นายกฯ วอน ส.ส.เคารพกฎรัฐสภา เชื่อเนื้อหา พ.ร.บ.ปรองดองหวังชาติสงบ ชี้คล้ายร่างรัฐธรรมนูญยังเร็วไปที่จะคุยรายละเอียด แต่รับยังไม่เห็นของทุกฉบับ การันตีไม่แทรกแซงตุลาการ โยนเถียงกันในสภาเอายังไงต่อ โบ้ย 35 กมธ.ลงมติเกี่ยว กม.การเงินหรือไม่ เชื่อเป็นทางออก รับเหตุวุ่นทำลำบากใจ ยันไม่เหนื่อยแจงนานาชาติ
วันนี้ (31 พ.ค.) ที่โรงแรมแชงกรี-ลา เมื่อเวลา 12.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาความวุ่นวายในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาการขอให้เลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการสร้างความปรองดองแห่งชาติขึ้นมาพิจารณาแทนกระทู้ถามทั่วไปว่า จากกรณีดังกล่าวก็ต้องขอความร่วมมือจาก ส.ส.ทุกคนให้เคารพกฎกติกาของรัฐสภาที่เป็นสภาอันทรงเกียรติ ทั้งนี้ ตนมองว่าการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรองดองนั้นเนื้อหาส่วนใหญ่ต้องการให้เกิดความสงบและให้ประเทศเดินหน้าไปได้ รวมถึงทำอย่างไรให้เนื้อหาของกฎหมายเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย แต่ถ้าจะมาพูดคุยกันถึงรายละเอียดของเนื้อหาก็จะเร็วเกินไป โดยตนมองว่าเนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวคล้ายกับการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องไปเริ่มคุยกันว่าจะเริ่มกระบวนการปรองดองกันอย่างไร ขณะที่เนื้อหาของกฎหมายก็มีหลายฉบับ ซึ่งต้องให้ ส.ส.ในสภาฯ ถกเถียงกันเพื่อหาข้อสรุปในการเดินหน้าประเทศ
เมื่อถามว่า ควรชะลอหรือทบทวนเรื่องดังกล่าวในช่วงนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของสภาฯที่จะหารือกัน ถือว่าสภาฯ เป็นตัวแทนของประชาชน แต่ในส่วนของรัฐบาลคงทำหน้าที่ของเราในการดูแลความสงบและความมั่นคงของประเทศ รวมถึงขอความร่วมมือจากทุกส่วนในการสร้างความสงบสุข ส่วนการออกมาแสดงความคิดเห็นในระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่พึงกระทำได้ แต่ขอให้อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ซึ่งในวันนี้ประเทศต้องการความเชื่อมั่นและเดินไปข้างหน้า ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลจำเป็นต้องมาพูดคุยถึงเนื้อหาและกระบวนการปรองดองหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทยที่จะหารือกันเพื่อสะท้อนความคิดเห็นของทุกฝ่าย ต่อข้อถามว่า มีการระบุว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าข่ายเป็นกฎหมายการเงิน นายกฯ กล่าวว่า เท่าที่ทราบ ขั้นตอนของสภาฯ นั้นเป็นเรื่องของประธานคณะกรรมาธิการ 35 คณะที่ต้องพิจารณาและลงมติกัน แต่ตนยังไม่เห็นเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ปรองดองทุกฉบับ ทั้งนี้ไม่ว่าผลการพิจารณาของฝ่ายสภาฯออกมาเป็นอย่างไร ตนพร้อมปฏิบัติตามอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงการชุมนุมด้านหน้ารัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตนขอความร่วมมือว่าประเทศบอบช้ำไปมากแล้ว ถ้าเราไม่ไปสู่การปรองดอง ประเทศจะไม่มีทางออกและการแตกแยกก็ยังเห็นอยู่ แต่คำว่ากระบวนการปรองดองนั้น คือการจะทำอย่างไรให้เราหาทางออกร่วมกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าทุกฝ่ายมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งเรายอมรับในความคิดเห็นที่แตกต่างๆ ได้ แต่สุดท้ายก็ขอให้อยู่ในลักษณะสันติวิธีแล้วหาจุดใดจุดหนึ่งเป็นทางออก ซึ่งเรามองว่าสภาฯเป็นศูนย์รวมทุกส่วนที่จะตกลงกัน อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะต้องใช้ร่างกฎหมายปรองดองฉบับใด ซึ่งการพิจารณาของสภาฯ ต้องใช้เวลา เพราะไม่ใช่การพิจารณาเพียงวาระเดียว ทั้งนี้ การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองนั้น สภาฯ เป็นทางเดียวที่จะหาทางออกได้ ซึ่งตนไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงได้
ต่อข้อถามว่า ในฐานะที่เป็นผู้นำประเทศจะขับเคลื่อนประเทศอย่างไรในเมื่อสภาฯ เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายเช่นนั้น และนอกสภาก็มีการเคลื่อนไหวชุมนุม น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ยอมรับว่าเป็นที่ลำบากใจ ซึ่งตนขอเรียนว่าอำนาจฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติแยกกัน เมื่อถามว่า เนื้อหาของกฎหมายถูกมองว่ามีการแทรกแซงอำนาจตุลาการ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีการแทรกแซง เมื่อถามว่าจะชี้แจงต่อต่างชาติอย่างไรในการที่เขาจะมาลงทุนในไทย ขณะที่สถานการณ์ในไทยยังมีความวุ่นวาย นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนที่ตนจะชี้แจงคือ ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย พร้อมไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น และรัฐบาลพูดเองฝ่ายเดียวคงไม่ได้ ทุกฝ่ายจึงต้องร่วมมือกันสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ เมื่อถามว่า รู้สึกว่าเหนื่อยฟรีจากการเดินทางไปหลายๆ ประเทศเพื่อชี้แจงเรื่องการปรองดอง นายกฯ กล่าวว่า ไม่เหนื่อย ตนต้องทำทุกอย่าง ถ้าบอกว่าเหนื่อยแล้วไม่ทำ สุดท้ายแล้วอะไรก็ไม่เกิด จึงต้องทำให้มากที่สุดและเต็มที่ที่สุด