รมว.มหาดไทยดอดใช้บ้านเลขที่ 111 ถกแก๊งเพื่อไทยหาทางออกประชุมปรองดอง ลั่นไม่อยากใช้ความรุนแรง ปัดตอบชะลอวาระออกไปก่อน อ้างเป็นมติหลายฝ่ายต้องถามความเห็นก่อน เอาสีข้างเข้าถูไม่เร่งรีบผ่านกม.ปรองดองเทียมเป็นสิทธิ ส.ส.เสนอเข้าสู่สภา
วันนี้ (1 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปรวมตัวกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่มูลนิธิ 111 เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถเปิดประชุมได้ เพราะองค์ประชุมไม่ครบ หลังโดนม็อบปิดล้อมจนทำให้ ส.ส.ไม่สามารถเข้ามาร่วมประชุมได้ว่า ตนกำลังจะเดินทางไปที่มูลนิธิ 111 เมื่อถามว่า ขณะนี้ประธานสภาเข้าไปในรัฐสภาได้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า มันต้องเข้าได้สิ ก็คุยกันก่อน และจะมีการเจรจากับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เมื่อถามว่าจะมีการเจรจากับแกนนำหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ก็เจรจากันหมด ถ้าได้ผลอย่างไรก็คงทราบ เมื่อถามว่า หากมีการปิดกั้นสภาจนไม่สามารถทำหน้าที่ได้ รัฐบาลจะหาทางออกอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้ยังคุยกันได้อยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะไปหารือประเด็นอะไรที่มูลนิธิ 111 รองนายกฯ กล่าวว่า หลายเรื่อง จริงๆ รัฐบาลต้องการความสงบ ไม่อยากจะให้ฝูงชนมาประจันหน้ากัน ให้ใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดได้ แต่ถ้าทำอะไรที่ขัดต่อกฎหมายคงต้องพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง แต่รัฐบาลไม่มีความประสงค์จะใช้ความรุนแรงเมื่อถามว่า พ.ร.บ.ปรองดองหากเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดจะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ต้องดูขั้นตอน และต้องคุยกับส่วนต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า เหตุผลของรัฐบาลที่ต้องเร่งรีบ พ.ร.บ.ปรองดองเพราะอะไร รองนายกฯ กล่าวว่า ก็ไม่ได้เร่งรีบ คนที่เขาเสนอกฎหมายก็มีสิทธิที่จะเสนอ ก็ไม่ได้บอกว่ากฎหมายบางฉบับเสนอแบบไม่เร่งรีบ กฎหมายแบบนี้เสนอแบบไม่ล่าช้า ก็อยู่ที่กติกาเขียนไว้ว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีสิทธิในการเสนอร่างกฎหมายได้ก็ทำไปตามนั้น กติกาในสนามฟุตบอลว่าอย่างไรก็ดูกติกาในสนามฟุตบอล ก็แล้วแต่กรรมการ ถ้าข้างนอกเข้ามาเล่นด้วยก็ไม่ทราบว่ายังไงกัน
เมื่อถามว่า ตอนนี้สังคมกำลังตั้งคำถามว่า ส.ส.ในสภาจำนวนแค่นั้น ยังไม่สามารถปรองดองกันได้ แล้วจะไปปรองดองคนทั้งชาติได้อย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า เป็นความแตกต่างของความเห็น ไม่ได้หมายความว่าไปแตกแยกอะไรกัน ก็ต้องฟังความเห็นประชาชนทั้งหลายด้วย ท่านที่เงียบๆ และอยากให้มีการปรองดอง ก็มีอยู่เยอะ เมื่อถามว่าความแตกแยกในสภา ภาพที่ออกมาดูว่าไร้อารยะธรรม รองนายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องบอกว่าใครคือฝ่ายที่ทำให้เป็นแบบนั้น ไปเหมาเอาว่าสภาเป็นแบบนั้นนักการเมืองเป็นแบบนี้ ก็คงจะไม่ตรงกับเรื่อง ก็ต้องทราบว่าใครที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมา
เมื่อถามว่า บ้านเมืองมีกฎกติกาที่ถูกต้องทำไมไม่ให้เดินไปตามครรลอง รองนายกฯ กล่าวว่า น้องๆก็ถามกันเอง ก็ตอบเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้ตนตอบ คนก็ทราบก็เห็นอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ต้องมีการชะลอการพิจารณา พ.ร.บ.ปรองดองก่อน เพื่อป้องกันความขัดแย้งหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องคุยกัน เพราะกฎหมายปรองดองไม่ใช่มติของพรรค ถ้าเป็นมติของพรรคตนก็ตอบได้ แต่สมาชิกสภาผู้แทนฯ มีสิทธิจะเสนอ ก็ต้องแล้วแต่ท่าน เมื่อถามย้ำว่า ความคิดเห็นส่วนตัวเห็นว่าควรจะชะลอไว้ก่อนหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ต้องถามความเห็นของคนหลายฝ่าย ตนเองคนเดียวตอบไม่ได้
เมื่อถามว่า ในส่วนของแกนนำพรรคร่วมต้องมานั่งคุยกันหรือไม่ ว่าจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ท่านก็เห็นด้วย หากถามตนก็เป็นความเห็นส่วนตัวเรื่องของคนคนเดียว ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของพรรคเพื่อไทยหรือรัฐบาลเพียงอย่างเดียว เพียงแต่ไม่ขัดข้อง เมื่อถามว่า มองอย่างไร จากการที่ฝ่ายค้านระบุว่าการเสนอ พ.ร.บ.ดังกล่าวจะกลายเป็นการทำลายระบบยุติธรรม รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ มันต้องดูตั้งแต่ต้นเรื่อยมา ทุกคนก็ทราบว่าอะไรเกิดขึ้นในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จะแก้ปัญหาอย่างไรก็ทราบกันอยู่ ถ้าปล่อยอยู่ไปอย่างนี้อาการไข้ของความไม่สามัคคีก็จะกำเริบไปเรื่อย ต้องรีบรักษาอาการไข้นี้ให้ได้
เมื่อถามว่า ยืนยันว่าจะใช้รัฐสภาเป็นสถานที่ในการประชุมหารือแนวทางปรองดองหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น เมื่อถามอีกว่า ขณะนี้มีการส่งสัญญาณอะไรบ้างหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มี