รายงานการเมือง โดย...แสงตะวัน
การเลื่อนวาระร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ขึ้นมาเป็น “วาระเร่งด่วน” ไม่สนใจเสียงทัดทาน นัดหมายประชุมสภาฯ ในวันนี้ (1 มิ.ย.) เพื่อให้สภาฯรับหลักการ เดินหน้าทำคลอด “กฎหมายทำลายชาติบ้านเมือง” ออกมาแบบจานด่วน
แต่กลุ่มนักการเมืองขายชาติก็ไม่สมหวังตามที่ตั้งใจ เพราะ 09.30 น.เวลานัดหมาย ไม่สามารถเริ่มประชุมได้ เพราะ ส.ส.ไม่สามารถเดินทางเข้ามาที่รัฐสภาได้ จนต้องเลื่อนการประชุมมาเป็นช่วงบ่าย แต่ก็ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากคงประเมินสถานการณ์กันแล้ว ขืนดันทะรังประชุมต่อ คงเจ๊งทั้งสภาและรัฐบาลทรราชย์โคลงนิ่งแน่
วันนี้เป็นชัยชนะของ “พลังบริสุทธิ์” ของประชาชนคนไทยที่รักชาติทั้ง “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” และเครือข่ายแนวร่วมที่ออกมารวมตัวปกป้องการออกกฎหมายล้างผิดให้ “คนโกงชาติ” มากมายอย่างคาดไม่ถึง
ทำเอา “ลิ่วล้อทักษิณ” คนพรรคเพื่อไทยซึ่งที่ผ่านออก “ลูกดื้อ” เต็มรูปแบบ ถึงกลับไปไม่เป็น ต้องเรียกรวมพลสุมหัวถกเครียดหาทางออกปูพรมแดงให้ “ลูกพี่” ได้กลับบ้านอย่างเท่ๆ
หวังเอาหน้ากับ “นายใหญ่” ไม่สนใจเสียงข้างน้อย เมินพลังของประชาชน แต่ประเมิน “มวลชน” ต่ำไปมาก เหตุการณ์จึงเลยเถิด “เพลี่ยงพล้ำ” ถึงขนาดนี้
ถึงนาทีการพลิกแก้เกมกลับจึงยังมองไม่เห็นทาง รังจะนำวาระร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯเข้าสู่วาระที่ 1 อย่างที่ตั้งใจ ก็หวั่นว่าต้อง “แตกหัก” เกิดความรุนแรง เพราะพลังมวลชนที่ขวางทางเข้าสู่สภาฯหินอ่อน
หรือจะให้ไปฝืนย้ายการประชุมไปที่อื่น ก็ต้องถูกครหานินทาและนำไปเปรียบเทียบกับ “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ที่หนีม็อบไปแถลงนโยบายที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่ง “เพื่อไทย-คนเสื้อแดง” ยังนำมาดูถูกถากถางจนถึงวันนี้
สภาพจึงเหมือน “หนูติดจั่น” หาทางออกไม่เจอ
“ตัวช่วย” ที่พอจะมีอยู่ในมืออย่าง “ตำรวจ” ที่อยู่ใต้อาณัติของ “รัฐบาลปูแดง” ก็ไม่อาจเป็นมือเป็นไม้ได้ถนัดถนี่นัก แม้จะมีเพียงอาวุธยุโธปกรณ์ที่ครบครันเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถ “ใช้กำลัง” ได้ โดยเฉพาะในยามที่ไม่มีการประกาศกฎหมายพิเศษคุมกะลาหัว ที่สำคัญยังเข็ดหลาบที่ฝ่ายการเมืองเคยโบ้ยให้รับผิดจากเหตุการณ์หลายครั้งในอดีต ขณะที่คนสั่งการลอยตัวทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ตำรวจ” เปรียบเป็นยักษ์มีกระบอง แต่ไม่มีฤทธิ์
ทางสุดท้ายคงต้องหวังพึ่ง “พลังฮาร์ดคอร์” จาก “กลุ่มคนเสื้อแดง” ที่อวดโอ้หนักหนาว่าเป็น “เสียงส่วนใหญ่” ของประเทศ แถมพฤติกรรม “ดิบ-ถ่อย-เถื่อน” พิสูจน์มาแล้วหลายกรรมหลายวาระ ทั้งยังอาจมีพ่วงของแถม “กองกำลังชุดดำ” ติดอาวุธมาด้วยอีกต่างหาก
