อาฟเตอร์ช็อก แดง-จักรภพ ซัด “แม้ว” เหลือบการเมือง!!

ผ่าประเด็นร้อน

ไม่น่าเชื่อว่าจากคำพูดของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการสลัดคนเสื้อแดงที่เป็นภาระ เป็นอุปสรรคต่อการปรองดองกับอำมาตย์ รวมไปถึงป้องกันภัยกับรัฐบาลของเขา เนื่องจากต้องการให้สถานการณ์ “นิ่ง” ให้มากที่สุด ไม่อยากให้มีการเคลื่อนไหวจนอาจปั่นป่วนจนเกิดผลกระทบแบบไม่คาดหมาย

เพราะเป้าหมายสำคัญที่สุดที่เขาต้องลุ้นอยู่ในตอนนี้ยังไม่สำเร็จ นั่นคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ต้องการรวบอำนาจเข้ามาอยู่ในมือ แล้วลิดรอนอำนาจการตรวจสอบ รวมไปถึงการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมให้เขาพ้นผิดยังไม่บรรลุผล

ขณะเดียวกัน อย่างที่รับรู้ไปแล้วว่า สาเหตุที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ใช้โอกาสในการชุมนุมคนเสื้อแดงครบรอบรำลึก 2 ปี เหตุการณ์วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ขอแยกทางเดินไปตามเส้นทางปราถนา นั่นคือการเข้าสู่โหมดแห่งการปรองดอง เรียกร้องให้ทุกฝ่าย “ลืมอดีต-เลิกแล้วต่อกัน” เพื่อเดินไปข้างหน้า ความหมายก็คือ ให้ทุกคนเลือกเอา คือหนึ่งเดินตามเขา ไม่ต้องถามไม่ต้องสงสัย แต่ขณะเดียวกันถ้าใครรับไม่ได้ หรือไม่เอาด้วยจะแยกทางไปก็เชิญตามสะดวก

แน่นอนว่า มันก็ต้องมีพวกแดงอุดมการณ์ล้มเจ้า ที่ไม่ยอมเป็นลูกน้องทักษิณ และที่ผ่านมาไม่รู้ว่าใครหลอกใช้ใคร ก็ต้องมาถึงจุดแตกหักต่างออกมาโวยวาย ด่าทอเสียงดังลั่นออกมานอกห้องเรื่อยๆ

เท่าที่เห็นก็มีพวกนักวิชาการแดงที่มีปฏิกิริยาเดือดดาลก่อนไคร ด่ายับว่า หักหลัง เหยียบศพชาวบ้าน หลอกใช้เป็นเครื่องมือแล้วไปเสวยสุขกับอำมาตย์ แล้วแต่สรรหามาโจมตี

นอกจากนี้ยังมีบรรดาญาติของคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ที่ไม่พอใจกับคำพูดของทักษิณ ที่บอกให้ลืมอดีต เลิกแล้วต่อกัน ให้เสียสละเพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าไปสู่การปรองดอง เลิก “ขัดแย้งแบบปัญญาอ่อน” เสียที คำพูดดังกล่าวแน่นอนว่าย่อมสร้างความเจ็บปวดให้คนเสื้อแดงที่พอมีสติปัญญามีความคิดเป็นของตัวเอง สามารถสรุปได้ทันทีว่า ทักษิณต้องการสลัดทิ้ง ไม่ต้องการให้เป็นภาระเป็นอุปสรรคต่อแผนปรองดอง และผลประโยชน์ของเขาในวันข้างหน้า

นี่คือภาพความขัดแย้งขัดเคืองที่กำลังเกิดขึ้นระหว่าง ทักษิณ และลูกน้องของเขา กับอีกฝ่ายที่ไม่ยอมเดินตาม แต่อันที่จริงคนกลุ่มหลังถือว่าเป็นคนละกลุ่มคนละพวกกันมาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่าการเข้าร่วมเคลื่อนไหวก็มีเหตุผลเพียงเพื่อเป้าหมายเฉพาะหน้าคือ “ล้มเจ้า” จากนั้นค่อยมาล้มทุนสามานย์อย่าง ทักษิณ ก็เป็นได้ ซึ่งแน่นอนว่าคนอย่าง ทักษิณ ที่ “เหลี่ยมจัด” อยู่แล้วย่อมรู้ดี และเมื่อมีโอกาสก็ต้องฉวยจังหวะสลัดทิ้ง เสียแต่ต้นมือ เพราะขืนปล่อยไว้นานจะเป็นภัยกับตัว

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นหากเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ “แผ่นดินไหว” ในกลุ่มคนเสื้อแดงก็เป็นได้ จนรับรู้ถึงอาการสั่นสะเทือนไปทั่ว และที่สำคัญยังมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายระลอก จนสร้างความเสียหายได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดแม้แต่ จักรภพ เพ็ญแข “แดงเก็บกด” ที่โผล่ออกมาใช้เว็บเสื้อแดงโวยวายกับท่าทีของทักษิณที่หันไปจูบปากกับอำมาตย์ แบบ “ยกประโยชน์ให้จำเลย”

ในจดหมายเปิดผนึกที่ส่งไปถึงคนเสื้อแดง แม้ว่า จักรภพ ไม่ได้เอ่ยชื่อทักษิณโดยตรง แต่หากพิจารณาในเนื้อความรวมๆแล้วจะเป็นใครไม่ได้ โดยเฉพาะข้อความที่ว่า “เขาต้องการประชาธิปไตยแบบที่เขายังควบคุมได้ ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่มามวลชนมาควบคุมและชี้นำ” และ ต้องการเข้ามาแทนที่ “เหลือบ” กลุ่มเก่าที่ออกไป อย่างไรก็ดี จักรภพตั้งคำถามอย่างคมคายว่า “นี่คือการเดินถอยหลังเข้าคอกวัวคอกควายหรือเปล่า”

หากพิจารณาเฉพาะ จักรภพ ถือว่าเป็นอีกคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนท่าทีของ ทักษิณ ที่หันไปปรองดองกับอำมาตย์ เพราะที่ผ่านมาเขาตั้งตนเป็นศัตรูกับสัญลักษณ์อำมาตย์ อย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อย่างดุเดือด มีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพติดตัว จนเลือกใช้วิธีหลบหนีออกนอกประเทศ และใช้โอกาสเดินสายวิจารณ์จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรงเรื่อยมา โดยเฉพาะในโลกไซเบอร์ ถือว่าเขาอยู่ในแถวหน้า และสำหรับคนเสื้อแดงล้มเจ้าเขาก็เป็นขวัญใจคนหนึ่งเหมือนกัน

ดังนั้น เมื่อท่าทีของทักษิณเปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้าม มันก็ย่อมส่งผลสะเทือน ขณะเดียวกันที่ผ่านมาเมื่อเร่งเครื่องเดินหน้ามาสุดกำลัง จะหันหัวกลับก็ไม่ได้ จำเป็นต้องลุยต่อ และช่วยไม่ได้ที่จะต้องหันมาแว้งกัดเอากับ ทักษิณ นายเก่าให้จมเขี้ยว เพราะนาทีนี้ต่างฝ่ายถือว่า “หน้ามืด” ต้องทำลายให้เสียหายให้ได้มากที่สุดเท่านั้นเอง!!