xs
xsm
sm
md
lg

พา “แม้ว” กลับบ้านช่วงสงกรานต์ แค่แดงเซาะกราวปั่นราคา-ผิดคิว!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 ทักษิณ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

เริ่มออกไปในทางสร้างกระแสปั่นราคาเสริมความดังให้กับตัวเอง โดยไม่ยอมก้มดูเงาตัวเองเข้าไปทุกทีแล้ว สำหรับ ขวัญชัย ไพรพนา หรือ ขวัญชัย สาราคำ ที่อ้างว่าเป็นประธานชมรมคนรักอุดร ได้ประกาศเสียงดังฟังชัดเมื่อวันก่อนว่าเขาจะนำ ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านในช่วงสงกรานต์ โดยจะเดินข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แล้วมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ทำตามกฎหมายไทย

มิหนำซ้ำยังพูดไปก่อนว่าจะให้ติดคุกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ขณะเดียวกัน ระหว่างเดินเข้ามาก็ไม่ต้องห่วง เพราะจะมีคนเสื้อแดงทั่วทั้งภาคอีสานคอยเป็น “กำแพงเหล็ก” คุ้มกันความปลอดภัยให้เสร็จสรรพ ทั้งที่อยู่ระหว่างการพำนักค้างคืนที่จังหวัดอุดรธานี และระหว่างที่ถูกควบคุมตัว (แบบพอเป็นพิธี)

คำพูดดังกล่าวนอกจากเรียกเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกรอบ หลายคนหูผึ่งถามไถ่กันทันทีว่า จริงหรือ!!

ขณะเดียวกัน ถ้าเป็นอย่างที่ว่าก็ต้องยอมรับว่า ขวัญชัย ไพรพนา นี่มันใหญ่จริง ใหญ่กว่าหัวโจกคนเสื้อแดงทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้ รวมไปถึง เจ๋งกว่า รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ประกาศแทบจะเป็นรายวันก่อนหน้านี้ว่าจะพา ทักษิณ กลับบ้าน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ถึงเวลา หรือมาไม่ได้สักที สู้ขวัญชัย ไม่ได้ เพราะนี่คือของจริง

อย่างไรก็ดี กลายเป็นว่า เพียงแค่ข้ามคืน คำพูดของ ขวัญชัย ที่เคยดูขึงขังจริงจัง เป็นแค่เรื่องคุยโม้โอ้อวด และทำไปทำมาคนพูด อาจถูกลอยแพ เป็น “สุนัขหัวเน่า” ก็เป็นได้ เพราะล่าสุด มีระดับแกนนำทั้งที่เป็นคนในรัฐบาลที่ใกล้ชิดทักษิณ ทั้งที่เป็น “ดอง” อย่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต พูดสั้นๆ เมื่อถูกถามเรื่องนี้ว่า “อย่าไปให้ความสำคัญ”

ตามมาด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ที่มีผลงานในเรื่องการอำนวยความสะดวกการเดินทางให้กับ ทักษิณ กล่าวทำนองเดียวกันว่า ถ้าจะกลับก็ต้องกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรี ไม่ใช่ลักษณะข้ามแดน

ผสมโรงด้วย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรี พลิกจากไพร่ราบเปลี่ยนฐานะใหม่ก็กล่าวว่าต้องขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์และตัดสินใจของ ทักษิณ เอง และขณะนี้ก็ยังไม่เห็นการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง

พิจารณาจากคำพูดของ ทั้งสองฝ่ายแสดงให้เห็นว่า น้ำหนักน่าจะอยู่ที่ฝ่ายหลัง มากกว่าคำพูดของ ขวัญชัย ขณะเดียวกันมันก็สะท้อนให้เห็นว่าเวลานี้ได้เห็นความขัดแย้ง แบ่งแยกกันภายในกลุ่ม “หัวโจก” คนเสื้อแดง และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย

ก่อนหน้านี้หากจำกันได้ เคยมีการกล่าวหา โจมตีซึ่งกันและกันระหว่าง หัวโจกคนเสื้อแดงมาเป็นระยะ โดยเฉพาะในขั้วของขวัญชัย กับระดับหัวโจกรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ณัฐวุฒิ และ จตุพร พรหมพันธุ์ รวมไปถึงคนอื่นๆ แม้กระทั่ง ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช.คนปัจจุบัน โดยระหว่างการชุมนุมที่เขาใหญ่เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน กลุ่มขวัญชัย ก็ไม่ได้เข้าร่วม

ล่าสุด แม้กระทั่งในภาคอีสานก็มีการแจ้งความ มีการแถลงโจมตีทั้งเรื่องการเคลื่อนไหวที่มีการกล่าวหาว่ามีเรื่องผลประโยชน์กันอย่างรุนแรง
 

