“เรืองไกร” ยื่นดีเอสไอสอบเชิงลึกเงินบริจาค 36 ล้าน ปชป.ให้สำนักนายกรัฐมนตรี ไดั้แจ้งการทำธุรกรรมต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)หรือไม่
วันนี้ (24 พ.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ได้ยื่นเรื่องต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสวบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอให้ตรวจสอบที่มาของเงินที่บริจาคให้สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าเกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและพรรคการเมืองหรือไม่ ซึ่งเป็นกรณีร้องสืบเนื่องจากการร้องต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้ตรวจสอบที่มาของเงินจำนวน 36,454,909 บาท ที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้รับมาเป็นแคชเชียร์เช็คธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยกระทรวงการคลัง จำนวน 1 ใบ โดยมีการออกใบเสร็จรับเงินตามเช็คนั้นให้แก่ผู้บริจาครวม 191 ราย ซึ่งการตรวจสอบบัญชีที่มาที่ไปของเงินนั้นมีลักษณะที่ยุ่งยากซับซ้อนต้องใช้ความรู้ความชำนาญโดยเฉพาะ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษควรใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเข้าไปดำเนินการ ดังต่อไปนี้ แคชเชียร์เช็คดังกล่าวสั่งซื้อโดยใคร ใช้เงินจากบัญชีใดมาซื้อ มีการใช้เงินสดที่เกินกว่า 2 ล้านบาทมาซื้อหรือไม่ ถ้ามี ได้แจ้งการทำธุรกรรมให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทราบหรือไม่ และมีค่าการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแคชเชียร์เช็คเป็นจำนวนเงินเท่าใด
นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า หากเป็นการเบิกถอนเงินจากธนาคารกรุงไทยด้วยกัน เงินจำนวนดังกล่าวเคยอยู่ในบัญชีของใคร เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ หรือเป็นพรรคการเมืองใดหรือไม่ และเป็นบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทใด ออมทรัพย์หรือกระแสรายวัน มีเงินเปิดบัญชีครั้งแรกเท่าใด ใครเป็นผู้มีอำนาจลงนามเบิกถอนเงิน มีรายงานการประชุมประกอบการเปิดบัญชีหรือไม่ วัตถุประสงค์ในการเปิดบัญชีคืออะไร บัญชีปิดไปแล้วหรือยัง ถ้าปิด ปิดเมื่อใด มีเงินเหลือจากการปิดบัญชีเท่าใด มีดอกเบี้ยเกิดขึ้นหรือไม่ พร้อมทั้งตรวจสอบรายการที่นำฝากทุกรายการด้วย ว่ามีเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ใดถึงวันที่ใด รวมทั้งหมดเป็นกี่รายการ รวมถึงตรวจสอบรายละเอียดสำเนาใบเสร็จรับเงินของสำนักนายกรัฐมนตรี และตรวจสอบเชิงลึกว่า การสั่งจ่ายเช็คจากผู้บริจาคนั้น เป็นการสั่งในนามเฉพาะ และมีการขีดคร่อม (a/c payee only) หรือไม่ การนำฝากเงินตามหน้าเช็คกับบัญชีที่นำฝากนั้น ชื่อที่สั่งจ่ายกับชื่อบัญชีที่นำฝากตรงกันหรือไม่ หากตรวจสอบแล้วมีข้อเท็จจริงใดเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ขอให้ส่งไปยังนายทะเบียนพรรคการเมืองเพื่อดำเนินการต่อไปอีกทางหนึ่งด้วย