ก่อนหน้านี้ที่เห็นร่ำๆออกมาขู่ฮึ่มๆว่าจะออกโรงมาต้าน “พันธมิตรฯ” ตั้งแต่ต้น แต่ก็เปลี่ยนใจอยู่ในที่ตั้ง เพราะถูกเบรกโดคนในพรรคเพื่อไทย ที่ประเมินว่า “เสื้อเหลือง-หลากสี” คงมีคนมาเพียงหยิบมือ ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงออกมา
ซึ่งหากติดตามข่าวก็พบว่า “หัวโจกแดง” ทั้งหลาย ตั้งแต่ “ธิดา ถาวรเศรษฐ์-จตุพร พรหมพันธุ์” ต่างชูคอประสานเสียงว่า ไม่มีแนวทางให้มวลชนออกมาเผชิญหน้ากับ “พันธมิตรฯ” แน่นอน แถมยังส่ง “วรวุธ วิชัยดิษฐ” โทรโข่งแก๊งแดง ออกมาตอกย้ำว่า กลุ่มคนเสื้อแดงพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการปะทะมาโดยตลอด ไม่เท่านั้น ยังเล่น “สกปรก” กล่าวหาว่า “พันธมิตรฯ” พยายามสร้างสถานการณ์ โดนจัดคนใส่เสื้อสีแดงมาร่วมชุมนุมครั้งนี้ด้วย
เล่นวิชามารหวังดิสเครดิตตามถนัด
เพราะความเป็นจริงปรากฎข่าวชัดเจนว่ามีตระเตรียมกำลังพล “คนเสื้อแดง” ในส่วนต่างจังหวัดบุกเข้ากรุง เริ่มที่ “ลพบุรี” ที่ปรากฎว่ากลุ่ม นปช.จังหวัดลพบุรี กว่า 300 คน นำโดย “พิชัย เกียรติสกุล” ส.ส.เพื่อไทย มารวมตัวกัน ที่บริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์ หน้าศาลากลางจังหวัดลพบุรี ระบุด้วยว่าเป็น “คำสั่ง” ของ “สุชาติ ลายน้ำเงิน” ที่วันนี้กินตำแหน่งรองเลขาฯนายกฯว่าให้มวลชนอกมาปักหลักสังเกตการณ์การชุมนุมของ “พันธมิตรฯ” และให้เตรียมยกพลเข้ากรุงเทพฯ มาสมทบกับกลุ่ม นปช.ทั่วประเทศ เพื่อยับยั้งกลุ่มพันธมิตรที่จะบุกยึดทำเนียบรัฐบาลหรือรัฐสภา โดยจะร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการ “ล้อมกรอบ” มวลชนฝ่ายตรงข้าม และคนเสื้อแดงไปนำ “พันธมิตรฯ” ออกจากพื้นที่เอง
ตามมาด้วยข่าวจาก “เมืองหลวงคนเสื้อแดง” จ.อุดรธานี ที่ออกแถลงการณ์ว่าหาก “พันธมิตรฯ” ปิดล้อมอาคารรัฐสภา-ทำเนียบ ก็จะนำคนมาล้อมเช่นเดียวกัน
ตีความตามสำนวนไทย “หัวไม่ส่ายหางไม่กระดิก”
นั่นแสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยหมดหนทาง หวังจุดพลุให้เป็น “ม็อบชนม็อบ” ให้จนได้ หรือขยายความได้อีกว่า เมื่อเล่นตามกฎไปตามเกมในสภาฯเสียงข้างมากไม่ได้ตามที่วาดวิมานไว้ ก็ต้องกลับมาลง “สังเวียนข้างถนน” ร่ายเวทย์มนต์สะกดจิตให้ “สาวกแดง” ออกมาต่อสู้แทนตัวเองแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
พอดีกับที่ “สามเกลอหัวขวด” ประกาศจัดงานย้อนรำลึก “รายการความจริงวันนี้” ที่เคยสร้างชื่อให้กุ๊ยการเมือง “วีระกานต์ มุสิกพงศ์-จตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ในวันที่ 2 มิ.ย.นี้ ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ซึ่งแม้เป็นงานที่วางกำหนดการกันไว้ล่วงหน้า แต่ก็เป็นจังหวะดีที่จะใช้โอกาสนี้ระดมพลคนเสื้อแดงออกมา “คานอำนาจ” กับพลังบริสุทธิ์ของ “พันธมิตรฯ” ที่ข่มขวัญรัฐบาลอยู่ในตอนนี้
ถือเป็นทางเลือกสุดท้ายใช้ “ม็อบ” ชน “ม็อบ” เปิดทางสานต่อความต้องการของ “นายใหญ่”
ที่สุดแล้ว “ทักษิณ” ก็มอง “คนเสื้อแดง” เป็นเพียงแค่เบี้ยเหมือนเดิม