ประธานสภาฯ ยันไม่พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง 3 วาระรวด เหตุไม่เหมาะสม ระบุจะเลื่อนหรือไม่เลื่อนวาระเข้าสู่การพิจารณาต้องดูสถานการณ์ของผู้ชุมนุมประกอบด้วย ด้านตำรวจประเมินสถานการณ์เชื่อการชุมนุมไม่รุนแรง ไร้มือที่ 3 ป่วน
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า การประชุมสภาฯ ในวันนี้เพื่อพิจารณาว่าจะเลื่อนร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติมาพิจารณาก่อนหรือไม่ ยังคงเป็นไปตามปกติ แม้ว่าจะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาชุมนุมคัดค้าน เพราะเห็นว่าการประชุมสภาฯ ยังไม่มีได้อะไรมาก เพียงแค่เป็นการพิจารณาเลื่อนวาระเท่านั้น ประกอบกับมั่นใจสถานการณ์จะไม่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงบานปลาย โดยได้กำชับให้นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯ ให้สั่งการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของรัฐสภาและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อวางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงแล้ว
“ผมมองว่าการคัดค้านกฎหมายปรองดองถือเป็นสิทธิทางการเมืองและเป็นสีสันของระบอบประชาธิปไตย ถ้าตราบใดการชุมนุมยังอยู่ในกรอบของกฎหมายก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อย่างไรก็ตาม การพิจารณาว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อนนั้นจะต้องดูสถานการณ์ภายนอกประกอบด้วย โดยเฉพาะวันพรุ่งนี้ (31 พ.ค.) ที่จะเข้าสู่ระเบียบวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง วาระที่ 1”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่หากจะมีพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 4 ฉบับในลักษณะ 3 วาระ โดยแก้ไขเป็นรายมาตราและเห็นชอบหลังจากรับหลักการในวาระที่ 1 ภายในวันเดียวกันเนื่องจากกฎหมายฉบับนี้มีเพียง 8 มาตรา นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะพิจารณา 3 วาระรวดเพราะต้องขึ้นอยู่กับเหมาะสมด้วย ซึ่งไม่เกี่ยวกับว่าร่างกฎหมายจะมีมากหรือน้อยมาตราเพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับเหมาะสม
สำหรับบรรยากาศบริเวณด้านหน้ารัฐสภา ฝั่งสวนสัตว์ดุสิต ในขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 จำนวน 1 กองร้อย (150 นาย) ดูแลความสะดวกเรียบร้อย และอำนวยความสะดวก และดูและบริเวณโดยรอบประตูรัฐสภา ส่วนบริเวณภายในประตูด้านหน้ารัฐสภานั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชน 2 จำนวน 1 หมู่ (12 นาย) ดูแลบริเวณด้านใน
โดยบริเวณด้านหน้ารัฐสภา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการนำแผงเหล็กมาปิดกั้นบริเวณประตูหน้ารัฐสภา และสวนสัตว์ดุสิต เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมาบริเวณนี้ในช่วงบ่ายมิให้ลุกล้ำออกมาบนพื้นผิวการจราจร พร้อมกับได้มีการนำแผ่นคอนกรีตและรั้วลวดหนามมาเตรียมไว้ทั้งทางเข้าและทางออกของถนนอู่ทองในอีกด้วย
พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษาสัญญาบัตร 10 ให้สัมภาษณ์ หลังประชุมร่วมกับหน่วยงานการข่าวด้านความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์ การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า จากการข่าวประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่หน้ารัฐสภาเชื่อว่าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะเดียวกันก็จะมีกลุ่มย่อยต่างๆ ที่คัดค้านการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ มาร่วมชุมนุมบริเวณใกล้เคียงรัฐสภาเช่นเดียวกัน
จากการเจรจากับแกนนำกลุ่มที่คัดค้าน ต่างให้ความร่วมมือในการชุมนุมให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย แต่ทั้งนี้อาจจะมีบางกลุ่มที่ปักหลักชุมนุมค้างคืนบางส่วนที่หน้ารัฐสภาส่วนการเจรจากับกลุ่ม นปช.ที่ชุมนุมหน้ารัฐสภาเช่นเดียวกันนั้น ได้ขอให้แยกย้ายออกนอกพื้นที่แล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันของทั้งสองกลุ่มซึ่งตำรวจจะใช้กำลังตำรวจนครบาลจำนวน 10 กองร้อยลงพื้นที่หน้ารัฐสภา พร้อมให้เตรียมพร้อมในที่ตั้งอีก 10 กองร้อย และขอกำลังสนับสนุนจากตำรวจภูธรภาค 1/ภาค 2 และภาค 7 ให้เตรียมพร้อมในที่ตั้งจำนวน 3 กองร้อยเพื่อสนับสนุนการณ์สถานการณ์ยืดเยื้อ
สำหรับการติดตามด้านการข่าวยังไม่พบว่ามีกลุ่มมือที่ 3 ฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายแต่อย่างใด แต่เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งให้ฝ่ายสืบสวนหาข่าวในพื้นที่ตลอดเวลา
ด้าน พ.ต.อ.บันลือศักดิ์ ขลิบเงิน รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยเกี่ยวกับมาตรการการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมาบริเวณด้านหน้ารัฐสภาในช่วงบ่ายว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจัดกำลังวางตามจุดต่างๆ โดยรอบรัฐสภา ซึ่งหากมีเหตุฉุกเฉินก็สามารถเตรียมกำลังเพื่อรับมือได้ในทันที และยืนยันว่าจะไม่มีการใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม
พร้อมกันนี้ พ.ต.อ.บันลือศักดิ์ ได้แนะนำประชาชนที่จะเดินทางผ่านหน้ารัฐสภาให้หลีกเลี่ยงใช้เส้นทางอื่นเนื่องจากมีการปิดเส้นทางการจราจร
