“เรืองไกร” อดีต ส.ว.ว่างจัด ส่งเรื่องสรรภากรสอบภาษี “กองทุนเขาพระวิหาร” หาเรื่องเช็กบิลพันธมิตรฯ อ้าง “ประทีป-ปานเทพ-เทพมนตรี” เบิกเงินเป็นค่าใช้จ่ายทำกิจกรรมหลายล้านไม่ยอมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จี้ขยายผลถึงบุคคลอื่น กล่าวหาอาจจ่ายค่าจ้างผู้ปราศรัย อ้างเป็นตัวเลขกลมๆ
วันนี้ (3 มิ.ย.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนได้ยื่นเรื่องต่ออธิบดีกรมสรรพากร ขอให้ตรวจสอบการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ของกองทุนเขาพระวิหาร โดยจากการตรวจสอบบัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเพื่อทวงคืนเขาพระวิหาร ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางลำพู บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 008-2-32779-9 ซึ่งเปิดรับบริจาคจากบุคคลทั่วไป ในช่วงที่มีการชุมนุมตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ค.2554 พบว่า การนำเงินที่รับบริจาคไปใช้ในรายการต่างๆ บางรายการมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย แต่บางรายการไม่พบการหักภาษีไว้ อาจทำให้ผู้รับเงินไม่ได้นำเงินที่รับจากกองทุนฯ ไปเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร ซึ่งมีรายการข้อเท็จจริงบางส่วนพบว่า มีการใช้แจกแจงค่าใช้จ่ายในหลายกิจกรรมผ่าน พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายเทพมนตรี ลิมปพยอม จำนวนหลายล้านบาท ซึ่งเงินที่บุคคลทั้ง 3 รับไป เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 ผู้รับเป็นบุคคลธรรมดา จึงมีหน้าที่ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40
นายเรืองไกรกล่าวว่า จึงมีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า ผู้รับเงินดังกล่าวได้นำเงินไปรวมเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาภายในเดือน มี.ค.2555 ครบถ้วนหรือไม่ และขอให้ตรวจสอบขยายผลไปยังบุคคลอื่นที่ได้รับเงินไปจากกองทุนฯ ด้วย โดยเฉพาะรายการที่บันทึกเป็นเงินสำรองจ่ายหลายสิบรายการ รวมเป็นเงินกว่า 30 ล้านบาทเศษ ส่วนใหญ่ไม่พบรายละเอียดการเคลียร์เงินว่าเป็นค่าอะไรบ้าง ทำให้เกิดข้อเคลือบแคลงสงสัยได้ว่า อาจทำให้เกิดช่องว่างในการเลี่ยงภาษีตามมาได้ จึงควรตรวจสอบว่าเป็นเงินสำรองจ่ายค่าจ้างแรงงาน ในการปราศัยของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด หรือไม่ เพราะจำนวนเงินมีลักษณะที่ซ้ำๆ กัน หรือแตกต่างกันเป็นตัวเลขกลมๆ โดยควรเรียกบัญชีกองทุนฯ มาสอบยืนยันยอดกับรายการจากรายการเดินบัญชี หรือสเตตเมนต์ของธนาคาร