สำหรับการกลับเข้าประเทศของทักษิณ ชินวัตร ในช่วงเดือนเมษายน หากเป็นไปตามคำอ้างของ ขวัญชัย จริงก็ต้องบอกว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่วันเท่านั้น และแม้ว่าจะไม่ได้ระบุวันเวลาชัดเจน แต่ก็พอเดากันว่าน่าจะเป็นช่วงสงกรานต์ เพราะตามข่าวระบุว่า ทักษิณ จะเดินทางมานครเวียงจันทน์ประเทศลาวในช่วงวันที่ 14-16 มีนาคม

อย่างไรก็ดี อีกด้านหนึงเมื่อพิจารณาจากท่าทีและคำยืนยันของทักษิณกลับขัดแย้ง ไม่ได้เป็นแบบนี้ เพราะเขายืนยันมาตลอดว่า “ไม่ผิด” ถูกกลั่นแกล้ง รวมทั้งไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่พิจารณาความผิด อีกทั้งในเวลานี้ก็ยังมีการเคลื่อนไหวในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อลบล้างความผิด เพื่อให้กลับมามีอำนาจอีกรอบรวมไปถึงได้ทรัพย์สินที่ถูกยึดไปกลับคืนมา

นอกจากนี้ยังมีความพยายามในการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมโดยจะเปลี่ยนชื่อเป็นพระราชบัญญัติปรองดอง โดยใช้วิธีอำพรางว่าเพื่อลบล้างความผิดให้กับทุกฝ่าย แต่เป้าหมายที่ซ่อนอยู่ก็คือเพื่อช่วยเหลือ ทักษิณ เป็นหลัก เหมือนกับการจ่ายเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทางการเมือง แต่มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือ “ซื้อใจ” คนเสื้อแดง สำหรับรองรับภารกิจสำคัญในวันหน้า

ดังนั้นเมื่อประเมินจากน้ำหนักของทั้งสองฝ่ายมาเปรียบเทียบแล้ว ความเป็นไปได้ที่ ทักษิณ จะกลับบ้านตามพูดของ ขวัญชัย นั้นคงยังเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกัน ถ้าจะกลับมาก็คงยังต้องให้น้ำหนักในลักษณะของการออกกฎหมายลบล้างความผิด ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมมากกว่า เพราะนี่คือความหมายของพวกเขาที่บอกว่านี่คือ “ศักดิ์ศรี”

เมื่อผลทำท่าลงเอยอย่างที่ว่ามันก็ย่อมเห็นแนวโน้มของชะตากรรมคนพูด อย่างขวัญชัย ไพรพนา ว่าจะออกไปในทางหัวเดียวกระเทียมลีบ หรือ “สุนัขหัวเน่า” เพราะเมื่อประเมินแล้ว ทั้งในระดับหัวโจกคนเสื้อแดงด้วยกัน และในระดับ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ต่างแยกกันเดิน แยกกันเคลื่อนไหวกันชัดเจนมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรทุกฝ่ายก็ยังขึ้นอยู่กับ ทักษิณ และที่สำคัญยังต้อง “เบิก” จากทักษิณ อยู่เหมือนเดิม

ถ้าแยกออกมาพิจารณาเฉพาะกรณีของขวัญชัย คราวนี้ก็ต้องบอกว่า “ล้ำหน้า” เหมือนกับการ “โชว์เพาฯ” อวดตัวให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองเหนือกว่า โดยเฉพาะต้องการชี้ให้เห็นว่า แดงในภาคอีสานอยู่ในความควบคุมของเขา ไม่ใช่อยู่ในสังกัดของพวก “แดงอำมาตย์” ที่กำลังได้ดิบได้ดีอยู่ในเมืองหลวงเวลานี้ แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างทำท่าจะผิดคาด กลับตาลปัตร ไม่มีใครเอาด้วย กลายเป็นว่า ความเคลื่อนไหวของเขาจึงไม่ต่างจากพวก “เซาะกราว” ต้องการปั่นราคาตัวเอง เพื่อช่วงชิงการนำในหมู่พวกเดียวกัน ซึ่งก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า

อีกทั้งเมื่อสภาพออกมาอย่างที่เห็นมันก็ทำให้พอชี้ถึงแนวโน้มอนาคตวันข้างหน้าของเขาว่าจะออกมาอย่างไร รวมไปถึงความเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นเอกภาพ เพราะความแตกแยก ชิงดีชิงเด่น ไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะการ “ทับซ้อน” กันเรื่องผลประโยชน์ แม้ว่าในบรรยากาศดังกล่าวยังอยู่ภาวะที่ควบคุมได้ ไม่มีทางบานปลาย เพราะทุกคนอยู่ในสังกัดของ ทักษิณ ต้องการอิงแอบอยู่กับ ทักษิณ แต่รับรองว่านี่ไม่ใช่ผลบวกในสายตาของชาวบ้าน รวมทั้งเครือข่ายแน่นอน!!
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต
ขวัญชัย ไพรพนา
กำลังโหลดความคิดเห็น