สะเก็ดไฟ
ผ่านไปแล้วกับการชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดงที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อวันเสาร์ที่ 19 พ.ค. 2555 ที่ผ่านมา เพื่อรำลึกเหตุการณ์สลายการชุมนุม 19 พ.ค. 53
ภาพรวมเนื้อหาสาระบนเวทีเสื้อแดง ผ่านการปราศรัยของแกนนำ นปช.หลายต่อหลายคน ตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงเกือบตี 2 ไม่ว่าจะเป็นณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ-จตุพร พรหมพันธุ์-วีระกานต์ มุสิกพงศ์-วิภูแถลง พัฒนภูมิไท-เหวง โตจิราการ-นิสิต สินธุไพร-ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ผสมกับการขึ้นเวทีของเครือญาติคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตในช่วงการชุมนุมใหญ่เมษายน-พฤษภาคม 2553
รวมถึงการวิดีโอลิงก์ของทักษิณ ชินวัตร ที่ส่งสัญญาณมาจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
พบว่าการจัดงานครั้งนี้วัตถุประสงค์ก็คือ เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต และการเคลื่อนไหวของเสื้อแดงในปี 53 -เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำความจริงให้ปรากฏตามสิ่งที่คนเสื้อแดงเชื่อมาตลอดว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกทหารฆ่าตาย คนเสื้อแดงไม่ได้ก่อเหตุรุนแรง ไม่ได้มีอาวุธร้ายแรงในช่วงชุมนุม ไม่ได้เผาบ้านเผาเมือง และทวงถามความยุติธรรมจากผู้ทำร้ายคนเสื้อแดง ทั้งหมด ถูกถ่ายทอดผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆของคนเสื้อแดงตลอดทั้งวันที่ 19 พ.ค. 55 ที่ผ่านมา
สำหรับท่าทีของคนเสื้อแดงจะเป็นอย่างไร กับการเรียกร้องในเรื่องต่างๆ ข้างต้น ก็ต้องดูที่เนื้อหาการปราศรัยของแกนนำ นปช.และญาติผู้เสียชีวิตตลอดการชุมนุมดังกล่าว
จับทิศทางได้ว่า หลักใหญ่ใจความของสิ่งที่ “ทักษิณ และแกนนำ นปช.” พยายามสื่อสารกับคนเสื้อแดงทั่วประเทศ คือ
-การยืนยันต้องเอาอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีมาดำเนินคดีให้ได้ แต่แทบไม่มีการพูดถึงการดำเนินคดีต่ออดีตนายทหารระดับสูงที่เคยมีบทบาทในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.เลย ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. หรือ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ.
โดยทักษิณและแกนนำ นปช.ได้พยายามแจงเรื่องการดำเนินคดีที่ล่าช้า รวมถึงเรื่องช่วยเหลือคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำต่างๆ ว่าขอให้เสื้อแดงใจเย็นๆ ทุกอย่างกำลังดำเนินการอยู่ ที่ไม่รีบทำเพราะต้องการให้เป็นคดีซึ่งตัดสินออกมาแล้วทุกฝ่ายยอมรับในเรื่องหลักนิติธรรมจะได้ไม่มีข้อสงสัยว่ามีการกลั่นแกล้งหรือช่วยเหลือกันเองของรัฐบาลกับเสื้อแดง
-การเยียวยาผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชุมนุม ประเด็นนี้ก็พบว่ามีความพยายามชี้แจงจากทักษิณและแกนนำ นปช.หลายคนถึงความล่าช้าในการจ่ายเงินเยียวยาและช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิต ว่าต้องทำตามขั้นตอน ยืนยันว่าไม่ทอดทิ้งคนเสื้อแดง ทักษิณถึงกับสั่งแกนนำ นปช.ผ่านวิดีโอลิงก์ว่าอย่าทอดทิ้งคนเสื้อแดง โดยเฉพาะคนเสื้อแดงที่ติดคุกอยู่ในเรือนจำ ให้ไปเยี่ยมไปสอบถามว่าจะให้ช่วยเหลืออย่างไร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือก็ขอให้ฟ้องมาได้เลย
-การให้คนเสื้อแดงต้องร่วมใจกันปกป้องรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้บริหารประเทศต่อไปเรื่อยๆ เพราะแกนนำเสื้อแดง เช่น จตุพร-ณัฐวุฒิ ปราศรัยตรงกันว่ามี “สัญญาณอันตราย” บางอย่างที่กำลังหาโอกาสล้มรัฐบาลนี้อยู่
โดยยกกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 1 ให้จตุพรพ้นจากการเป็น ส.ส.ก่อนหน้าการชุมนุมใหญ่หนึ่งวัน ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ปกติ ถึงขั้น ณัฐวุฒิ วิเคราะห์การเมืองเรื่องการล้มรัฐบาลบนเวทีปราศรัยนานนับชั่วโมง ทั้งเรื่องอย่าได้วางใจในเรื่องการรัฐประหารว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก หรือแผนของประชาธิปัตย์ที่กำลังเดินสายจัดงาน “สานเสวนา” ในภาคใต้ และกำลังจะคิดขยายพื้นที่จากภาคใต้ไปทั่วประเทศจนมาถึงกรุงเทพมหานคร เพื่อปั่นหุ้นประชาธิปัตย์ก่อนการล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ส่วนแผนป้องกันรัฐบาลนั้น แกนนำ นปช.อย่างวีระกานต์-ธิดา-ณัฐวุฒิ ก็บอกตรงกันว่า ต้องแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จให้ได้ ถึงกับที่ทักษิณวิดีโอลิงก์ล่วงหน้าไว้เลยว่า การเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 77 คน ขอให้คนเสื้อแดงใช้วิจารณญาณในการเลือกให้ดี
