยบต่ออำนาจของเขา

การคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติครั้งนี้ ยังเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า “เทียนแห่งธรรม” ที่ถูกจุดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ยังคงสาดแสงส่องนำปัญญาและความกล้าหาญ แม้บางครั้งเปลวเทียนจะริบหรี่ แสงเทียนจะรางเลือน เทียนแห่งธรรมก็ไม่เคยดับ เพราะเป็นเทียนที่ส่องแสงสว่างอยู่ในกลางใจของประชาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น