อย่างไรก็ตาม เนื้อหาการพูดของทักษิณรอบนี้ หากไม่มีเรื่องคดีอากง-มาตรา 112 แล้ว ถือว่าจืดชืดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เนื้อหาจังหวะการพูดราบเรียบ ไม่ดุดันปลุกเร้าเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่พอพูดถึงเรื่องคดีอากง-112 แล้ว ทักษิณกลับมีถ้อยคำที่ดุดันกว่าเรื่องอื่นเป็นพิเศษ เช่น
“คดีอากงไม่ควรเกิดเลย คิดไม่เป็น คิดโง่ๆ ใช้กระบวนการยุติธรรมที่เกินกว่าเหตุ”
เนื้อหาโดยสรุปในการวิดีโอลิงก์ของทักษิณ ส่วนใหญ่ก็เรื่องเดิม คือ คิดถึงและรู้สึกซาบซึ้งใจที่คนเสื้อแดงไม่เคยทิ้งกัน-อยากกลับบ้าน-ขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าปรองดองได้แล้วหากไม่ปรองดองประเทศจะล้าหลัง-อธิบายความจำเป็นในการต้องแก้ไขยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เป็นต้น
แต่ในส่วนที่น่าสนใจก็คือ การพูดแบบอ้อมไปอ้อมมาของทักษิณในเรื่องวิธีการปรองดอง เช่นการบอกว่า
“ผมรู้ดีครับว่าพวกเราบางส่วนเจ็บปวด ไม่พอใจ แต่เรื่องส่วนตัวบางเรื่องก็ต้องเก็บไว้ ต้องเอาส่วนรวมเป็นหลัก ความเข้าใจผิดกันหลายเรื่องต้องยุติ มองไปข้างหน้าดีกว่า ผมต้องขออภัยในสิ่งที่พูดแล้วอาจทำให้บางคนไม่พอใจ แต่ผมก็พูดตรงไปตรงมา คิดอะไรก็บอกตรงๆ อาจมีคนไม่พอใจหรือพอใจ แต่ผมมองภาพรวม ไม่ใช่มองที่ปัจเจกบุคคล ผมคิดในภาพรวม”
หากจำกันได้ ก่อนหน้านี้ทักษิณเคยให้สัมภาษณ์ที่กัมพูชาในช่วงไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่เมืองเสียมเรียบ เมื่อถูกถามถึงเรื่องการปรองดองและการออกฎหมายนิรโทษกรรม
ตอนนั้น ทักษิณให้สัมภาษณ์ในท่วงทำนองว่า คนเสื้อแดงบางส่วนก็ต้องร่วมมือกัน โดยมีการระบุชื่อถึงแม่น้องเกด “นางพะเยาว อัคฮาด” มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด อาสาพยาบาลที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนารามฯ ว่า บางทีก็ต้องยอมเพื่อให้เรื่องการปรองดองเดินหน้าไปได้
คำพูดดังกล่าวของทักษิณได้ทำให้เกิดปฏิกิริยาไม่พอใจจากคนเสื้อแดงจำนวนมากโดยเฉพาะญาติของผู้เสียชีวิต เพราะมองว่าทักษิณและรัฐบาลไม่จริงใจกับคนเสื้อแดง คิดจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อล้างผิดเรื่องการชุมนุม-การสลายการชุมนุมทั้งหมดโดยเร็ว จะเกี้ยเซี้ยกับทหารและอำมาตย์ โดยไม่รอให้กระบวนการพิสูจน์ความจริงในคดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับการสลายการชุมนุม เช่นคดี 6 ศพในวัดปทุมวนาราม-คดี 91 ศพ สิ้นสุดในชั้นศาลยุติธรรมก่อนแล้วค่อยว่ากัน
แต่จะรีบออกกฎหมายนิรโทษกรรมเลยเพื่อทักษิณจะได้กลับบ้านได้โดยเร็ว เพราะรู้ดีว่ากว่าคดีจะสิ้นสุดต้องใช้เวลาอีกหลายปีเพราะเรื่องแบบนี้ สู้กันถึงฎีกาอยู่แล้ว อย่างต่ำก็เกิน 5 ปีอยู่แล้ว ทักษิณไม่มีทางรอนานขนาดนั้นได้แน่นอน
ยิ่งมาเจอเรื่องให้ยกเลิกมาตรา 112 ที่เสื้อแดงรุกหนักหลังการเสียชีวิตของนายอำพน หรืออากง แต่รัฐบาลและเพื่อไทย ปฏิเสธไม่เอาด้วย ทำให้คนเสื้อแดงจำนวนมากไม่พอใจหนักขึ้นไปอีก
ใช่แค่ทักษิณเท่านั้นที่พยายามใช้เวทีดังกล่าวปรับความเข้าใจกับคนเสื้อแดง แม้แต่กับณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็พยายามบอกบนเวทีว่า หลายเรื่องที่คนเสื้อแดงไม่เข้าใจกัน ขอให้คุยกันในวง อย่านำไปขยายผลผ่านสื่อหรือโลกออนไลน์ เพราะจะไม่เป็นผลดีต่อขบวนการเสื้อแดง
ไม่ธรรมดาแน่นอนที่ทักษิณและณัฐวุฒิ พยายามเคลียร์ความไม่เข้าใจกันของเสื้อแดงกับรัฐบาลผ่านเวทีราชประสงค์ ซึ่งคนเสื้อแดงทั่วประเทศและทั่วโลกติดตามอยู่ แสดงให้เห็นว่า
“รอยร้าว” ความไม่เข้าใจกันของคนเสื้อแดงด้วยกันเอง และกับรัฐบาลเพื่อไทย ทำให้ทักษิณและแกนนำ นปช.ที่เป็น ส.ส.เพื่อไทยชักไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว